ทราย เจริญปุระ : “เรื่องราว” ในบาดแผล

เรือนร่างเงียบเชียบ การบอกลาเย็นเยียบน่าขยะแขยง : อ่านแล้วฉันนึกถึงรอยผ่าคอของตัวเอง

หมอพยายามทำให้กลมกลืนไปกับผิวที่สุด มันแนบเนียนจนหลายคนไม่รู้ว่ามันมีอยู่

แต่ฉันก็รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น

สัมผัสไม่เหมือนเดิมของเนื้อที่เกิดใหม่ปิดบังชิ้นส่วนแปลกปลอมและเรื่องราวของมันเอาไว้เบื้องหลัง

ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น

นอกจากฉัน

เสียงโลหะกระทบขอบถนนกับเสียงกรีดร้องของฉันเอง เสื้อกล้ามสีดำกับรองเท้าสีน้ำเงินเลอะรอยเลือด สัมผัสอุ่นๆ ของคอนกรีตกั้นทางที่คายความร้อนของมันออกมาซึมเข้ากระดูกสันหลัง ไฟถนนวับวาวและกลิ่นคาวเลือด

เพลงยังคงดังอยู่

หลายคนถาม และฉันก็เล่า

พอเล่าบ่อยเข้าฉันก็เบื่อ

ทำไมเรื่องราวมันช่างซ้ำซาก เรียบง่าย ไร้จุดกระตุ้นอารมณ์ได้ขนาดนี้นะ

ฉันอยากเติมแต่งเรื่องเข้าไป ใส่การทะเลาะกันรุนแรง การระเบิดอารมณ์

ชีวิตเราที่บุบสลายผุพังไปสมควรได้รับความเร้าใจมากกว่านี้สิ

ฉันคิดเรื่องใหม่ๆ เติมความตื่นเต้นเข้าไป รู้ว่าจะหยุดตรงไหนเพื่อเรียกอารมณ์คนฟัง เริ่มเล่าต่อหลังเสียงถอนหายใจและน้ำเอ่อนัยน์ตา

แต่ฉันก็ได้แต่เล่าให้ตัวเองฟัง

มันเรียบง่ายเกินไป

ง่ายจนไม่มีใครอยากเชื่อว่าเรื่องราวแบบนี้จะทิ้งร่องรอยร้าวรานต่อเนื่องได้เป็นปีๆ

เรื่องราวเกี่ยวพันของผู้คนในเมืองที่มีหอนาฬิกา ผูกพันชะตากรรมดำมืดลับลี้ของพวกเขาเอาไว้

หญิงคนหนึ่งซึ่งสูญเสียลูกชายแวะเข้าไปในร้านขนมเค้ก ช่างตัดเย็บกระเป๋าสำหรับใส่หัวใจ เสื้อกาวน์มีความลับซุกซ่อนไว้ ลมหายใจสุดท้ายของเสือเบงกอลในพิพิธภัณฑ์แห่งการทรมาน กลิ่นความตายฝังตัว ล่องลอย โอบกอด แทรกมวลอยู่ทั่วไปในเมืองนี้

บางที, หมออาจจะล้วงเอาหัวใจฉันออกมาจากทางแผลนั้นแล้วเอาไปเก็บไว้ที่อื่น

เพราะฉันรู้สึกเศร้าน้อยลง

การมีหัวใจมีแต่จะนำมาซึ่งความเศร้าล้ำลึกแบบไร้จุดจบ

ฉันเก็บตัวมากขึ้น ออกไปเจอคนอื่นน้อยลง

ไม่เลี้ยงสัตว์

ไม่เลี้ยงพืช

ไม่สะสม

นอนจมอยู่กับความไร้อารมณ์นี้อย่างมีความสุขสมบูรณ์

ฉันนึกไม่ออกว่าการต้องข้องเกี่ยวกับคนเยอะๆ จำวันเกิดคนนั้น ไปงานแต่งของคนนี้จะสามารถทำได้อย่างไร

บาดแผลที่ทิ้งรอยไว้แทบจะทั่วตัวฉันล้วนแล้วแต่มีที่มา

แผลนั้นรวมเข้ากับเรื่องราวของน้ำตาที่ฉันสูญเสียให้กับความรักที่หลุดลอย

แผลนี้เล่าถึงความโง่งมที่ฉันนึกว่ามันคือความรัก

นาทีที่ทำให้เกิดแผลแต่ละรอยนั้นช่างแสนสั้น แต่เรื่องราวเบื้องหลังนั้นยาวนาน มันใช้เวลาทั้งชีวิตค่อยๆ เดินทางไปสู่การสร้างรอยแผล อะไรที่ทำให้เราเป็นคนแบบนี้ อะไรที่ทำให้เรามุ่งหน้าไปสู่ความเจ็บปวดที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้

บางทีหัวใจฉันคงยับเยินเกินไป แผลเป็นทิ้งรอยหนานูนเกินแก้ไขเยียวยา เหลือเพียงเศษเนื้อไม่ปะติดปะต่อกับรอยเชื่อมไร้ที่มาปราศจากจุดหมาย ฉันเหมือนเป็นของชำรุดที่แม้จะใช้งานได้ แต่คนก็อยากวางเอาไว้เฉยๆ โดยไม่กล้าทิ้ง

ใครจะตัดใจทิ้งความทรงจำของตัวเองได้ง่ายดาย

อะไรที่ยังต้องทำก็ทำต่อไป

มีคนบอกว่าเมื่อไหร่ที่เรารู้ว่าสิ่งนี้คือปัญหาและรู้ว่าต้องเดินออกมา นั่นคือเรามีปัญญา

เมื่อเราตัดสินใจก้าวออกมาแล้วเดินไปข้างหน้า ถือว่าเรามีความกล้าหาญ

และศักดิ์ศรีของเราจะยังคงอยู่หากเราก้าวเดินโดยไม่เหลียวกลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์

ฉันยังมีศักดิ์ศรีอยู่

เพราะฉันยังมีวันให้ก้าวต่อไป

และยังมีพื้นที่ร่างกายอีกมากมายเพื่อใช้สลักรอยแผลเป็น

Revenge (เรือนร่างเงียบเชียบ การบอกลาเย็นเยียบน่าขยะแขยง) เขียนโดย Yoko Ogawa แปลโดย นลินญา จรูญเรืองฤทธิ์ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก กันยายน2559 โดยสำนักพิมพ์ไจไจบุ๊คส์