อาชญากรรม : ผ่าปมเช็กบิล “สันธนะ” ตร.ลุยตลาดดอนเมือง ฟันคดีกรรโชกทรัพย์ บานหนักถึงถอดยศ

เป็นเรื่องที่บานปลายมาจากการปราบปรามอาหารเสริมผิดกฎหมาย

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบผลิตภัณฑ์ “เมจิก สกิน” ที่ใช้เลข อย.ปลอม หลอกลวงประชาชน

นอกจากนี้ ยังพบดารานักแสดง ที่รับรีวิวสินค้า แม้ไม่เคยลองใช้มาก่อน

จึงนำมาซึ่งการปราบปรามอย่างจริงจัง พร้อมตรวจสอบไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ

จนพบว่าบางยี่ห้อ ลักลอบใส่ยาต้องห้าม ส่งผลให้อันตรายถึงชีวิต!!?

ขยายผลไปถึงการกวาดล้างทลายแหล่งซื้อขาย ไม่ให้มีผู้ถูกหลอกลวงอีกต่อไป

โดยเจ้าหน้าที่โฟกัสไปที่ตลาดใหม่ดอนเมือง ที่ขึ้นชื่อเรื่องวางขายอาหารเสริม และเครื่องสำอาง

แต่แทนที่จะเข้าไปตรวจสอบได้ตามปกติ กลับต้องเผชิญกับ พ.ต.ท. คนดัง ที่ระบุว่าเป็นที่ปรึกษาตลาด ออกมาเปิดศึกตอบโต้และขับไล่

แถมยังอ้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หลักผู้ใหญ่ สามารถต่อสายตรงถึง ผบ.ตร. ได้ทันที

สุดท้ายก็ถูกหมายจับคดีกรรโชกทรัพย์ หลังพบพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล เรียกเก็บเงินพ่อค้าแม่ค้าในตลาด

ขณะที่เจ้าตัวออกมาปฏิเสธ พร้อมประกาศฟ้องกลับ 3 นายพลคู่กรณี

เรื่องนี้จะบานปลายไปอีกหรือไม่ ต้องติดตามว่าจะมีบทสรุปอย่างไร

ตร.บุกค้นตลาดใหม่ดอนเมือง

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 2 พฤษภาคม โดย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ท่องเที่ยว สนธิกำลังจาก อย. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 500 คน เข้าตรวจสอบร้านค้าภายในตลาดใหม่ดอนเมือง กว่า 26 ล็อก 200 ร้าน เพื่อตรวจสอบร้านค้าที่จำหน่ายอาหารเสริมว่ามีการจด อย. ถูกต้องหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นครั้งนี้กลับมีข่าวรั่วออกมาก่อน ทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดทำการ โดยที่บางร้านยังเปิดแอร์ทิ้งไว้ และไม่ได้ล็อกประตู

เจ้าหน้าที่จึงแก้เกมด้วยการตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า เพื่อสืบสวนสอบสวน ให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดมาแสดงตัวกับตำรวจว่าสินค้าที่วางจำหน่ายนั้นถูกต้องตามที่ อย. กำหนดหรือไม่ โดยเปิดศูนย์ตลอด 24 ชั่วโมง ใช้พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมืองกว่า 20 นายหมุนเวียนทำหน้าที่

พร้อมกันนั้นยังยื่นต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายค้นเข้าตรวจสอบภายในร้านอีกด้วย

ประกาศหากไม่ตรวจสอบทั้งหมดจะไม่ยกกำลังกลับโดยเด็ดขาด

หลังจากเจ้าหน้าที่ประกาศกร้าว วันรุ่งขึ้น พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล 2 ซึ่งอ้างตัวเป็นที่ปรึกษากรรมการเจ้าของตลาด ก็รุดเข้าเจรจากับ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง ผบก.กองสวัสดิการ สำนักงานกำลังพล ที่ดูแล ศปก. ดังกล่าว

พร้อมต่อว่าอย่างฉุนเฉียวขอให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ออกไปจากตลาดทันที เพราะถือเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล รวมทั้งขอเจรจากับ พล.ต.อ. ที่นำกำลังเข้าค้น

