รายงานพิเศษ/ปฏิบัติการ ‘ถ้ำหลวง’ คะแนนบวก ‘บิ๊กตู่-คสช.’ หน่วยซีล-รบพิเศษ-ทหารเสือฯ ‘บิ๊กป้อม’ กรุยสนามการเมือง เมื่อ ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก’ ไปต่อ

รายงานพิเศษ

 

ปฏิบัติการ ‘ถ้ำหลวง’

คะแนนบวก ‘บิ๊กตู่-คสช.’

หน่วยซีล-รบพิเศษ-ทหารเสือฯ

‘บิ๊กป้อม’ กรุยสนามการเมือง

เมื่อ ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก’ ไปต่อ

 

ปฏิบัติการพา “ทีมหมูป่า” กลับบ้าน ได้กลายเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาล คสช. และผลงานของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เลยทีเดียว

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะเปิดเผยว่า ได้ไปไหว้พระ บนบานศาลกล่าว ทั้งไหว้ศาลพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว และพระสยามเทวาธิราช มาด้วยก็ตาม

แต่ก็ต้องยกให้เป็นผลงานของบรรดานายทหารหน่วยซีล หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) ของกองทัพเรือ ในฐานะที่เป็นผู้นำในการใช้ความพยายาม จนสามารถค้นหาทีมหมู่ป่าทั้ง 13 คนได้ แม้จะเป็นนักดำน้ำอังกฤษที่เป็นคนไปเจอก่อนก็ตาม

แต่หน่วยซีล ที่มีบิ๊กน้อย พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผบ.นสร. หรือ ผบ.หน่วยซีล ก็ถือว่าเป็นพระเอกด่านหน้า เป็นความหวังทั้งหมดในการค้นหาและนำทีมหมู่ป่าออกจากถ้ำหลวง

โดยปฏิบัติการครั้งนี้ ใช้หน่วยซีลของ นสร. มากกึง 128 นาย จากจำนวนมนุษย์กบ หรือหน่วยซีลที่ประจำการอยู่ราว 400 นาย

แม้ว่าผู้ที่นำตัวเด็กๆ ทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง ด้วยวิธีการให้ยาคลายประสาท เพื่อให้เด็กๆ นิ่งๆ ไม่ตื่นเต้น หรือเอามือถอดหน้ากากออกซิเจน เพื่อให้นักดำน้ำต่างชาติมืออาชีพระดับโลก ที่มากันทีมละ 13-19 คน นำดำน้ำออกมา โดยมีหน่วยซีลเป็นแค่ผู้ช่วยก็ตาม แต่ก็ถือว่าหน่วยซีลเป็นคนกรุยทาง การวางระบบช่วยเหลือต่างๆ

จนทำให้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ก ส่งข้อความมาคอมเมนต์ในเพจ Thai Navy Seal แสดงความชื่นชม

 

ทั้งนี้ ในส่วนกองทัพเรือนั้น นอกจากบิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. จะติดตามสถานการณ์ด้วยตนเองมาตลอด และเดินทางไปที่ถ้ำหลวงด้วยตนเอง 2 ครั้ง โดยครั้งหนึ่งพร้อมกับ พล.อ.ประยุทธ์

แต่ก็มอบหมายให้บิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสธ.ทร. เดินทางไปให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์ที่ถ้ำหลวงมาโดยตลอด ที่ก็ทำให้เขายิ่งถูกจับตามองในฐานะแคนดิเดต ผบ.ทร.คนใหม่ ในเดือนกันยายนนี้อีกด้วย

ขณะที่กองทัพบก ที่บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ได้ส่งทหารกว่า 1 พันนายมาช่วยในการค้นหา และส่งทหารเสือราชินี และทหารรบพิเศษ ที่จบหลักสูตรดำน้ำยุทธวิธี Combat Diver ไปช่วยดำน้ำลำเลียงขวดอากาศ ไว้รองรับการนำเด็กๆ ออกจากถ้ำ

นอกจากนี้ พล.อ.เฉลิมชัยลงพื้นที่ถ้ำหลวงเองด้วยแล้ว ยังมอบให้บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสธ.ทบ. มาบัญชาการและติดตามสถานการณ์อยู่ที่ถ้ำหลวงนานหลายวัน

