คุยสบายๆ กับ “บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์” บทบาท “ศิลปิน” ของ “นักธุรกิจหนุ่ม” และ “ซิงเกิลใหม่” ในรอบ 7 ปี

ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ.2543 คงไม่มีคอเพลงคนไหนไม่รู้จัก “กรู๊ฟไรเดอร์ส” ศิลปินกลุ่มที่เกิดจากการรวมตัวของสมาชิกสี่คน ประกอบด้วย บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์, ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ, กั้ง-อดิศักดิ์ หัตถกุลโกวิท และ มาตร-มาตรชัย มะกรูดทอง

พวกเขาเป็นผู้ฉุดแนวดนตรีดิสโก้ฟังก์ให้กลับมาเป็นที่นิยมในวงการเพลงไทยอีกครั้ง ถ้าพูดถึงเพลงรักที่เพิ่งผ่านพ้นไป, แค่เธอก็พอ, ฮอร์โมน และหยุด ขึ้นมาเมื่อไหร่ หลายคนคงต้องร้องอ๋อตามกันอย่างแน่นอน

ผ่านไป 17 ปี สมาชิกกรู๊ฟไรเดอร์สแต่ละคน ได้แยกย้ายกันไปทำโปรเจ็กต์ของตัวเอง แม้บางรายยังวนเวียนอยู่ในแวดวงดนตรี

แต่คนที่ห่างหายจากวงการเพลงไปเลย คือ “บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์” นักร้องนำ ที่เคยผันตัวไปเป็นนักร้องเดี่ยวหลังประกาศแยกทางกับวง

ก่อนจะหยุดทำงานเพลงเพื่อไปดูแลธุรกิจของครอบครัว ตั้งแต่กิจการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์, คอมมูนิตี้มอลล์ และร้านอาหาร

ล่าสุด บุรินทร์กลับมาออก “ซิงเกิลใหม่” (ไปพร้อมๆ กับการบริหารกิจการธุรกิจส่วนตัว) อีกหน

“ตอนนี้ทำหลายอย่างมากเลย หลักๆ คือร้องเพลงแน่นอน แล้วก็จริงๆ เป็นโปรดิวเซอร์ด้วย ทำธุรกิจของตัวเองก็คือเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์กับฮอนด้า ภายใต้ชื่อเมโทร

“ทำคอมมูนิตี้มอลล์ชื่อ เดอะ โกรฟ หทัยราษฎร์ ทำร้านอาหารอยู่ 2 ร้าน ชื่อ Lambic Eatery เป็นอาหารนานาชาติ แล้วก็ Shab Shab Shabu แล้วก็จริงๆ ทำเกี่ยวกับเรื่องที่ดินด้วย แล้วก็เปิดออฟฟิศให้เช่า จริงๆ มีอีกหลายๆ อย่าง แต่ประมาณนี้” บุรินทร์กล่าว

ถ้าสังเกตจากช่วงที่เขาเคยออกผลงานดนตรี จะเห็นว่าหลังบุรินทร์วางจำหน่ายอัลบั้มใหม่แต่ละครั้ง เขาจะออกทัวร์คอนเสิร์ตหรือตระเวนเล่นตามร้านอาหารต่างๆ เพียงช่วงสั้นๆ เนื่องด้วยเจ้าตัวมีกิจการธุรกิจอื่นๆ ต้องรับผิดชอบ

โดยเฉพาะหลังจากตระกูล “บุญวิสุทธิ์” ขายกิจการโตโยต้ามหานครเมื่อปลายปี 2555 และหันมาเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้ออื่นแทน นับแต่นั้น บุรินทร์ก็หายไปจากวงการดนตรี จนทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเขาจะกลับมาผลิตงานเพลงอีกหรือไม่?

