อุรุดา โควินท์ / ความทรงจำ : วันปากปี

ปีใหม่เมืองของฉันคือการเล่นน้ำ เล่นน้ำ และเล่นน้ำ ในขณะที่ปีใหม่ของแม่หมายถึงการดำหัว ทำอาหาร และทำบุญ

เทศกาลสงกรานต์ในปฏิทินกำหนดไว้ 3 วัน วันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี แต่ปีใหม่ของฉันเร็วกว่า ครั้นถึง 10 เมษายน ใจก็ร้อนรน ทนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ บ้านอยู่ใกล้ถนนใหญ่ มีคนผ่านมาให้รดน้ำเยอะ เราต้องเล่นน้ำสิ

ฉันเล่นน้ำตั้งแต่เช้ากระทั่งเย็น แดดแรงแต่ไม่ร้อน เพราะตัวเปียก พอหิวก็กลับมาหาของกินในบ้าน แม่ทำก๋วยเตี๋ยวไว้ หม้อใหญ่มาก กินได้ทั้งวัน ยังมีข้าวเหนียวมะม่วงของโปรดฉัน ถ้าแม่มูนข้าวเหนียวเยอะ ฉันจะเมินอาหารคาว กินข้าวเหนียวมะม่วง 3 มื้อรวด (บางวันก็สี่)

เมื่อก่อนเราไม่มีมะม่วงสุกตลอดปี เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น ที่บ้านจะเต็มไปด้วยมะม่วง อร่อยที่สุดคืออกร่องจากสวนของย่า ย่าคัดอย่างงาม ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ทีละลูก ใส่ลงกล่องกระดาษ ก่อนนำมันเดินทางมาพร้อมกับย่า-จากพยุหะคีรีสู่เชียงราย

ข้าวเหนียวมูนฝีมือแม่รสไม่เข้ม เหลือช่องว่างให้ความหวานอมเปรี้ยวของอกร่อง ซึ่งถ้าได้แช่เย็นสักหน่อยจะชื่นใจที่สุด กินแล้วมีแรงเล่นน้ำทั้งวัน

 

พ่อยกถังใบใหญ่ไปตั้งหน้าปากซอย ต่อสายยางให้เสร็จสรรพ เพื่อนๆ ทยอยกันมาตั้งแต่สาย พร้อมกับถังน้ำเล็ก (อาวุธประจำกาย)

ปีแรกสุด ฉันเล่นน้ำกับพ่อและเพื่อนบ้าน ฉันกล้าๆ กลัวๆ ถือขันใบเล็ก ตักน้ำเต็มขัน พอมีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาก็สาดโครม

พ่อหันมาทำตาเขียว บอก-อย่างนั้นไม่ได้ โบกมอเตอร์ไซค์ก่อน

พ่อว่า เราควรเล่นน้ำกับคนที่อยากเล่น หมายถึงเขาชะลอความเร็วเมื่อมาถึงเรา ตอนนั้นล่ะ ให้รดน้ำที่ไหล่เขา พร้อมประโยค “โชคดีปีใหม่เจ้า”

สำหรับเด็กสังคมอักเสบ มันไม่ง่ายที่จะทำอย่างนั้นกับคนแปลกหน้า… เอาล่ะ ลองส่งมือออกไปโบก พี่สาวคนงามบิดมอเตอร์ไซค์หนี เฮ้อ! ใจฉันเสีย ครั้นจะสาดโครมๆ แบบบ้านอื่น พ่อก็คอยจ้องอยู่

เฮ้ย!…มีคนจอดให้รดน้ำด้วย ใจฟูคับอกเลยวุ้ย มีกำลังใจโบกคันต่อไป ต่อไป และต่อไป…สุดท้าย ฉันเริ่มชินกับการถูกปฏิเสธ (ไม่ได้แย่อะไรเลย และไม่ได้หมายถึงฉันทำผิด)

 

ช่วง ม.ปลาย พ่อไม่เล่นน้ำกับฉัน แต่ฉันมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ หน้าบ้านกลายเป็นด่านน้ำเจ้าเสน่ห์ ไม่ต้องโบก หนุ่มๆ ก็พร้อมชะลอความเร็ว บางคันถึงกับจอดรถมาเล่นน้ำกับเรา

ช่วงเวลานั้นล่ะ ที่ฉันรู้-ว่าเป็นสาวแล้ว และมันมีอำนาจ แค่ยืนถือขันน้ำยิ้มสวยๆ ก็มีรถมาจอดตรงหน้า จะรดน้ำกี่ขัน เขาก็ยิ้มหวาน…

ฮะฮา เป็นสาวมันดีอย่างนี้นี่เอง

ในบ้าน นอกจากอาหารกลางวันแบบจานเดียวกับข้าวเหนียวมะม่วง แม่ยังห่อขนมเทียนจำนวนนับร้อย เพื่อไปวัด และแจกจ่ายเพื่อนบ้าน

วันปากปี แม่ทำแกงขนุน เพื่อหนุนนำชีวิต

ฉันไม่ชอบแกงขนุน แต่แม่ว่า ทุกคนต้องกิน เพื่อเป็นสิริมงคล (ไม่อย่างนั้นก็อดเล่นน้ำ) แน่นอน-เป็นลูกต้องเชื่อฟัง แค่คำสองคำไม่หนักหนาอะไร และฉันแอบไปขอข้างบ้านให้ทำตำขนุน ถ้าแกงขนุนหนุนนำชีวิต ตำขนุนย่อมทำได้เช่นกัน

