การ์ตูนที่รัก/THE BEST WE COULD DO

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

THE BEST WE COULD DO

หนังสือการ์ตูนปกแข็งอย่างหนาที่เป็นที่กล่าวขวัญ และบิล เกตส์ แนะนำให้อ่าน
ชื่อเต็มคือ THE BEST WE COULD DO : AN ILLUSTRATED MEMOIR เขียนโดยนักเขียนสตรีชาวเวียดนาม Thi Bui สำนักพิมพ์ Abrams Comics Art นิวยอร์ก ปี 2017 ราคาขายในบ้านเรา 879 บาท
ข้อเขียนนี้จะเป็นการเล่าเรื่องและสรุปเรื่องจากภาพการ์ตูนและบัลลูนคำพูด ส่วนที่เป็นข้อคิดเห็นของผู้เขียนเองจะขึ้นย่อหน้าใหม่แล้วปิดท้ายประโยคด้วย – ผู้เขียน
คำโปรยหน้าปกว่า “หนังสือที่จะทำให้คุณใจสลายแล้วเยียวยาให้”
คือกลไกการรักษาบาดแผลในจิตใจอันเป็นที่ยอมรับ นั่นคือเปิดแผลออกมาดูให้ชัดๆ – ผู้เขียน

บทที่ 1
นิวยอร์ก โรงพยาบาลเมโธดิสต์ 28 พฤศจิกายน 2005 “ฉันกำลังจะคลอด” เป็นภาพท้องโตและเท้าสองข้างที่กางออก “ความเจ็บปวดประดังมาเป็นคลื่นสูงยี่สิบฟุตและแม่ไม่อยู่”
สามีของฉัน เทรวิส เดินเข้ามาแตะหลังฉันไว้ แม่ออกไปยืนพะอืดพะอมอยู่นอกห้อง แม่บินมาจากแคลิฟอร์เนียเพื่อช่วยเหลือฉันที่กำลังจะมีหลานคนแรกให้เธอ แต่เธอกลับทนอยู่ในห้องไม่ได้!
พยาบาลเข้ามาเร่งให้ฉันตัดสินใจเรื่องผ่าตัดคลอดเพราะฉันปวดมานานมากไปแล้ว แต่ฉันดึงดันที่จะคลอดเอง พยาบาลจึงใส่ยากระตุ้นกล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวเข้าไปในน้ำเกลือ คราวนี้ความเจ็บปวดจะยิ่งเป็นทวีคูณ
แล้วพยาบาลก็เข็นถาดเครื่องมือเข้ามา มีกรรไกรที่จะใช้สอดเข้าไปในช่องคลอดของฉัน คุณหมอตามเข้ามาอย่างหัวเสีย เธอตัดสินใจบล๊อกหลัง “เราต้องเอาเด็กออกเดี๋ยวนี้!”
ฉันพยายามต่อรองไม่ให้ตัดช่องคลอด แต่คุณหมอไม่ยอม แล้วลูกก็เกิดมา
พยาบาลทำคลอดรก ตามด้วยบังคับฉันเดิน คืนนั้นเธอเอาลูกมาวางไว้ข้างๆ ฉันตื่นเกือบตลอดคืนเพราะเสียงร้องของลูกและเสียงร้องของแม่ลูกเกิดใหม่อีกคู่หนึ่งข้างๆ เพียงม่านกั้น
เทรวิสและแม่ตามมาในตอนเช้า ในสมัยของแม่ ผัวไม่มีหน้าที่อะไรกับการคลอดเลย พ่อไปดูหนังตอนที่แม่เบ่งท้องคลอดอยู่คนเดียว “ถ้าเธอทำแบบนั้น ฉันเลิกกับคุณ” ฉันหันไปบอกเทรวิส
“แม่ทำได้อย่างไร หกครั้ง” ฉันกอดแม่ไว้ ที่จริงตอนนี้พวกเราพี่น้องเหลือสี่ เมื่อเทรวิสพาแม่กลับบ้านไปอีกครั้ง ฉันมิได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว บัดนี้ฉันได้สร้างครอบครัวใหม่ขึ้นมา นั่นทำให้ฉันนึกถึงเรื่องของแม่ที่สร้างฉันขึ้นมา
ที่เล่ามาคือบทที่ 1 ด้วยภาพสองสี ส้มและดำ ตัวหนังสือลายมือเขียน และลายเส้นกระชากใจ