“ดนตรีเป็นสิ่งที่ผมชอบมาก เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ มันเป็นเหมือนปัจจัยอย่างหนึ่งของชีวิต เพราะฉะนั้น ต่อให้ทำธุรกิจอะไรต่างๆ ขึ้นมา สุดท้ายมันก็จะนั่งฟังเพลงทุกวัน แล้วมันถึงจุดจุดนึง ทำไมเราไม่ทำเพลง?

“เราน่าจะทำเพลงที่เป็นอัลบั้มใหม่ของเรา เวลาเราออกไปเล่นคอนเสิร์ตหรือว่าโชว์ต่างๆ เราจะได้มีเพลงใหม่ๆ เพื่อจะเติมสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง แล้วก็มอบสิ่งใหม่ๆ ให้กับแฟนเพลงของเราทั่วประเทศ

“เพราะตลอด 10 กว่าปีที่ทำดนตรี ตั้งแต่กรู๊ฟไรเดอร์ส เรามีกันแค่ 3 อัลบั้ม ของผมมีอัลบั้มเดี่ยวมาแล้ว 1 ชุด เพราะฉะนั้น 10 กว่าปี ผมทำแค่ 4 ชุดเท่านั้นเอง

“เพราะฉะนั้น มันก็ต้องหาเพลงใหม่ๆ ออกมา ปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา แล้วก็ประสบการณ์ที่เราสั่งสมมาตลอด 10 กว่าปี มันก็จะถูกนำออกมาร้อยเรียง แล้วก็ถูกนำออกมาลงอยู่ในอัลบั้มใหม่ทั้งหมด” บุรินทร์กล่าว

หลายคนอาจมองว่าการทำงานเพลงกับการเป็นนักธุรกิจนั้นอยู่กันคนละขั้ว แต่บุรินทร์ให้ความเห็นว่า จริงๆ แล้ว การทำงานเพลงหรือการทำธุรกิจที่ดูแลอยู่มีส่วนคล้ายกันค่อนข้างมาก เพราะทั้งคู่ต่างตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “งานบริการ”

“ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เนี่ย ผมไม่ได้ผลิตสินค้าเอง สิ่งที่ผมโฟกัสคือเรื่องการทำยังไงให้ลูกค้ามีความสุข ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดตลอด เพราะฉะนั้น มันก็จะอยู่ในเรื่องของการบริการ คือการขาย การเข้าศูนย์ซ่อม การทำยังไงให้ลูกค้ารู้สึกว่าเข้ามาแล้วประทับใจมากที่สุด

“ส่วนการร้องเพลง เราผลิตงานศิลปะออกมา สุดท้ายการที่เราออกไปร้องเพลง การแสดงคอนเสิร์ต การเล่นที่ผับ ทัวร์ หรือเล่นในเฟสติวัลอะไรต่างๆ เนี่ย มันก็คือการบริการ ทำยังไงให้ศิลปะของเรามันได้ถ่ายทอดออกไปหาคนหมู่มากได้มากที่สุด เพราะฉะนั้น ผมว่ามันอยู่บนพื้นฐานของการบริการเหมือนกัน”

แม้กรู๊ฟไรเดอร์สจะเป็นศิลปินกลุ่มที่ประสบความสำเร็จมากอันดับต้นๆ ในยุคสมัยหนึ่ง แต่การออกอัลบั้มแต่ละชุดก็ทิ้งระยะห่างจากกันพอสมควร

โดยหลังออกอัลบั้มที่ 1-2 (จริงๆ คืออัลบั้มเดียวกัน แค่เพิ่มเพลงลงไปอีก 4 เพลง ในอัลบั้ม Discovery 2) ช่วง พ.ศ.2543 จากนั้นพวกเขาหายไป 6 ปี ก่อนจะออกอัลบั้ม The Lift ใน พ.ศ.2550

The Lift ถือเป็นอัลบั้มที่เพิ่มรายละเอียดและเน้นภาคดนตรีของวงให้เข้มแข็งขึ้น โดยพวกเขาได้นำเสียงเครื่องสายของวงออร์เคสตรามาผสมเข้าไปในหลายๆ บทเพลง