กระทั่งวันนี้ฉันยังกินแกงขนุนไม่อร่อย แต่ตำขนุนเป็นของโปรด ฉันกินมันอย่างเดียวกับข้าวเหนียวร้อนๆ ได้สบาย

 

ไม่ว่าแกงหรือตำ เราใช้ขนุนดิบ ขนุนสำหรับแกงจะอ่อนกว่า ส่วนขนุนที่เลือกมาตำจะมีเมล็ด แต่เป็นเมล็ดอ่อน ฝานขนุนตามขวางทั้งเปลือก หนาราวนิ้วครึ่ง ต้มในหม้อ ใส่น้ำเยอะๆ ใช้เวลาราว 45 นาที ให้เนื้อขนุนสุก นวลลิ้น

น้ำพริกแกงประกอบด้วยเกลือ พริกแห้งเม็ดใหญ่ ข่า กระเทียม และหัวหอม ฉันแยกหัวหอมไว้ ตำอย่างอื่นให้ละเอียด ค่อยซอยหัวหอมลงครก ด้วยวิธีนี้ ทำให้ไม่เสียน้ำตาให้ตำขนุน หรืออย่างน้อย ก็เสียน้ำตาน้อยลง ตำจนหัวหอมเป็นเนื้อเดียวกับน้ำพริก ใส่กะปิเป็นอย่างสุดท้าย ก่อนใช้สากบดให้เข้ากัน

เฉือนเปลือกขนุนต้มออก เอาแต่เนื้อในมาหั่นชิ้นเล็ก ตำรวมกับน้ำพริก จากนั้นก็ถึงขั้นตอนสำคัญ เราจะคั่วบนเตาอีกที

ฉันใช้คำว่าคั่ว เพราะใช้น้ำมันนิดหน่อย และไฟไม่แรง เจียวกระเทียมตำกับหัวหอมซอยให้หอม แล้วใส่หมูสับหยาบนิดหน่อย (เลือกส่วนที่ติดมัน หรือไม่ก็สามชั้น) คั่วหมูให้สุก แล้วตักขนุนกับน้ำพริกใส่กระทะ ส่งมะเขือเทศลูกเล็กลงไปแจมสักสองสามลูก คั่วอย่างใจเย็น ดึงกลิ่นน้ำพริกแกงออกมา ให้ขนุนร้อนทั่วถึง แล้วค่อยชิม ถ้าเค็มไม่พอ ฉันเติมเกลือ บางบ้านใส่น้ำปลาร้าก็อร่อยไปอีกแบบ แต่ควรละเว้นน้ำตาล

ตักใส่ถ้วยงามงด โรยหอมแดงเจียว เขียวต้นหอมผักชีซอย และวางพริกทอดด้านบน ปั้นข้าวเหนียวคำเล็กกินกับตำขนุน คำไหนอยากเผ็ดก็กัดพริกทอด กินหลายคนยิ่งอร่อย ตำขนุนไม่หมดถ้วย อย่าหวังว่าฉันจะล้างมือ

กินเสร็จ ฉันเล่นน้ำต่อ ครั้นบ่ายแก่ไปขนทรายเข้าวัด ได้เล่นน้ำในแม่น้ำอีก เล่นแต่น้ำ โดยไม่รู้จักครีมกันแดด จบสงกรานต์สีผิวก็เปลี่ยน กลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม

ซึ่งตอนนั้นฉันไม่รู้-ว่ามันคือสีแทน รู้แต่ว่าสักพักมันจะหายไปเอง

 

หลายปีแล้วที่ฉันตัวแห้งในวันสงกรานต์ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายพิเศษเสมอ ผู้คนต่างเดินทางกลับบ้าน เสียงตามสายเปิดเพลงหมู่เฮาจาวเหนือทั้งวัน ฉันได้ยินสลับกับเสียงเหิดหุย (หัวเราะและหวีดร้อง) ฉันไม่จำเป็นต้องฉลอง ก็คล้ายว่าอยู่ท่ามกลางความสุข ความอบอุ่น และความเริงรื่น

มีเรื่องเดียวที่ต้องจัดการก่อนถึงสงกรานต์ คือเตรียมอาหารการกินให้พอ ร้านอาหารส่วนใหญ่ปิด ร้านไหนเปิดก็ต้องแย่งกันซื้อ ตลาดสดมีของขายน้อย และถ้าไม่อยากเปียกก็ต้องไปแต่เช้า

ปีนี้ฉันซื้อขนุนเก็บไว้ ด้วยสองเหตุผล หนึ่ง-เก็บได้หลายวัน สอง-ฉันอยากกินตำขนุนแบบไม่ใส่หมู ส่วนจะทำในวันปากปีหรือเปล่า ฉันไม่แน่ใจ

ชื่ออาหารเป็นสิริมงคลชวนให้ใจชื้น แต่หากจะมีสักสิ่งที่หนุนนำชีวิตของฉันได้ดีที่สุด สิ่งนั้นก็คืองาน

ใช่ค่ะ! วันปากปี ฉันจะทำงาน ทำอย่างสนุกสนานเสียด้วย