พล.อ.ณัฐพลก็กำลังลุ้นที่จะนั่งเป็น เสธ.ทบ. ต่อ เพื่อต่อเป็น ผบ.ทบ. ต่อในอนาคต

ผลพวงของปฏิบัติการพาทีมหมูป่ากลับบ้านนี้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์สั่งการให้ถอดบทเรียนการกู้ภัยในถ้ำ หรือ Cave Rescue มาให้ทหารฝึก ทั้งหน่วยซีล ทหารรบพิเศษ ทหารเสือราชินี ในการฝึกดำน้ำในถ้ำ ที่ไม่เคยฝึกกันมาก่อน

และตามมาด้วยการจัดซื้ออุปกรณ์ดำน้ำที่ทันสมัยให้กับหน่วยต่างๆ ไว้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

ปฏิบัติการนี้ ทำให้คำถามที่ว่า ทหารมีไว้ทำไม ได้รับคำตอบ และส่งผลให้คะแนนนิยมของทหารในหมู่ประชาชนเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีแผนจะลงสู่ถนนการเมืองในอีกไม่ช้า

 

ขณะที่บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็เล่นบทบาทนำ ในการกู้ภัยถ้ำหลวงครั้งนี้ ที่นายกฯ มอบให้เป็นแม่งานหลัก และให้ไอเดียในการแก้ปัญหาต่างๆ

“ผมไม่ใช่ฮีโร่ ไม่มีใครเป็นฮีโร่คนเดียว เพราะทุกคนที่มาช่วยกันหมดทุกคนคือฮีโร่ แม้แต่พลทหารที่มาช่วยงานหน้าถ้ำ เดินลาดตระเวน หรือลำเลียงขนของเข้าถ้ำ”

งานนี้ เรียกได้ว่า ทั้งพี่น้อง 3 ป. ในงานนี้ ต่างก็ทุ่มเทกันเต็มที่ ทั้ง พล.อ.ประวิตร ในส่วนที่คุมทหาร และ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ดูแลมหาดไทย ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ดูแลในภาพรวม อันจะเป็นผลงานในการลงสู่สนามการเมืองต่อในอนาคต

อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตรออกมาหนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้เล่นการเมืองต่อ เพื่อทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง “เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปต่อได้”

ด้วยความเป็นพี่ใหญ่ จึงทำให้ พล.อ.ประวิตรตกเป็นข่าวถูกพาดพิงในแวดวงการเมืองเสมอๆ แม้เจ้าตัวจะประกาศไม่เล่นการเมืองอีกแล้วก็ตาม

แต่เชื่อกันว่า จะต้องรั้งตำแหน่งผู้จัดการรัฐบาลในไม่ช้า…

 

จนทำให้บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ พี่รองแห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่มานั่งนิ่งอย่างมั่นคงบนเก้าอี้ รมว.มหาดไทย หรือ มท.1 แบบที่ไม่มีวันเก้าอี้สั่นคลอนนั้น กำลังถูกจับตามองด้วยเช่นกันว่า หลังหมดเทอมรัฐบาล คสช. และมีการเลือกตั้งแล้ว จะตัดสินใจอนาคตอย่างไร

โดยเฉพาะเมื่อบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ประกาศไปหลายครั้งแล้วว่า จะไม่ไปต่อบนถนนสายการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ น้องรัก แต่จะขอพักผ่อน เพราะอายุมาก และมีปัญหาสุขภาพ

“อนาคตผมไม่รู้หรอก แต่ถ้านายกฯ ถามว่า พี่ป๊อกเหนื่อยหรือยัง ผมก็พร้อมที่จะไปพักผ่อนเลย” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว อันเป็นการเปิดทางในการช่วย พล.อ.ประยุทธ์ทำงานการเมืองต่อไป

ส่วนพี่ใหญ่อย่าง พล.อ.ประวิตร นั้น พล.อ.อนุพงษ์เดาใจว่าไม่น่าจะทิ้งน้องๆ ไปไหนได้

เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตรก็บอกว่า ไม่เอา ไม่รับตำแหน่ง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ขอร้องให้มาช่วยงาน เช่นเดียวกันกับตนเอง ก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาเป็นอะไร แต่น้องขอให้มาช่วยกัน