รวมทั้งนำเพลงไปมิกซ์และมาสเตอร์ไกลถึงสหรัฐอเมริกา จากฝีมือของ “เอริก เฟอร์กูสัน” มิกซ์เอนจิเนียร์ระดับโลก และเป็นจุดกำเนิดคอนเสิร์ตใหญ่ของวงเป็นครั้งแรกรวม 4 รอบ ก่อนจะประกาศพักวง

3 ปีต่อมา กรู๊ฟไรเดอร์สประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ ส่วนบุรินทร์หันไปออกอัลบั้มเดี่ยวชุด Gran Turismo แล้วก็หายไปดูแลธุรกิจส่วนตัวเหมือนเช่นเคย

ผ่านไป 7 ปี บุรินทร์จึงมีเวลากลับมาทำเพลงอีกครั้ง ภายใต้สังกัดใหม่ “มิวสิค มูฟ”

แต่ละครั้งที่ห่างหายไปนานๆ แฟนเพลงบางกลุ่มพูดถึงเขาในเชิงติดตลก แต่ให้ภาพชัดเจนมากว่าบุรินทร์ “เป็นคนรวย ที่ทำดนตรีเพราะใจรัก”

เจ้าตัวตอบโต้ประโยคนี้ และให้เหตุผลว่ามันไม่เกี่ยวกับว่าเขาจะรวยหรือไม่รวย แต่เป็นเพราะตัวเองโชคดีที่ได้ไปเรียนรู้วัฒนธรรมด้านดนตรีจากหลายประเทศ ก่อนนำมาปรับใช้

“บอกว่ารวย คงไม่รวยหรอก ก็พอมีพอกิน แต่ก็อยากจะบอกอย่างหนึ่งว่า มันไม่จำเป็นจะต้องลำบาก ถึงจะเล่นดนตรีได้ดี

“คือผมอาจจะโชคดีที่ว่าผมไปเรียนรู้เรื่องดนตรีได้กว้าง ผมไปเรียนต่างประเทศหลายประเทศ แล้วก็เวลาไปอยู่ในประเทศเหล่านั้น มันทำให้เราได้รับสิ่งดีๆ”

ตรงกันข้าม เขาอธิบายเหตุผลของการเว้นระยะห่างระหว่างผลงานแต่ละชุดว่า เป็นเพราะตนเองต้องการทำงานออกมาให้ดีที่สุด

“การทำงานแต่ละครั้ง ไม่ชอบให้มีการบีบบังคับของไทม์ไลน์ว่า เฮ้ย! มีเวลาให้ปีหนึ่งในการทำอัลบั้ม ผมบอกทำไม่ได้ ผมอยากจะทำเพลงเมื่อผมอยากจะทำ ผมอยากจะผลิตเพลงเมื่อผมอยากจะผลิต

“ต้องมีสิ่งที่ชัดเจน ต้องมีของที่ดีจริงๆ เราถึงจะเริ่มผลิต ไม่ใช่มานั่งคิดว่าจะเอาอะไรมาทำดี สุดท้ายก็ได้เพลงที่เขาเรียกว่าเผาเอา คืออยากมีสัก 10 เพลง มีเพลงดีๆ อยู่สัก 2 เพลง แล้วเพลงที่เหลือใส่ไปให้เต็มอัลบั้ม ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ แล้วก็ไม่คิดว่าจะทำอย่างนั้น

“เรามีกี่เพลงที่ดีที่สุด เราจะเลือกแต่เพลงที่ดีที่สุดของเราออกมาเท่านั้น อย่างในอัลบั้มปัจจุบันผมมีอยู่ 14 เพลงได้แล้ว แต่คิดว่าเราจะเลือกเพลงที่ดีที่สุดเหมือนกัน เพื่อมาใส่ในอัลบั้ม”

