อนุสรณ์ ติปยานนท์ : อาหารยามจาริก / ฮานอย

My Chefs (35)

อาหารยามจาริก (7)

“นายเคยไปออสเตรเลียไหม?” ไคลน์ถามผม

“ไม่ ในหลายช่วงเวลา มันดูไกลเกินไป ในหลายความคิดคำนึง มันดูเหมือนดินแดนที่ไม่เย้ายวนใจสำหรับกัน”

“นั่นเป็นความคิดที่เกิดขึ้นกับกันด้วย” ไคลน์ตอบ

“ออสเตรเลียหรือ นอกจากหมีโคอาล่า ชนเผ่าอะบอริจิ้น โรงละครที่ซิดนีย์แล้ว กันนึกถึงอย่างอื่นไม่ออก แต่เมื่อกันไปถึง ความคิดของกันที่มีต่อดินแดนแห่งนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป ออสเตรเลียเป็นเมกกะด้านอาหารสำหรับกัน เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้านอาหารสำหรับกัน ที่นั่นมีอาหารเอเชียที่หลากหลายมากที่สุด อาหารญี่ปุ่นได้พึ่งพาวัตถุดิบชั้นเลิศจากท้องทะเล อาหารเวียดนามและจีนได้พึ่งพาพ่อครัวชั้นยอดที่อพยพมาจากบ้านเกิด อาหารตะวันตกได้พึ่งพาการผสมรวมระหว่างอาหารเอเชียและยุโรปซึ่งเกิดขึ้นที่นั่น กันคิดว่าฟิวชั่นฟู้ดที่เราเคยตื่นเต้นกันเกิดขึ้นที่นั่น”

“กันอยู่ที่นั่นหกเดือน ย้ายเมืองไปเรื่อยๆ จากซิดนีย์สู่เมลเบิร์น จากเมลเบิร์นสู่โกลด์โคสต์ จากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่ง ทำงานร้านอาหารบ้างถ้ารู้สึกเบื่อหน่าย ดูคอนเสิร์ตและดนตรีบ้างถ้ารู้สึกเงียบเหงา กันเปลี่ยนที่พักจากโรงแรมสู่ห้องเช่า จากห้องเช่าสู่เกสต์เฮ้าส์ จากเกสต์เฮ้าส์สู่โฮสเตล จนชั้นนอนในโบสถ์หรืออารามบาทหลวง กันก็ลองมาแล้ว”

“กันเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เลียบชายทะเล ขี่ผ่านไปในป่า ขี่ไปตามท้องทุ่งร้าง หกเดือนอาจดูเนิ่นนาน แต่สำหรับทวีปและประเทศที่ใหญ่โตเช่นนั้น นายไม่มีทางเดินทางไปได้ทั่ว”

“กระนั้นออสเตรเลียก็เป็นเสมือนฐานทัพฝึกความอดทนให้กัน กันเริ่มรู้จักอาหารแปลกๆ ที่ไม่เคยลิ้มลอง ทั้งอาหารเวียดนาม อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน และเมื่อกันคิดว่าควรได้เวลาเดินทางต่อเสียที เอเชียคือสถานที่ต่อไปสำหรับกัน เวียดนาม กันนึกถึงประเทศนี้ทันที”

“ในออสเตรเลียมีคนอพยพชาวเวียดนามและกัมพูชาเป็นจำนวนมาก กันคิดถึงการตระเวนจากเหนือจรดใต้ในเวียดนาม หลังจากนั้นวกเข้ากัมพูชา สามหรือสี่เดือนที่กันคิดว่าจะใช้เวลาที่นั่น และหลังจากนั้น กันจะเดินทางกลับเกาะอังกฤษเสียที”

“หนึ่งปีสำหรับการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยชีวิต หนึ่งปีที่พักผ่อน ก่อนกลับไปเผชิญชีวิตจริงอีกครั้ง กันคิดเช่นนั้น กันคิดเช่นนั้นจริงๆ”

“เวียดนามเป็นประเทศที่น่าทึ่ง กันไปถึงฮานอย พูดภาษาเวียดนามไม่ได้เลยสักคำ ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ได้ และคนที่นั่นก็ใช้ภาษาอังกฤษได้แย่เต็มที ไม่มีทางเลือกนอกจากการฝากชีวิตไว้กับโชคชะตา”

“แต่โชคชะตาที่นั่นเป็นไปอย่างราบรื่นมาก กันตระเวนกินอาหารในฮานอยอย่างจุใจ เฝอทุกชนิด ทั้งไก่ เนื้อ ปลาทอด หมู ผักทุกแบบที่กันไม่เคยเห็น กันจะคว้าขึ้นชิมรสชาติโดยไม่ลังเล”