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ยังปักหลัก พร้อมรอหมายค้นจากศาล จนกระทั่งร้านค้าต่างๆ ต้องยินยอมให้ตรวจสอบ เพราะเกรงว่าหากตำรวจวางกำลังที่ตลาดทุกวัน จะเสียหายกว่าที่เป็นอยู่

หลังตรวจค้นใช้เวลา 5 วัน ก็สรุปผลการปฏิบัติงาน ตรวจค้นร้านค้าน 259 ร้าน พบร้านผิดกฎหมาย 186 ร้าน ยึดสิ่งของได้ 2,868 รายการ 320,785 ชิ้น ยึดเครื่องจักรผลิตภัณฑ์ 7 เครื่อง

รวมมูลค่าหลายร้อยล้านบาท!??

สั่งรื้ออาคาร-ฮึ่มเลิกสัญญา

ไม่เพียงแค่นั้น ยังตรวจสอบถึงความถูกต้องของตลาดใหม่ดอนเมืองแห่งนี้ด้วย โดยพบว่าตลาดแห่งนี้มีความผิดเพิ่มอีก 5 ข้อหา ประกอบด้วย

1. ความผิดฐานบุกรุกที่สาธารณะคลองเปรมประชากร เป็นอาคารด้านหลังตลาดทั้งตึก ซึ่ง สน.ดอนเมืองรับแจ้งความคดีที่ 764/2561

2. ความผิดฐานก่อสร้างต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณตัวอาคาร โดยต่อเติม 200 กรรม 200 วาระ สน.ดอนเมืองรับเลขคดีที่ 765/2561

3. ความผิดฐานก่อสร้างต่อเติมอาคาร บริเวณทางเดินอาคาร ความผิดในคดีที่ 766/2561

4. ดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีเลขที่ 767/2561

5. ดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีเลขที่ 768/2561

ทั้ง 5 ข้อหา แจ้งความผิดต่อ บ.พัฒนาตลาดใหม่

นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ม.136 ตามประมวลกฎหมายอาญา คดีเลขที่ 769/2561 แจ้งแก่ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ดูหมิ่นเจ้าหน้าที่คือ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง ผบช.สก. ในวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนการขัดขวางการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน

นายบัญชา สืบกระพัน หัวหน้าฝ่ายโยธาสำนักงานเขตดอนเมือง กล่าวว่า จาก 5 ข้อหาเบื้องต้นมีความผิดชัดเจน ทั้งด้านหลังตึกที่รุกคลอง การซอยห้องในตัวอาคารให้เชื่อมกัน การทำทางเดินระหว่างอาคาร การทำกันสาดหน้าตัวอาคาร ทั้งหมดนี้มีความผิดทั้งสิ้น ต้องระงับใช้ตัวอาคารที่ผิดกฎหมายทั้งหมด

โดยทางเขตดอนเมืองจะนำหมายมาติดห้ามเข้าออกตัวอาคารทั้งหมด ในตลาดที่ผิดกฎหมาย จนกว่าจะแก้ไขแปลนแล้วยื่นใหม่ใน 30 วัน หากยื่นแล้วไม่ผ่านต้องรื้อถอนทั้งหมด

พร้อมออกหมายเรียกนายสุชาติ โชว์วิวัฒนา หรือเฮียเซ้ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด หลังตรวจสอบพบว่าตลาดเช่าพื้นที่จากกรมธนารักษ์ พื้นที่ 18 ไร่ ราคา 68,000 บาท

ขณะที่นายปรีชา มงคลหัตถี ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของราชพัสดุ ให้เอกชนทำสัญญาเช่า หากทางเขตพบว่ามีความผิด ในเรื่องตัวอาคารแล้วไม่แก้ไข กรมธนารักษ์มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญากับทางเอกชนได้

เป็นวิบากกรรมของตลาดใหม่ดอนเมือง

จับ “สันธนะ” กรรโชกทรัพย์

ขณะที่ตัวของ พ.ต.ท.สันธนะ นอกจากถูกแจ้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบว่า มีผู้มีอิทธิพลเก็บรายเดือนผู้ประกอบการแผงละ 1,500 บาท หรือแม้แต่ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้ตลาด ยังต้องเสียค่าจอดรถหน้าบ้านตัวเอง เดือนละ 700 บาท แต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะเกรงกลัวผู้มีอิทธิพล