บุรินทร์กล่าว

สําหรับซิงเกิลใหม่อย่าง “Spotlight” ที่เพิ่งปล่อยออกมาเร็วๆ นี้ บุรินทร์ยังคงเลือกแนวเพลงที่ตนเองชื่นชอบ และสร้างชื่อเสียงให้กับเขาตั้งแต่ต้น นั่นคือการตั้งอยู่บนพื้นฐานของบลูส์ แต่เปลี่ยนแขนงจากดิสโก้ฟังก์ มาเป็นอิเล็กโทร โซล ที่มีกลิ่นอายของดนตรียุค 80

โดยเขาเลือกใช้วิธีการทำเพลงแบบเมื่อก่อนที่ไม่มีระบบดิจิตอล ทั้งการอัดแบบ Reel to Reel คือการใช้เทปอัดเพื่อให้ได้เสียงแบบเมื่อก่อนจริงๆ

รวมถึงเลือกซื้อเครื่องดนตรีแบบยุคก่อนๆ มาใช้ทั้งหมด โดยเฉพาะซินธิไซเซอร์หรือเครื่องสังเคราะห์เสียง เพื่อให้เสียงที่ออกมามีความแตกต่าง เสียงออกลอยๆ ดูเป็นอนาคต (ผ่านเครื่องมือยุคเก่า)

ที่สำคัญ รายชื่อทีมงานสร้างสรรค์เพลง “Spotlight” ล้วนอัดแน่นด้วยคุณภาพ โดยได้ “อะตอม ชนกันต์” นักร้อง-นักแต่งเพลงที่กำลังมาแรง และ “ซินดี้ ซุย” มาร่วมกันสร้างสรรค์เพลงนี้ให้ออกมาตรงตามคอนเซ็ปต์ที่บุรินทร์วางไว้

นอกจากนี้ ยังดึงนักดนตรีและคนเบื้องหลังระดับโลกมาร่วมงานอีกหลายราย อาทิ นาธาน อีสต์ (เบส), จูปิเตอร์ และเอริก เฟอร์กูสัน (มิกซ์เอนจิเนียร์) และ เบอร์นี่ กรันด์แมน (มาสเตอร์)

ถ้าบอกว่าอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกมาเป็นผลงานชิ้นโบแดงของบุรินทร์ก็คงไม่ผิดนัก เพราะเขาวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะมอบหมายให้ยอดฝีมือคนใดมารับผิดชอบงานส่วนไหนในอัลบั้มชุดนี้

และถ้าหมดทัวร์ของอัลบั้มใหม่ แฟนเพลงอาจต้องรอคอยงานเพลงลำดับถัดไปของบุรินทร์อีกนานหลายปีเหมือนเช่นที่ผ่านมา หรือไม่เราอาจไม่ได้ฟังผลงานเพลงของเขาอีกแล้ว เพราะแม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่กล้ารับปากว่าจะกลับมาทำเพลงอีกหรือเปล่า? เพราะกลัวจะทำไม่ได้ตามที่พูดไว้

ดังนั้น บุรินทร์จึงอยากให้ผู้ฟังและแฟนเพลงร่วมกันมีความสุขกับงานเพลงล่าสุด ที่เขาตั้งใจทำออกมาให้เป็นของขวัญสำหรับทุกคน

“ผมอยากให้ได้ความสุข เพราะว่าจริงๆ ทุกๆ ครั้ง ดนตรีมันให้ความสุข เพราะฉะนั้น ผมไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว ว่ามันจะต้องขายเป็นล้าน เราอยากจะให้อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยทำมา

“ผมอยู่ในทุกขั้นตอน ขนาดผมยังแฮปปี้กับสิ่งที่ผมทำออกมาได้ขนาดนี้ เพราะฉะนั้น ผมมั่นใจเลยว่าคนที่ชอบฟังดนตรีเหมือนกัน จะมีความสุขไปกับอัลบั้มนี้”

บุรินทร์กล่าวทิ้งท้าย