“ฮานอยเป็นเมืองอัศจรรย์ ในแว่บแรกที่นายเห็นมัน นายจะรู้สึกได้ถึงความวุ่นวายจากรถจักรยานยนต์ นายรู้สึกตะลึงพรึงเพริดทุกครั้งที่ต้องข้ามถนน ไม่มีทางม้าลาย หรือถึงมี มันก็ให้ความรู้สึกไม่แตกต่างกันจากถนนปกติ นายรู้สึกไม่คุ้นชิน แต่ไม่นานนัก นายเริ่มเห็นระบบระเบียบในมัน ไม่ต้องรอถนนว่าง นายเพียงแต่เดินลงไปบนท้องถนนอย่างองอาจ รถยนต์และจักรยานยนต์ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่มากนักจะหลบหลีกนายเอง นายเพียงแต่ตั้งสายตาให้มั่น ควบคุมร่างกายให้มั่นคง แล้วก้าวเดินลงไปบนท้องถนน”

“การกระทำง่ายๆ เท่านี้แต่เป็นสิ่งที่ไม่คุ้นชินเอาเลยสำหรับชาวตะวันตก โลกตะวันออกมีระเบียบของมัน แตกต่างจากเรา นั่นคือสิ่งที่กันบอกตนเองเสมอนับจากการข้ามถนนครั้งแรกในฮานอยจนกระทั่งบัดนี้”

ไคลน์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม เขาดูผ่อนคลาย มีสมาธิกับสิ่งที่เล่า

ดินแดนแถบนี้ช่างสงบเงียบอย่างแท้จริง

แว่บหนึ่ง ผมเกิดความรู้สึกอยากอยู่ที่นี่กับไคลน์ไปเรื่อยๆ

มันเป็นดินแดนที่ทำให้จิตใจของเราได้ผ่อนพักอย่างไม่น่าเชื่อ

และผมคิดว่าไคลน์เป็นผู้ค้นพบความลี้ลับที่ว่านี้ก่อนใคร

“กันพักอยู่ที่ฮานอยนานพอควร ยามเย็นในเขตเมืองเก่าของที่นั่นเต็มไปด้วยสีสัน มีทั้งอาหารปิ้งและย่าง มีทั้งอาหารดิบและสุก มีทั้งเบียร์ที่ชาวเมืองผลิตเองจนราคาถูกเหลือเชื่อ และมีทั้งเบียร์ชั้นสูงที่ทุกครั้งของการดื่มเราต้องสำรวจเงินในกระเป๋า”

“ฮานอยมีความงดงามในแบบของหญิงสาวที่ไม่ได้แต่งหน้าทาปาก กันพบว่าที่นั่นมีหุ่นละครน้ำที่ชวนให้เพลิดเพลิน มีดนตรีโบราณอย่างกาจูที่กันเองก็คิดว่าเข้าถึงมันได้น้อยเต็มที”

“หลังจากฮานอย กันออกเดินทางขึ้นเหนือไปยังเขตซาปา เมืองในหุบเขา กันเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านพำนักอยู่กับชาวเขาเผ่าม้ง ที่นั่นทำให้กันได้เรียนรู้วิธีผลิตและวิธีปรุงอาหารแบบดั้งเดิม นายเพียงแต่เดินออกจากบ้านยามเช้าตรู่และเก็บรวบรวมสิ่งที่นายพบในเช้านั้นกลับมาทำอาหาร”

“ผักที่เขียวชอุ่มตั้งยอดรอเรา นกที่ติดแร้ว ปลาที่ติดเบ็ด เห็ดที่เพิ่งแทงยอดขึ้นมาจากกองใบไม้ ทุกอย่างแลดูน่าตื่นตะลึงไปหมดสำหรับกัน ในยามบ่ายเราจะนอนพักท่ามกลางเสียงถอนใจของขุนเขา และเมื่อถึงยามเย็น เมื่อดวงอาทิตย์ลับฟ้า เหล้าที่เราทั้งหมักและทั้งต้มเองในหมู่บ้านจะถูกนำมาดื่มกินกันรอบกองไฟ”

“ไม่น่าเชื่อว่าเพียงระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงจากฮานอย นายจะสามารถหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่มาสู่ดินแดนอันหลากหลายแห่งชาติพันธุ์ได้ กันหลงรักซาปา และคิดว่าชีวิตที่นั่นคือพื้นฐานที่ทำให้กันสามารถอยู่ที่กาสีได้อย่างสงบสุขจนถึงทุกวันนี้”

