กาละแมร์ พัชรศรี : ผู้ชายไม่ได้เลวกว่าหมา…

ในฐานะที่เคยเขียนหนังสือชื่อโหดร้ายจนผู้ชายอยากกระโดดถีบหน้าอย่าง “ผู้ชายเลวกว่าหมาและไม่ได้มาจากดาวอังคาร”

มาวันนี้ผ่านมาเกือบ 20 ปี สารภาพอย่างไม่อายว่า “บางทีฉันก็สงสารผู้ชายเหมือนกัน”

ในความสงสารเจือปนด้วยความเห็นใจและเข้าใจ

เมื่อพอได้เจอผู้ชายหลายๆ คนทั้งเพื่อน พี่ น้อง คนใกล้ตัว เมื่อเราได้มองย้อนไป จากที่เราเคยคิดว่าเราโดนกระทำ

เราได้มองเห็นว่าเราก็ทำเขาไว้ไม่น้อยทีเดียว (ฮา)

 

ในความเป็นผู้ชาย เกิดมาก็โดนตั้งความคาดหวังไว้มากมาย แต่บางทีก็มาตกม้าตายเพราะการเลี้ยงดูและการศึกษาที่ย้อนแย้งกับสิ่งที่ควรจะมีในตัวลูกผู้ชาย

ใครๆ ก็อยากได้สามีขยัน ตั้งใจทำงาน ไม่เหยาะแหยะ มีความรับผิดชอบ เป็นนักสู้ แต่ก็ต้องหล่อ เท่ ดูดี สมาร์ต !ตลก มีเสน่ห์ เข้าใจผู้หญิง และต้องซื่อสัตย์ด้วย

เขียนแค่นี้ ฉันว่าก็จะมีผู้ชายเริ่มจะเหล่ละ

แต่นี่คือคุณสมบัติที่ผู้หญิงอยากได้ นี่ยังไม่นับว่าต้องมีเวลาให้และต้องทำเซอร์ไพรส์เป็น!

แต่ในวัยเด็ก ผู้ชายบางคนก็ถูกเลี้ยงดูมาแบบแม่โอ๋มาก ตามใจ ไม่ต้องทำอะไรเลย ทำให้ตัดสินใจอะไรก็ไม่เป็น หยิบโหย่ง อดทนต่ำ ยอมแพ้ง่าย เอาแต่ใจ อยากได้อะไรต้องได้ และไม่ยอมปรับตัวเข้าหาใครเพราะโดนตามใจมาตั้งแต่เด็ก

หรือบางทีชีวิตก็เลื่อนลอย ไร้จุดมุ่งหมาย ไม่ต่อสู้ ไม่เอาจริง ไม่แมน ไม่รับผิดชอบอะไรที่ใหญ่ๆ เอาแค่ตัวเองรอดไปวันๆ ก็พอแล้ว แต่อย่าลืมว่าคุณมีคนข้างๆ ต้องดูแล

ทำให้ผู้หญิงที่โตเกียวเป็นโสดเกินครึ่ง เพราะพวกเธอสามารถทำงานเลี้ยงตัวเองได้ และบอกว่าผู้ชายญี่ปุ่นถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนูเกินไป ไม่ไหว เพลีย…

 

หรือบางคนก็โดนเพื่อนรังแกแต่เด็ก แต่ไม่ได้ปกป้องตัวเองเพราะครูก็จะมาดุ มาตี หักคะแนน ฟ้องแม่ ทำให้ปมสมัยเด็กมันยังคงอยู่ในตัวเขา ทำให้ผู้ชายก็กลายเป็นคนขี้กลัวไปทุกอย่าง และใช้ชีวิตอย่างคนขี้แพ้มาตลอด เพราะปมในวัยเด็กมันฝังแน่นมาตลอดชีวิต

