มนัส สัตยารักษ์ : ครูกับบ่อน

ไปพบเพื่อนตามนัดเพื่อจะคุยกันเรื่อง “กาสิโน” บังเอิญตรงกับวันที่เรื่องของ “ครู” กำลังอื้อฉาว ตรงกับวันที่ “หมอธี” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ แถลงความคืบหน้าการกวาดล้างข้าราชการชั่ว พบทุจริตในศึกษาธิการทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่เฉพาะกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องแป๊ะเจี๊ยะ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เรื่องอควาเรียมทะเลสาบน้ำจืดที่สงขลา เรื่องโรงเรียนใน 3 จังหวัดภาคใต้ ฯลฯ

“ครูโกงกันเกลื่อนเหมือนเป็นโรคระบาด” ผมรำพึง

“บ้านเมืองจะฉิบหาย” เพื่อนว่า “อาชีพครูเป็นอาชีพผู้นำทางจริยธรรมในสังคม”

เพื่อนเปลี่ยนประเด็นคุยเป็นเรื่อง ครูกับบ่อน ก่อนเรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย

“คอลัมน์กาแฟโบราณไม่อัพเดต ตามข่าวไม่ทัน” ผมให้ความเห็น “ข่าวมันแรงขึ้นทุกวัน เงินรัฐเสียหายสูงขึ้นจากหลักสิบล้าน เป็นร้อยล้าน จนพันล้าน ตรวจพบจุดทำเสียหายเพิ่มอีกหลายจุดจนทั่วประเทศ คนที่ถูกตรวจพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตก็เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน ที่ลุ้นว่าถึงขั้นถูกไล่ออกก็มากขึ้น ล่าสุด 41 คน ซีก็สูงขึ้นจนถึงซี 9”

แลัวยังมีเรื่องแทรกซ้อนขึ้นมา แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยข้อมูลของฝ่ายความมั่นคง กล่าวหาโรงเรียนเอกชน จังหวัดปัตตานีบางแห่ง โกงงบฯ รัฐปีละ 760 ล้าน เรื่องนี้อยู่ในระหว่างโต้เถียงกันอยู่

“สังคมควรรู้ว่าอาชีพครูที่บ่นกันว่ายากจนและเป็นหนี้เป็นสินนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบ่อนการพนันข้างบ้านนี่แหละ รัฐมนตรีศึกษาธิการต้องตระหนักและรับรู้ตรงจุดนี้ด้วย” เพื่อนว่า

ผมเห็นด้วยทันที เพราะเดาว่า นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ท่านคงอยากสร้างผลงาน “ปราบโกง” ให้ปรากฏ เพื่อกู้หน้าที่เสียไปจากการพูคคุยกับสื่อเรื่อง “นาฬิกายืมเพื่อน” ที่ลอนดอน

บ่อนกาสิโนที่เพื่อนนักวิเคราะห์ยกมาเป็น “ฉาก” ในการพูดคุยของบทนี้ เขาโฟกัสไปแค่ 2 บ่อนที่คนไทยเรารู้จักคุ้นเคยกันดี นั่นคือ บ่อนกาสิโนที่สะหวันนะเขต (สุวรรณเขต) สปป.ลาว ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับจังหวัดมุกดาหาร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทย กับบ่อนกาสิโนที่ปอยเปต อำเภออูซเรา จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา อยู่ติดกับอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประเทศไทย

ทั้ง 2 บ่อนมีนายทุนหรือหุ้นใหญ่เป็นนักการเมืองชาวไทย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอนายหนึ่งอยู่ในระหว่างหลบหนีคดีอาญาของรัฐ อีกนายหนึ่งบริวารบาดเจ็บ แต่ตัวเองยังอยู่รอดปลอดภัย

ทั้งคู่ชื่อเสียงเหม็นโฉ่ก็จริง แต่ได้รับการยอมรับนับถือและได้รับความเคารพนบนอบจากนักการเมือง ข้าราชการบางคนและชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมาจนถึงวันนี้

ในบ่อนกาสิโนทั้ง 2 แห่งข้างต้นมีกิจกรรมการพนันหลักเหมือนกับบ่อนเถื่อนในเมืองไทยนี่แหละ กล่าวคือ มีบัคคาร่า รูเร็ต ไฮโล ไพ่ป๊อก ฯลฯ แต่อิสระเสรีกว่า บริการนักพนันรวมทั้งคนติดตามได้ยอดเยี่ยมกว่า

มีมุมพิเศษสำหรับขาใหญ่ที่ต้องการสมาธิในการเล่นพนันแบบโป๊กเกอร์

มีส่วนพักผ่อนสำหรับผู้ติดตามที่ไม่ชอบดูเขาเล่นการพนัน มีมุมบันเทิงต่างๆ ดึงดูดลูกค้าที่ไม่เล่นการพนัน มีอาหารบุฟเฟ่ต์ไม่อั้น และพิเศษสำหรับวีไอพี

มีที่พักระดับโรงแรม 4 หรือ 5 ดาว

มีบริการให้กู้ยืมสำหรับคนที่มีเครดิต

มีที่จอดรถและรับจำนำรถในกรณีที่หมดตัว

และอาจจะมีบริการ “ฆ่าตัวตาย” อย่างในนวนิยายเรื่องหนึ่งของนักเขียนตะวันตกด้วยก็ได้