“กลับจากซาปา กันมุ่งหน้าต่อไปทางทิศตะวันออก เป็นไปไม่ได้เลยที่เมื่อนายมาถึงทางเหนือของเวียดนามแล้ว นายจะไม่คิดไปเยือนฮาลองเบย์”

“กันจับรถไฟมุ่งไปทางทิศตะวันออก ไปจนถึงเมืองท่าไฮฟอง จากนั้นกันล่องเรือเข้าไปในหมู่เกาะเหล่านั้น กันเปลี่ยนเกาะไปเรื่อยๆ จากเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว สู่เกาะที่แทบจะร้างผู้คน จากเกาะที่มีแต่ฝูงลิงไปสู่เกาะที่ชุกชุมไปด้วยปลา”

“กันหัดตกปลาเป็นครั้งแรกที่นั่น กันหัดออกทะเลเป็นครั้งแรกที่นั่น การนอนให้หลับท่ามกลางเรือที่โคลงเคลงไปมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นายลองดูสักครั้งจะเข้าใจ มันเสมือนกับว่าเรากำลังจะตกลงไปสู่หลุมลึกข้างล่างแทบทุกนาที อีกทั้งเสียงคลื่นที่กระหน่ำยามค่ำก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นมิตรนักสำหรับคนขวัญอ่อน แต่กันก็ผ่านมันมาอย่างราบรื่น”

“กันจับปลาหมึกเป็น ได้เห็นมันเปลี่ยนจากสีขาวใสเป็นสีขาวขุ่น กันตกปลากะพงได้เป็นตัวแรกของชีวิต ก่อนจะตามด้วยปลาน้ำดอกไม้ กันได้ฝึกใช้มีดอีโต้ทำปลาบนเรือและบนเกาะแถบนั้น กันได้เรียนรู้ว่าแม้แต่ฝาขวดเบียร์ ถ้าประดิษฐ์ให้ดีๆ ก็จะสามารถแปลงมันเป็นที่ขอดเกล็ดปลาได้อย่างวิเศษ”

“วันแต่ละวันในฮาลองเบย์ให้ความรู้สึกดังชีวิตนายพรานเมื่อกาลก่อน หากการอยู่ที่ซาปาเป็นต้นแบบแห่งชีวิตเพาะปลูก การอยู่แถบฮาลองเบย์ก็เป็นต้นแบบแห่งสังคมไล่ล่าสิ่งมีชีวิตเพื่อกินเป็นแน่แท้สำหรับกัน”

“กันกลับจากฮาลองเบย์ ก่อนจะพบว่ากันใช้เวลาอยู่ทางเหนือของเวียดนามไปเกือบสองเดือน เป็นการใช้เวลาที่เวลาผ่านไปรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ จากแผนการเดิมกันเหลือเวลาอีกไม่มากนักที่จะใช้ในทางใต้ของเวียดนามและที่กัมพูชา”

“หากแต่กันกลับรู้สึกว่าเวลาไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไปแล้ว กันมีความเชื่อมั่นที่จะอยู่ในโลกนี้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หากเงินที่นำติดตัวมาของกันหมดลง กันก็เพียงแค่หางานทำให้พอประทังชีวิตต่อไปได้”

“กันรู้สึกว่ากันกำลังเปิดประตูบานหนึ่งที่นำพากันไปสู่สิ่งที่ยังหาคำตอบไม่ได้ กันจับรถบัสระหว่างเมือง นั่งไปเรื่อยๆ แวะตามเมืองเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวผ่านไป กันไปทางฝั่งตะวันตกจนจรดประเทศลาว ที่นั่นกันได้เห็นชาวบ้านใช้ไม้ไผ่ทำแทบทุกอย่างในชีวิตนับตั้งแต่ประกอบมันขึ้นมาเป็นบ้านเรือน ใช้มันหุงหาอาหารทั้งปลา ไก่ หรือแม้แต่ข้าวสารสามารถถูกนำใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่ได้หมด ก่อนจะนำไปเผาไฟ ของหวานก็ถูกปรุงด้วยไม้ไผ่เช่นกัน เพียงนายเติมผสมกะทิและข้าวเหนียวลงในนั้น”

“นายสามารถใส่ถั่วดำ ลำไย หรือแม้แต่อย่างอื่นในนั้นได้ด้วย” ผมขัดจังหวะไคลน์

“ใช่ๆ นายสามารถเติมสิ่งที่ชอบลงในของหวานชนิดนั้น แต่ชาวบ้านดูจะประหยัดการปรุงด้วยเพียงการเติมน้ำตาลให้มันมีรสหวานหรือกินมันกับผลไม้เท่าที่หาได้ พวกเขาไม่ได้มุ่งหาความซับซ้อน หากแต่จัดสรรการปรุงว่าสิ่งใดคาว สิ่งใดหวานเท่านั้นเอง”

