โล่เงิน : ปิดคดีหวย 30 ล้านอลเวงโยงคนอลวน ตามต่อใครคือเจ้าของรางวัลตัวจริง????

ปิดแฟ้มคดีล็อตเตอรี่ 30 ล้าน หลังกองปราบฯ ส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้อง

แต่คำตอบที่คนอยากรู้ จากการตามข่าวเรื่องนี้จนเป็นซีรี่ส์ ใครคือตัวจริงเจ้าของรางวัล 30 ล้านบาท?

นอกจากความอลเวงในคดีแล้ว ยังมีคนจำนวนมากที่เข้ามาเกี่ยวข้องจนกลายเป็นความอลวนที่เกิดจาก 2 คน คือ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ และนายปรีชา หรือครูปรีชา ใคร่ครวญ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน ตำรวจกองปราบฯ ส่งมอบสำนวนคดีอาญา 2 สำนวน คดีแรกกรณี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ เป็นผู้กล่าวหานายปรีชา หรือครูปรีชา ผู้ต้องหาที่ 1 และนางรัตนาพร หรือเจ๊บ้าบิ่น สุภาทิพย์ อายุ 58 ปี แม่ค้าขายล็อตเตอรี่ในตลาดเรดซิตี้ ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดร่วมกันแจ้งข้อความเท็จฯ ปรากฏว่าเห็นควรฟ้องครูปรีชา และเจ๊บ้าบิ่น ทุกข้อกล่าวหา

และคดีที่สอง นายปรีชา เป็นผู้กล่าวหา ร.ต.ท.จรูญ ผู้ต้องหาในความผิดลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สิ่งของตกหล่น พร้อมเอกสารจำนวนกว่า 1,280 หน้า กองปราบฯ เห็นควรไม่ฟ้องหมวดจรูญ

ย้อนไปดูบุคคลหลายคนมีบทบาทเข้ามามากมายในเรื่องดังกล่าว

คนแรกเจ้าของต้นเรื่อง ครูปรีชา บุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าของล็อตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งได้ทำหล่นหายไป โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 ครูปรีชาเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี แจ้งความโดยอ้างว่าล๋อตเตอรี่ 1 ชุดที่ถูกรางวัลหายไป เจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งความ แค่ลงบันทึกประจำวัน และแนะนำให้ไปที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อทำเรื่องอายัด

และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 ครูปรีชาเดินทางไปพบกับนิติกรของกองสลากฯ 5 พฤศจิกายน 2560 ครูปรีชากลับมาแจ้งความ สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่รับเรื่อง

กระทั่งเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 กองสลากฯ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ว่ามีคนนำล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 1 ชุด ไปขึ้นเงินรางวัล ตำรวจเชิญครูปรีชาและผู้ขึ้นเงินคือ ร.ต.ท.จรูญ ไปพบมีการเจรจาแต่ไม่สามารถตกลงได้

ด้านหมวดจรูญ ผู้ที่นำล็อตเตอรี่หมายเลข 533726 ไปขึ้นเงินจำนวน 1 ชุด 5 ใบ ซึ่งถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท และยังเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ครูปรีชาแจ้งยักยอกทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ทาง ร.ต.ท.จรูญยังยืนยันว่าล็อตเตอรี่ดังกล่าวเป็นของตน โดยได้มีทนายส่วนตัวที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นผู้ดูแลในเรื่องของทางคดีอีกด้วย

แต่ทว่าเรื่องราวคงไม่จบลงง่ายๆ เมื่อฝั่งครูปรีชามีพยานจำนวน 40 ปาก โดยมีทั้งเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง จึงมีการโผล่ของตัวละครขึ้นมาเรื่อยๆ

นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ “เจ๊บ้าบิ่น” แม่ค้าขายล็อตเตอรี่ในตลาดเรดซิตี้ ซึ่งอ้างว่าได้ขายเลขลงท้าย 26 ที่ตนมีจำนวน 3 ชุด ให้กับนางพัชริดา พรมตา หรือ “เจ๊พัช” เพื่อขายให้กับครูปรีชา และนายฐนุกร หรือแผน เหลืองใหม่เอี่ยม อายุ 46 ปี คือบุคคลที่อ้างว่าเห็นคนมีลักษณะคล้าย ร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บลอตเตอรี่ที่พื้นในตลาดเรดซิตี้ ซึ่งเป็นเหตุให้นายแผนก้าวมาเป็นตัวละครหลักอีกหนึ่งตัวที่ตำรวจกองปราบฯ ต้องการสอบปากคำอย่างละเอียด