มีคำถามว่า เหตุใดเพื่อนจึงกล้าฟันธงว่า “ครู” เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบ่อนทั้ง 2 แห่ง

เพื่อนตอบว่า พลันที่เห็นรถยนต์ส่วนบุคคลจอดเรียงรายอยู่ตรงที่จอดรถของบ่อนเป็นรถยนต์ของคนไทยเกือบจะทั้งหมด ป้ายทะเบียนบอกว่ามาจากจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดมุกดาหาร (หรือสระแก้ว) มีกระทั่งรถจากกรุงเทพมหานคร เขาขนลุกซู่ด้วยความสยดสยอง

“นายก็รู้ เราไม่ใช่นักเล่นการพนัน เราไปบ่อนรอบชายแดนทั่วประเทศเพราะเป็นงานในฐานะอนุกรรมการ หรือกรรมการที่ปรึกษาของ กมธ.คณะต่างๆ เราต้องการข้อเท็จจริงมาเพื่อวิเคราะห์ มันน่าสยดสยองที่คนไทยเอาเงินมหาศาลมาทิ้งที่นี่”

“เรารู้วิธีซักถามอยู่แล้ว ชาวบ้านหรือพวกร้านค้าแถวนั้นเขาก็ตอบอย่างซื่อๆ พวกที่ด่านแม้จะรู้ว่าเราเป็นใครเขาก็พูดความจริง”

“มีคำตอบหนึ่งว่า “ครูทั้งคัน” จำได้ติดหู”

“คนเข้าไปเล่นพนันในบ่อนเป็นคนไทยไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เราก็พอประเมินได้ว่าเป็นข้าราชการประมาณเท่าไหร่ และครูเท่าไหร่”

ข้าราชการและครูเป็นมนุษย์เงินเดือน มีเครดิตกู้ยืมได้จึงอยากเสี่ยงโชค ไม่เหมือนชาวบ้านหรือนักธุรกิจที่ไม่มีเงินเดือนและไม่อยากเสี่ยง

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมข้าราชการและครูกล้าเสี่ยงต่ออนาคตของอาชีพ

มีเหตุผลหลายประการที่จะตอบข้อสงสัยข้างต้น…

ข้ามแดนได้ง่าย แค่มีพาสปอร์ตหรือบอเดอร์พาสต์

เดินทางสะดวกสบาย บ่อนจัดรถไปรับถึงบ้าน เมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เป็นที่รู้กันระหว่างนักพนันเจ้าประจำว่ามีรถตู้จากบ่อนไปรอรับที่จุดนัดพบวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ไกลหูไกลตาผู้บังคับบัญชา พ้นเสียจากความรู้เห็นของคนรู้จัก

เรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย เป็นเรื่องคล้าย “ย้ำคิด” แต่ก็ยังไม่ได้ลงมือทำ

ในความเป็นจริง เราเคยมีบ่อนถูกกฎหมายมาแต่สมัยรัชกาลที่ 2 จนถึงรัชกาลที่ 5 จึงได้ยกเลิกบ่อนจาก 403 ตำบล เหลือเพียง 9 ตำบล เนื่องจากพบกับปัญหาประชาชนติดการพนัน และเมื่อถึงสมัยของรัชกาลที่ 6 ก็ได้ประกาศปิดบ่อนทั่วราชอาณาจักร ในวันที่ 1 เมษายน 2460

ครบ 100 ปีพอดี

มีผู้เสนอให้รัฐเปิดบ่อนโดยอ้างปัญหาเศรษฐกิจและประเทศเพื่อนบ้านเปิดแล้วโดยรอบและไทยตกเป็นเหยื่อ แต่ถูกคัดค้านจากคนที่เป็นห่วงผลกระทบสังคม ห่วงภาพลักษณ์หรือสัญลักษณ์ของประเทศ

แต่มาถึงวันนี้ผมคล้อยตามเพื่อนนักวิเคราะห์เหตุการณ์บ้านเมือง

ข่าวรายวันติดต่อกันเป็นเวลาถึง 4 เดือนก็เป็นเรื่องของครูสอนจริยธรรมที่หมกมุ่นอยู่กับการพนันถูกกฎหมาย (สลากกินแบ่ง) หรือข่าวที่ รมว.ศึกษาธิการ กับแม่ทัพภาคที่ 4 แถลงวันนี้ ในเรื่อง “ครูโกง” มันเป็นของจริงที่ชัดเจนกว่า “ภาพลักษณ์” ที่เขาเป็นห่วงกัน

เราไม่สามารถกำกับและบังคับพฤติกรรมของคนไทยได้

ผมกลัวความคิดของนักสร้างภาพที่เป็นห่วงภาพลักษณ์มากกว่าห่วงความจริง ผมขนลุกซู่ที่มีปัญหาธรรมกายและธัมมชโย เรื่องเงินทอนของวัด ปัญหาของบ้านเมืองที่ข้าราชการโกงเด็กนักเรียนและผู้ยากไร้ ฯลฯ

เป็นปัญหาที่เกิดจากความคิดของนักสร้างภาพที่เป็นห่วงภาพลักษณ์ของประเทศ