ต่อมาวันที่ 11 พฤษภาคม ศาลอาญาก็อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะกับพวกอีก 10 คน จำนวน 45 หมายจับ ซึ่งเป็นความผิดข้อหากรรโชกทรัพย์ โดยมีการกระทำต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งเป็นความผิดฐานฟอกเงิน

จากนั้น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ก็นำกำลังอรินทราชกว่า 50 นาย บุกจู่โจมที่คอนโดฯ พหลโยธินเพลส ซอยพหลโยธิน 8 ซึ่งพบว่าเป็นที่พักอาศัยของ พ.ต.ท.สันธนะ โดยไม่รอให้มามอบตัว

แต่การเข้าค้นกลับคว้าน้ำเหลว เมื่อไม่พบว่ามีใครอยู่ภายในห้อง

โดย พ.ต.ท.สันธนะไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อ เลขที่ 219 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ใกล้คริสตัล มาร์เก็ต แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. พร้อมประสานตำรวจ สน.โชคชัย เพื่อขอมอบตัว รุ่งเช้าวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ต.ท.สันธนะ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านโดยถอดเสื้อชูมือให้ตำรวจเข้าจับกุม แล้วส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สน.ดอนเมือง

สอบเครียดนาน 7 ชั่วโมงก่อนส่งฝากขังศาล ในวันที่ 13 พฤษภาคม

ขณะที่เจ้าตัวหลั่งน้ำตา ปฏิเสธข้อกล่าวหา ยืนยันแม้ไม่ใช่คนดี แต่ไม่ใช่คนเลวระยำ พร้อมสาบานด้วยชีวิตพ่อและแม่ของตัวเองว่าไม่ได้กระทำความผิด

ต่อมาศาลอาญาให้ประกันด้วยหลักทรัพย์ 3 แสนบาท พร้อมห้ามไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

หลังได้รับอิสรภาพ พ.ต.ท.สันธนะระบุว่า ทราบว่าผู้ค้า 8 รายเต็มใจชี้ตัวตนกับพวกว่าร่วมกันข่มขู่บังคับเรียกเก็บเงิน ทั้งที่ตลาดมีกว่า 500 ร้าน แต่นี่แค่ 8 ร้าน เชื่อว่ามีการชักจูง ตนได้ชื่อแล้วจะไปตรวจสอบว่าเป็นผู้ค้าจริงหรือไม่ อยู่ล็อกไหน ตนไปเดินผ่านเรียกเก็บเงินตอนไหน แล้วเรื่องนี้ต้องฟ้องกลับแน่นอน

คำประกาศกร้าวจาก “สันธนะ”

ตั้ง กก.พิจารณาถอดยศ

พ.ต.ท.สันธนะ ยังส่งตัวแทนยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระบุว่าเรื่องนี้เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว โดย 3 นายพล คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ พล.ต.อ.วิระชัย และ พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ ซึ่งกระทบต่อบุพการีและครอบครัว ไม่ยินยอมอีกต่อไป และจะใช้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการกับทั้ง 3 คนต่อไป

ส่วน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยืนยันดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่ พ.ต.ท.สันธนะขู่ฟ้องคนที่แจ้งความจะเข้าข่ายข่มขู่หรือไม่นั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่ต้องพิจารณา พร้อมแจงเรื่องที่โทรศัพท์หา พ.ต.ท.สันธนะ ว่าใครโทร.มาก็คุยด้วยทั้งนั้น บางครั้งคนบ้าโทร.มายังต้องคุยกว่า 10 นาที

นอกจากนี้ ยังตั้ง พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. คุมคดี

ขณะที่ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ระบุว่า กำลังตั้งคณะทำงานมาพิจารณาพฤติกรรมของ พ.ต.ท.สันธนะ ว่าทำให้องค์กรตำรวจเสียหายหรือไม่ หากใช้ยศตำรวจแสดงพฤติกรรมให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสีย ก็เป็นเหตุให้ถอดยศได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้คดีสิ้นสุด

นอกจากนี้ ยังดูฐานความผิดเรื่องการกรรโชกทรัพย์ ก็เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ปปง. ซึ่งจะต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน

เป็นคดีที่ต้องติดตามว่าจะมีบทสรุปอย่างไร