“นายสามารถใช้ขนาดและชนิดของไม้ไผ่กำหนดของหวานที่ว่านี้ได้ด้วย ไผ่ป่า ไผ่สีสุก ไผ่ตง ให้รสชาติที่ต่างกัน วิธีการเผาและอุณหภูมิ ชนิดของข้าวเหนียวและน้ำ กันเชื่อว่าของหวานชนิดนี้ที่ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “หลาม” น่าจะเป็นของหวานเก่าแก่ในดินแดนแถบนี้”

“กันก็คิดเช่นนั้น” ไคลน์ตอบ

สายตาของเขามองไปที่ต้นไผ่ริมแม่น้ำหลิก ในขณะที่ผมนึกถึงข้าวหลามหลากแบบที่เราหาทานได้บนเส้นทางสายตะวันออก

“กันคิดว่าหลังจากนั้นกันจะดิ่งไปที่เว้ เที่ยวชมพระราชวังโบราณ และตรงเข้าโฮจิมินห์”

“กันอยากใช้เวลาที่เหลือในแถบปากแม่น้ำโขง หากมีเวลาเหลือกันอาจหลบมุมไปดาลัต หรือฮอยอัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งจำเป็น เมืองหลักๆ ไม่ได้อยู่ในเป้าหมายของกันอีกต่อไป กันสนใจเมืองเล็กๆ ชีวิตและชุมชนที่เงียบสงบ กันเชื่อว่ากัมพูชาน่าจะเป็นอะไรที่ตอบสนองกันได้อย่างดี”

“แต่แล้วในระหว่างทางที่กันกำลังมุ่งหน้าลงใต้ กันเห็นแผ่นพับแนะนำถ้ำแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า ตำก๊อก มันเป็นถ้ำที่อยู่ในเมืองนินบินห์ ใต้ลงจากฮานอยราวหนึ่งร้อยกิโลเมตร การไปที่นั่นหมายถึงว่ากันต้องพักที่เมืองแห่งนั้น จะเสียเวลาไหม จะคุ้มค่าหรือไม่ นั่นคือคำถาม”

“แต่แล้วกันก็ไม่อาจสลัดทิ้งภาพของถ้ำที่ถูกโอบล้อมไปด้วยสายน้ำได้ เช้าวันนั้นกันตื่นแต่เช้า เรียกรถรับจ้างไปยังบริเวณถ้ำ”

“ที่นั่นเป็นเวิ้งน้ำขนาดใหญ่ที่มีสาหร่ายใต้น้ำใสให้เราได้ตื่นตา”

“กันจ้างเรือหนึ่งลำจากชาวบ้านให้พากันชมถ้ำเหล่านั้น ชายคนพายเรืออายุราวหกสิบปี กระนั้นเขายังดูแข็งแรงอยู่มากเมื่อเทียบกับคนอายุหกสิบปีในดินแดนตะวันตกที่กันจากมา”

“ชายผู้นั้นพาเรือของเราออกจากท่าอย่างช้าๆ มุ่งหน้าเข้าไปในเวิ้งถ้ำที่มีอยู่มากมายทีละถ้ำ กันนอนเอนหลังลงกับพื้นเรือ ใช้สัมภาระที่นำติดตัวมาต่างหมอน”

“ผนังถ้ำแต่ละแห่งมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป บางถ้ำมีหินงอกยาวจนแทบจรดพื้นน้ำ บางถ้ำผนังเวิ้งว้างราวสุดขอบฟ้า กันเพลิดเพลินกับถ้ำเหล่านี้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าจะมีเรือลำอื่นสวนทางมาแต่ก็หาได้ทำลายสมาธิของกันเลย”

“เรือของเราแล่นไปจนสุดทาง กันรู้ดีว่ามันสุดทางแล้วเพราะเรือลำอื่นเริ่มหันหัวกลับ แต่ทว่าชายผู้ควบคุมเรือของกันกลับไม่ยอมหยุดเรือหรือหันหัวเรือกลับ เขามุ่งหน้าพายต่อไป กันมองดูเขาด้วยความสงสัย แต่ขณะที่กันกำลังจะเอ่ยถามนั้นก็ปรากฏถ้ำใหญ่ขึ้นเบื้องหน้า เรือของเราแล่นผ่านเข้าไปในถ้ำแห่งนั้น ภายในถ้ำมืดมิด ไม่มีแสงสว่างใดๆ”

“มันมืดมิดราวกับหลุมดำขนาดใหญ่ และวินาทีนั้นเองที่กันรู้สึกว่ากันกำลังเผชิญหน้ากับประสบการณ์ที่เดินทาง”