8 ปีของญาญ่า กับ “เอเวอรี่ธิง” ของมุมมองที่เปลี่ยนไป

เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน เพราะเผลอแป๊บเดียว ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ก็อยู่ในวงการบันเทิงมานานถึง 8 ปีแล้ว

เป็น 8 ปีที่เจ้าตัวเองก็ว่าไม่อยากจะเชื่อ

“จริงๆ รู้สึกเหมือนแค่ 2-3 ปีด้วยซ้ำ” ญาญ่าที่สนุกกับงานบอกยิ้มๆ

ก่อนจะว่า นับจาก “วันแรกเข้า” วันนั้น มาจนถึงวันนี้ “แน่นอนค่ะ มีหลายเรื่องที่ไม่สามารถมองเหมือนเดิมได้”

“เอเวอรี่ธิงเลย”

“อาจจะเพราะว่าเราโตขึ้น เมื่อก่อนเราอาจจะมองทางเดียว ไม่ได้พร้อมจะเปิดหู เปิดตา เปิดใจมองในหลายมุม แต่วันนี้เราโตขึ้น เจอคนเยอะมากขึ้น เล่นเป็นหลายตัวละคร ก็ทำให้ความคิดมันกว้างขึ้น”

นางเอกคนดังที่ปัจจุบันอายุ 25 ปี ยังว่าสำหรับเธอแล้วการเป็นดาราที่เหมือนจะถูกจับจ้อง มองจากทุกด้านนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก หรือทำให้ลำบากใจ

“ไม่เลยค่ะ” สาเหตุนั้นอาจเพราะสิ่งที่เธอยึดมั่นมาตลอดคือ “ต้องจริงใจกับตัวเราให้มากที่สุด เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน หรือมาทำงาน เราจะไม่ได้เป็นคนอื่น เราจะเป็นตัวเราก่อน เผื่อวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้น เรายังจำได้ว่าเราเป็นใคร”


ส่วนเรื่องบวก เรื่องลบ อะไรที่จะเข้ามา “เอาจริงๆ ถ้าทำใจได้ ก็ไม่มีอะไรยากหรอก” ญาญ่าว่า

สำหรับเรื่องดราม่าที่เกิดง่ายเสียเหลือเกินในยุคปัจจุบันนั้น สำหรับเธอซึ่ง “รู้สึกว่าเป็นคนที่รอบคอบอยู่แล้ว ไม่ใช่คนที่ไม่คิดอะไรก่อนทำ เป็นคนย้ำคิดย้ำทำ” ก็ไม่กังวลนัก

“จะระวังในระดับหนึ่ง”

ขณะเดียวกัน “สิ่งที่คิดไว้เสมอมาคือ เราจะต้องทรีตคนอื่น ในทางที่เราอยากให้เขาทรีตเรา เพราะฉะนั้น จะคิดเสมอว่าอันนี้จะกระทบคนอื่นไหม คนนั้นเขาจะรู้สึกอย่างไรถ้าเราทำแบบนั้น”

ครั้นพอถามว่า กับข่าวต่างๆ นานาที่คนเป็นดาราต้องเจอนั้น “ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย อันนี้คือโกหกที่สุดในโลกค่ะ” ญาญ่าบอกด้วยท่าทีจริงจัง

“ไม่เชื่อว่าเวลามีข่าวอะไรแล้วนักแสดงไม่รู้สึก เป็นไปไม่ได้”

“เราคือคนหนึ่งที่ใครพูดอะไรเล็กๆ น้อยๆ เราก็รู้สึกอยู่ แต่ว่าสุดท้ายแล้วความจริงมันอยู่ที่ตัวเรา เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ความจริงอยู่ตรงไหน”

“มันแค่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะฉลาดพูดแค่ไหน”

เท่านั้นเอง

บอกอีกว่าที่ผ่านมายังไม่เจอข่าวไหนที่ทำให้จี๊ดใจ จนต้องร้อง โอ้! มายก๊อด “แต่ที่รู้สึกลำบากใจที่สุดคือที่ข่าวพาดพิงไปถึงคนอื่น ที่ถามเรื่องคนอื่น ไม่รู้จะพูดยังไง ลำบากใจที่จะตอบ”