ที่สำคัญ พล.อ.อนุพงษ์มองว่า ไม่มีใครจะมาเป็น รมว.กลาโหม ดูแลกองทัพได้ดีเท่า พล.อ.ประวิตร รวมทั้งดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย หรือไม่เช่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องเป็น รมว.กลาโหมเอง

แต่ทั้งนี้ เป็นแค่การคาดการณ์ วิเคราะห์กันไปเท่านั้น ยังไม่มีใครรู้อนาคต

 

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีข่าวออกมาจากฝ่ายการเมือง พาดพิง พล.อ.ประวิตรในการเคลียร์ทางสู่เก้าอี้นายกฯ ให้ พล.อ.ประยุทธ์น้องเล็ก

ทั้งการที่อดีต ส.ส.อีสานตบเท้าเข้าพบ พล.อ.ประวิตรที่บ้านพักป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ใน ร.1 รอ. สถานที่ประวัติศาสตร์ที่ พล.อ.ประวิตรเคยใช้ในการจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในค่ายทหารมาแล้ว

ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยอีกครั้งที่บ้านพัก ร.1 รอ. ของ พล.อ.ประวิตรในยุคนี้ เพราะการที่บิ๊กทหารในกองทัพ ทั้งที่เป็นน้องรักของบิ๊กๆ คสช. และบิ๊กทหารในกองทัพภาคที่ 2 ที่ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ต่างถูกนักการเมืองออกมาปูดข่าวว่า ล้วนมีส่วนในปฏิบัติการ “ดูด” อดีต ส.ส. มาเข้าพรรคทหาร พรรค คสช. ในนามพรรคพลังประชารัฐ

โดยเฉพาะอดีต ส.ส. ในภาคอีสาน ที่เป็นเป้าหมายหลักของ คสช. จะมีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก

 

รวมทั้งนายทหารอีสานที่สนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร ที่กำลังระดมพลังนายทหารที่รับราชการในกองทัพภาคที่ 2 เดินสายพูดคุยนักการเมือง โน้มน้าวใจให้ช่วยหนุน พล.อ.ประยุทธ์

“เขารู้จักกัน เขาก็ไปคุยกันได้” พล.อ.ประวิตรเปิดไฟเขียวทันใด

แม้ในหลักการแล้ว ทหารควรจะต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าบ้างพรรคการเมืองใดก็ตาม แต่ พล.อ.ประวิตรมองว่า ถ้ารู้จักกัน ก็ไปคุยกันได้ แต่เชื่อว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการดูด

แต่ทว่าในอีกมุมหนึ่ง ต้องไม่ลืมว่า ผบ.เหล่าทัพ ผู้นำกองทัพ เป็นสมาชิก คสช. ดังนั้น จึงยิ่งยากที่จะแยกทหารออกจากการเมือง

งานนี้ แม้แต่ พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ด้วย ก็ยังไม่อาจให้คำตอบได้ ต่อกระแสข่าวบิ๊กทหารเดินสายคุยอดีต ส.ส. เพื่อเข้าพรรคทหาร

อีกทั้ง ผบ.เหล่าทัพได้เคยประกาศไว้แล้วว่า กองทัพไม่สามารถลาออกจากการเป็น คสช. ได้ ก็ต้องสนับสนุนกันต่อไปเช่นนี้

ในเวลานี้ ความเคลื่อนไหวของทหารในเครื่องแบบ จึงยังคงคึกคัก โดยเฉพาะเข้าสู่ช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายแล้ว ยังคงมีข่าวลือต่างๆ ถึงขั้นที่ว่า ใครช่วยดูด ส.ส. ได้ ก็จะมีโอกาสได้ตำแหน่งสำคัญในกองทัพด้วยเลยทีเดียว

จึงไม่แปลกที่ปฏิบัติการดูดครั้งนี้ จะมีเสียงท็อปบู๊ตตบเท้ากันพึ่บพั่บ อันเป็นอีกความพยายามของรัฐบาล คสช. ในการกลับมาเป็นรัฐบาลคุมอำนาจต่ออีก ปิดทางฝ่ายตรงข้ามทุกประตูเลยทีเดียว