พอจะมาเป็นแฟน สามี พ่อของลูก ก็ไม่ทำอะไรให้สำเร็จ และบางคนก็ให้เหตุผลกับตัวเองและภรรยา รวมทั้งคนอื่นว่า เขาขอเสียสละเป็นคนมาดูแลลูก ดูแลบ้านแทนภรรยา

แต่พอถึงจุดที่อยู่ไปสักพัก ภรรยาเริ่มไม่เห็นความเท่ในตัวสามีแล้ว จากที่เมื่อก่อนผู้หญิงตกหลุมรักตอนที่เขาเท่ ทำงานเก่ง ดูท้าทาย แต่วันนี้สภาพที่หันไปเห็น มันหมดความเร้าใจ มันไม่อยากจะมีอะไรด้วย มันหมดความนับถือ เพราะเขาดูไม่เท่ในสายตาอีกต่อไป เขาล่าอะไรกลับมาบ้านไม่ได้เลย นี่คือคำบอกเล่าจากปากภรรยาที่สามีอยู่บ้านและไม่ออกไปทำอะไรให้สำเร็จ

มันจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าคุณต้องใช้เงินเมียไปตลอดชีวิต ในสายตาเมียนั้น สามีจะดูอ่อนแอ ง่อยเปลี้ยเสียขาไปเลย ดูไร้ศักยภาพ จนมันจืดชืดชาที่สุด

แต่ในขณะที่ผู้หญิงต้องการให้ผัวตัวเองทำกับข้าวให้กินด้วย เลี้ยงลูกด้วย ไปซื้อของด้วย แต่ก็ต้องไปทำงานให้ได้เงินมาเยอะด้วย

บางที ฉันก็เพลียแทนผัวนางเหมือนกัน

ตกลงว่านางจะเอาอะไรกันแน่ อยากได้ผัวอยู่ติดตัวแต่อยากให้มีเงินเยอะๆ ด้วย

 

เอาจริงๆ ในประเทศนี้ ฉันก็เห็นอยู่ไม่กี่คนที่ทำได้อย่างนี้

คือต้องมีผัวที่รวยมากกกกกกก และว่างแล้ว ไม่ต้องไปทำงานแล้ว และซื่อสัตย์ต่อเมียคนเดียว ซึ่งเมียก็ต้องมอบสิ่งดีๆ ตอบแทนไหม ที่ไม่ใช่ความแก่ เหี่ยว เยิน อืด พัง ปากจัด จู้จี้ ขี้บ่น ประสาทแดกใส่ผัวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย และอ้างว่ามันเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ฉันต้องเป็นอย่างนั้น

คุยกับบรรดาผัวๆ เขาก็บอกว่า อยากจะเป็นผัวที่ดี หาเงินมาให้เมียได้เอยะๆ อยากซื้ออะไรที่อยากได้ให้ทุกอย่าง อยากดูเท่ในสายตาเมีย แต่ก็ต้องให้เวลา ให้พื้นที่เขาบ้าง อย่าตามจิก ตามเฝ้าทุกเวลา มันไม่อิสระ มันไม่มีพื้นที่สยายปีก ไม่ได้มีความคิดเป็นของตัวเอง และอย่ากดดันหนักเกินไป มันเครียดมาก

เอาจริงนะ อยู่คนเดียวตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว เห็นตอนเขาสวีตบางทีก็อยากมี แต่พอเห็นตอนมันเครียดๆ ฉันนี่ถอยยาวเลย

เห็นใจในสิ่งที่ผู้ชายต้องเผชิญและแบกรับ ในฐานะผู้ที่เคยกดดันผู้ชายมาก่อน พอได้รู้อย่างนี้ก็สงสารเหมือนกัน แต่เราก็เข้าใจในมุมผู้หญิงไม่น้อย เพราะเขาต้องการความมั่นคง

ค่ะ ตอนนี้เราก็เลยโสดอย่างมั่นคงไปเรื่อยๆ ก่อนค่ะ!