ฝั่งของครูปรีชายังไม่หมดเพียงเท่านั้น ยังมีตัวละครเพิ่มอีกหนึ่งตัวคือ น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ “ฟ้า” คนสนิทของนายปรีชา ที่พกความมั่นใจมาเกินร้อยว่า ล็อตเตอรี่ดังกล่าวเป็นของครูปรีชาอย่างแน่นอน

แต่ น.ส.กนกพรรณทำให้เรื่องราวอลวนยิ่งขึ้น เมื่อมีคลิปเสียงต่างๆ หลุดออกมาว่ามีการพาดพิงถึง ซึ่งในคลิปเสียงมีการกล่าวพาดพิงกล่าวหาถึง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.

ทั้งแผนและฟ้าได้แจ้งความเอาผิดกับ ผบช.ก. และ ผบก.ป. แต่ในที่สุดได้ส่งทนายถอนคดี

พล.ต.ท.ฐิติราช ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ในการรับผิดชอบคดีดังกล่าว ลงพื้นที่สอบปากคำด้วยตนเองทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีและพยานบุคคล จนสามารถคลี่คลายคดีได้และทำการส่งฟ้อง

ส่วนกรณีที่มีคลิปเสียงพาดพิงถึง พล.ต.ท.ฐิติราชนั้น ก็ไม่ได้สร้างความหนักใจ เพราะเนื้อหาในคลิปเสียงดังกล่าวไม่เป็นความจริง และหากทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียงก็จะมีการดำเนินคดีผู้กล่าวหา

นอกจากนี้ ยังมีการพาดพิงถึง พล.ต.ต.ไมตรี ผบก.ป. โดยระบุว่า ไม่กังวล หลังได้ฟังคลิปเสียงทั้งหมดแล้ว ซึ่งเป็นบางช่วงสั้นๆ ที่พาดพิงเท่านั้น

ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานขอคลิปเสียงฉบับเต็มจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาตรวจสอบถึงที่มาที่ไป และจากการฟังเนื้อหาในคลิปเสียง ถือเป็นการกล่าวหาองค์กรให้ได้รับความเสียหาย

ซึ่งในวันที่ 4 เมษายน พล.ต.ต.ไมตรีเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ถึงกรณีดังกล่าว

คดีดังกล่าวไม่เพียงแต่บุคคลธรรมดาเท่านั้นที่เป็นที่จับตามอง ยังคงมีตัวละครข้าราชการตำรวจที่โดนให้ทำการสอบปากคำ ประกอบด้วย นายตำรวจยศ พล.ต.ต., พ.ต.ท., ร.ต.อ., ร.ต.ท. และ ด.ต. รวม 5 นาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันไว้เป็นพยาน 2 นาย ซึ่งเมื่อทำการสอบปากคำแล้วพบว่า พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ขณะนั้นเป็นผู้ที่รู้ถึงการแก้ไขคำให้การและสำนวนอยู่ตลอดเวลาจึงได้แจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยเรื่องดังกล่าวก็ได้ถูกส่งไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) รับหน้าที่ดูแลเรื่องดังกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ที่โดนคำสั่งย้ายมาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. นั้น ว่าเบื้องต้น พล.ต.ต.สุทธิให้การปฏิเสธในข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยขอเวลา 15 วันในการทำการรวบรวมพยานหลักฐาน มาให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน

อย่างไรก็ตาม หาก พล.ต.ต.สุทธิจะกล่าวอ้างว่าเป็นการกระทำโดยไม่มีเจตนาทุจริตนั้น แต่ความผิดตามมาตรา 157 ได้ครอบคลุมไปถึงการกระทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายอีกด้วย ซึ่งการกระทำของ พล.ต.ต.สุทธิ เข้าข่ายผิดกฎหมายดังกล่าว

ส่วนการพิจารณาให้พักราชการ หรือออกจากราชการหรือไม่นั้น ต้องทำรายงานการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อน ซึ่งคดีนี้ ปปป. จะต้องทำสำนวนและส่งให้ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ข้อกังขาของสังคมจะถูกคลี่คลายออกหรือไม่ ล็อตเตอรี่จะตกเป็นของใคร คงต้องลุ้นกันต่อไป