ถามญาญ่าอีกว่า โดยปกติเธอเป็นคนที่ยิ้มสู้กับทุกเรื่องไหม

“เป็นคนแข็งแรง” เธอบอก

ดังนั้น ไม่ว่าเรื่องไหน สิ่งใดจะเกิดขึ้น หรือถาโถมเข้าหา “เราก็ต้องทำใจให้ได้ จะไม่เอาเก็บไปคิดมาก”

นางเอกคนสวยยังตอบคำถามเรื่องการเป็นซูเปอร์สตาร์ว่า เอาเข้าจริงในส่วนตัวเองนั้น ที่เธอมองก็แค่ “ตัวเองเป็นคนที่มีความรับผิดชอบหลายอย่าง”

“การออกจากบ้านก็ถูกควบคุมไว้อยู่แล้วว่าอันนี้เราจับไม่ได้ กินไม่ได้ แต่ว่าตัวญ่ากับแม่มีระบบอยู่อย่างหนึ่ง แม่จะถามตลอดว่างานนี้รับไหม เราเป็นคนตัดสินใจหมด เพราะฉะนั้น ตอนไปทำงานจะไม่มีสิทธิบ่น เพราะแม่บอกว่าก็ยูบอกว่ายูจะรับ โทษแม่ไม่ได้นะ” ญาญ่าเล่าพลางหัวเราะ

ซึ่งพอเป็นเช่นนี้ “เราต้องรับผิดชอบ 100% เพราะเราเลือก”

กับเส้นทางในวงการบันเทิง ที่มองยังไงเธอก็ยังไปได้สวยนั้น ญาญ่าบอก อันที่จริงเธอมองตลอดว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะอยู่ได้ไปตลอดชีวิต”

“มันมีวัฏจักรที่ชัดเจนว่ามีคนใหม่มา คนเก่าไป มันคือธรรมชาติของวงการ”

ที่เธอตั้งใจไว้ ระหว่างที่ยังอยู่ จึงเป็น “แค่ทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุด”

“อย่าให้มีใครมาบอกว่าเป็นนักแสดงไม่มีคุณภาพ”

เรื่องส่วนตัวที่กลายเป็นเรื่องส่วนรวม

“เข้าใจมากๆ เลยค่ะ”

“เพราะว่าในส่วนตัวความเป็นมนุษย์ เราก็อยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาเหมือนกัน ฉะนั้น มันเป็นเรื่องปกติที่คนอยากจะรู้ เพราะสิ่งที่เขาเห็นในทีวีมันแค่นั้น อยากรู้มากกว่านั้น เราเข้าใจ”

อย่างเรื่องความสัมพันธ์กับณเดชน์ คูกิมิยะ นั่นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายๆ คนสนใจใคร่จะรู้

“7 ปีค่ะ” ญาญ่าบอกเวลาที่คนโฟกัส

ทั้งนี้ กับณเดชน์นั้น เธอว่าเป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่เจอกัน

“แล้วจากวันแรกที่เจอ มันคลิกเลยนะคะ จนนับว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนั้น”

และในวันนี้ “เขาคือคนที่รู้จักเรามากที่สุดในวงการนี้ ไม่นับแม่กับพี่สาว เราโตมาด้วยกัน ผ่านหนาว ผ่านเย็น มีผลงานด้วยกันทุกปี”

ใครอยากเรียกว่าคู่บุญก็ได้ เพราะญาญ่าบอก เธอเองก็ “คิดแบบนั้นนะคะ”

ส่วนจะพัฒนาจากคู่บุญเป็นคู่ชีวิตไหม?

“ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นคนที่รู้จักเราดีที่สุด สนิทที่สุด จะเป็นแฟน เพื่อน คนที่เกลียดกัน จะไม่ชอบกันแล้ว หรืออะไรก็ตาม เราจะเป็นคนที่ดีต่อกันตลอดไป”