บทที่ 2
พวกเราเป็นผู้อพยพ ตอนที่พี่สาวคนโตของฉันย้ายไปอยู่กินกับเพื่อนชาย ซึ่งจะเป็นสามีของเธอพี่เขยของฉันในเวลาต่อมา แม่ไม่ยอมพูดกับลูกเขยอยู่นาน พอพี่คนรองหนีตามผู้ชายไปเพราะทนแม่ไม่ไหว แม่กินยาเกินขนาดเข้าโรงพยาบาล คืนนั้นฉันกับน้องชายอยู่บ้านกับพ่อ พ่อมีคำสั่งชัดเจนว่าให้เราตัดพี่สาวคนรองออกจากตระกูล
ฉันยังคงโกรธแม่เรื่องนี้ยาวนานมาอีกสามสิบปี
พ่อแม่ที่ฆ่าตัวตาย ลูกจะโกรธท่านไปตลอดชีวิต – ผู้เขียน
พ่อแม่ฉันเป็นชาวเวียดนามอพยพมากับเรือ วันนี้ฉันมีอายุมากกว่าท่านตอนที่อพยพมาแล้วแต่ดูเหมือนฉันจะเป็นเด็กในสายตาท่านตลอดเวลา หลังคลอดเทรวิสและฉันพาลูกกลับมาอยู่แคลิฟอร์เนีย ละทิ้งงานในนิวยอร์กที่เรารัก มาอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่มากตามมาตรฐานชาวอเมริกัน
แม่อยู่ในบ้านเล็กหลังบ้านเรา พี่สาวคนโตและครอบครัวของเธออยู่สองบล๊อคถัดไป พ่ออยู่แฟลตคนชราสี่บล๊อกถัดไป น้องชายของฉันและครอบครัวอยู่เมืองเดียวกันนี้ และพี่สาวคนรองกับสามีของเธออยู่สองเมืองถัดไป พ่อแม่อายุ 70 ปีแล้วถือว่าแก่มากๆ สำหรับเรา แต่มาตรฐานคนอเมริกันอายุเท่านี้ยังวิ่งมาราธอนอยู่เลยและช่วยเหลือตัวเองได้มาก ในขณะที่พ่อแม่คาดหวังให้พวกเราดูแล
“ฉันรู้สึกผิดจริงๆ” ความกตัญญูโดยไม่มีเงื่อนไขคือแอกที่กดทับลูกของคนเอเชีย – ผู้เขียน
แม้ว่าจะอยู่ใกล้กันแต่ก็ห่างเหิน ครั้งหนึ่งพวกเราเดินทางกลับไปเยี่ยมปู่และวงศาคณาญาติของพ่อ เป็นการเดินทางกลับเวียดนามเป็นครั้งแรกหลังจากที่เราอพยพออกมาในปี 1978 พ่อไม่ยอมกลับไปด้วยไม่ว่าเราจะคะยั้นคะยอมากเท่าไรก็ตาม “กูไม่ไป!” พ่อสูบบุหรี่มวนต่อมวน
แม่ไม่พูดถึงเวียดนามเช่นกัน ฉันเริ่มต้นเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของเราเมื่อกลับมาจากเยี่ยมปู่ แต่ทุกครั้งที่ฉันถามอะไร แม่จะเฉไฉไปเรื่องอื่นทุกที
ฉันเชื่อว่าถ้าฉันสามารถเชื่อมอดีตและปัจจุบันได้ ฉันจะเชื่อมตัวเองกับพ่อแม่ได้ และถ้าฉันสามารถมองเวียดนามเป็นสถานที่แห่งหนึ่งจริงๆ มิใช่เป็นเพียงสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่าง ฉันจะเห็นพ่อแม่เป็นคนจริงๆ ได้เหมือนกัน
ประเทศหนึ่งๆ มิได้มีอยู่จริงสำหรับทุกคน สำหรับบางคนประเทศเป็นเพียงสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่บ้านของเรา – ผู้เขียน
คำว่าแม่รักลูกไม่เคยออกมาจากลำคอแม่ แต่ฉันก็ไม่เคยพูดว่ารักแม่เหมือนกัน
สำหรับคนอพยพทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยิว จีน หรือเวียดนาม อดีตและปัจจุบันที่ขาดหายคือเรื่องใหญ่ที่หลายคนพยายามมองข้าม – ผู้เขียน
จากนี้ไป 300 กว่าหน้าคือเรื่องราวของฉันและประเทศของฉัน