GLC 250 d 4MATIC Coupe “สปอร์ตเอสยูวี” จากเบนซ์ ราคาเริ่ม 4.09 ล้าน

สันติ จิรพรพนิต

ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ค่ายดาวสามแฉก “เมอร์เซเดส-เบนซ์” คงเป็นค่ายรถหรูที่เปิดตัวรุ่นใหม่ และไมเนอร์เชนจ์มากที่สุดก็ว่าได้

โดยเฉพาะในปีนี้เปิดกันแทบจะรายเดือน แถมบางครั้งปล่อยทีเด็ดออกมาพร้อมกันหลายๆ รุ่นก็มี

แต่น่าสนใจว่าในหลายๆ รุ่นมักจะเป็นรถในกลุ่ม “เอสยูวี” (SUV-Sport Utility Vehicle) หรือรถตรวจการณ์อเนกประสงค์

โดยตระกูลเบนซ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นรถหรู ไม่ได้เน้นสมรรถนะเรื่องการบุกตะลุยเท่านั้น หากแต่ยังมีความสปอร์ต ปราดเปรียว และเครื่องยนต์ทรงพลัง

นับจากปี ค.ศ.2011 รถเอสยูวี ของค่ายดาวสามแฉกมาแรงแซงโค้งรถหลายๆ เซ็กเมนต์ของตัวเอง กวาดยอดขายเป็นกอบเป็นกำได้ราวๆ 4 ล้านคันทั่วโลก

โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มียอดขายในกลุ่มเอสยูวีทั่วโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 56,286 คัน เติบโตขึ้นถึงกว่า 40% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ในเมืองไทยเองก็เห็นเอสยูวีของเบนซ์วิ่งกันอยู่หลายรุ่น

จุดเด่นสำคัญไม่พ้นรูปทรงที่แม้จะเป็นตระกูลเอสยูวี แต่ออกแบบได้เด็ดดวง และขับได้อารมณ์ไม่ต่างจากเก๋งก็ว่าได้

รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวคือ “GLC 250 d 4MATIC Coupe”

GLC 250 d 4MATIC Coupe ถือว่ามาแปลกกว่ารุ่นอื่นๆ หน่อย เพราะแม้มี 2 รุ่นย่อย แต่เป็นรุ่นที่มีอุปกรณ์ตกแต่งทั้งคู่ คือ

GLC 250 d 4MATIC Coupe AMG Dynamic และ GLC 250 d 4MATIC Coupe AMG Plus

จากปกติที่ผ่านมาจะมีรุ่นธรรมดา และรุ่น AMG Dynamic ซึ่งมีชุดแต่งจากสำนัก AMG เป็นตัวเลือก

untitled-21

GLC 250 d 4MATIC Coupe เป็นสมาชิกลำดับที่ 7 ในกลุ่มเอสยูวี ที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์กลุ่มนี้ให้ดูหลากหลาย และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ถือเป็นรถในกลุ่มคอมแพ็กต์เอสยูวี เป็นรถขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่เทอะทะ

รูปลักษณ์ภายนอกมองผาดๆ ไม่นับความสูง และบันไดข้างที่ให้มาแล้ว ดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู

กระจังหน้าขนาดใหญ่มีเส้นโครเมียมพาดขวาง ตรงกลางเป็นสัญลักษณ์ดาวสามแฉกขนาดใหญ่เต็มกระจัง การออกแบบรับกันดีกับดวงตาทั้ง 2 ฝั่งแบบ LED Intelligent Light System และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic

ต่ำลงมาเป็นช่องดักลมขนาดใหญ่ด้านในมีตะแกรงสีดำเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น

เส้นสายหลังคาและลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้าย เพื่อให้ดูคล้ายรถสไตล์คูเป้

พร้อมด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง), ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว, บันไดข้างสเตนเลสดีไซน์สปอร์ต และพลาดไม่ได้กับปลายท่อไอเสียคู่เสริมโครเมียม

ส่วนในรุ่น GLC 250 d 4MATIC Coupe AMG Plus เจาะหลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้ามาให้ด้วย

untitled-107
ดีไซน์ภายในบริเวณแผงแดชบอร์ดและคอนโซลกลางที่มีขอบลายเส้นที่ดูไหลลื่น แผงคอนโซลที่มีขนาดใหญ่ออกแบบให้เป็นชิ้นเดียว วางทอดตัวยาวจากช่องลมระบบปรับอากาศบริเวณตรงกลางของแผงหน้าปัด ลงมาจนถึงพนักวางแขนบริเวณกึ่งกลางระหว่างเบาะที่นั่งของผู้ขับขี่กับผู้โดยสารตอนหน้า

เส้นสายบริเวณแผงคอนโซลที่ดูเรียบง่ายแต่เร้าอารมณ์ช่วยให้ห้องโดยสารดูกว้างขวาง เรียบง่าย และล้ำสมัยยิ่งขึ้น

พวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ มีอัตราทดการหมุนพวงมาลัย (องศาการหมุนของล้อหน้าต่อการหมุนพวงมาลัยหนึ่งรอบ) ที่ 15.1 ต่อ 1 ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น และช่วยเสริมความรู้สึกสปอร์ตเมื่อเลือกใช้โหมดของระบบกันสะเทือนแบบ SPORT และ SPORT+

ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ตพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัด ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต

ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ THERMATIC แบบ 2 โซน

ระบบมัลติมีเดีย อย่าง ระบบวิทยุ-ซีดี MB Audio 20, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad และระบบรองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation for SD-Card navigation) ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester

เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมบันทึกหน่วยความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น

รุ่น GLC 250D 4Matic Coupe AMG Dynamic จะมาพร้อมเบาะหนังสีเลือดหมู Artico

ส่วน GLC 250D 4Matic Coupe AMG Plus เบาะหนังแบบสปอร์ตสีดำจาก AMG และชุดแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-Up Display)

พื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่กว้างขวางด้วยความจุ 491-1,400 ลิตร ซึ่งนับเป็นความจุที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์กลุ่มเดียวกัน

ด้วยมิติตัวถังยาว 4,732 ม.ม. และสูงที่ 1,602 ม.ม. ถือว่ายาวกว่ารุน GLC ปกติที่ 76 ม.ม. ขณะที่ความสูงลดลง ทำให้ดูเฉี่ยวมากขึ้น รวมถึงให้ผู้โดยสารสะดวกสบายตลอดการเดินทาง

untitled-64
รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ 4MATIC Permanent all-wheel drive

อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ทำได้ในเวลา 7.6 วินาที และความเร็วสูงสุด 222 ก.ม./ช.ม.

โดยเกียร์ 9G-TRONIC ผลิตจากแมกนีเซียม สามารถลดน้ำหนักตัวรถลงได้ถึง 12 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นอื่นที่มีระบบเดียวกัน ทำให้คล่องแคล่วมากขึ้น

โหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ Eco ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, Individual ที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, Comfort ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, Sport และ Sport+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยสำหรับรถตระกูลนี้หายห่วง จัดให้แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” มีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน

เช่น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)

ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)

ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง ฯลฯ

สนนราคา GLC 250 d 4MATIC Coupe AMG Dynamic 4,090,000 บาท

และ GLC 250 d 4MATIC Coupe AMG Plus 4,490,000 บาท