วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย เสถียร จันทิมาธร / หลักศิลา กลางน้ำเชี่ยว (121)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

หลักศิลา กลางน้ำเชี่ยว (121)

ประสบเข้ากับการกดดันโดยพี่อินทรีอัปลักษณ์อย่างนี้ท่าทีของเอี้ยก่วยเป็นอย่างไร “พี่อินทรีช่างเป็นอาจารย์เข้มงวด เคี่ยวเข็ญเราฝึกฝีมือโดยไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย มันเมื่อมีน้ำใจ เราไม่มีความคิดมุมานะได้อย่างไร”

ท่าทีของเอี้ยก่วยจึงไม่แข็งขืน ไม่โมโหโทโส

ไม่จำเป็นต้องให้พี่อินทรีกวาดปีกเข้าใส่ ครานี้เอี้ยก่วยมีการระวังป้องกันไม่ยอมให้ถูกปาดใส่ ตรงกันข้าม กลับพาตัวกระโดดลงยังกลางลำธาร

ถ่วงลมปราณมายังร่างท่อนล่าง ปักหลักยืนหยัดมั่น

ยิ่งนานยิ่งค่อยรู้ซึ้งถึงหลักการเกร็งลมปราณใช้กำลัง มาตรแม้นว่าน้ำป่ายิ่งมายิ่งรุนแรงท่วมท้นถึงระดับเอว กลับไม่ถึงกับยืนหยัดไม่ได้เช่นตอนแรก ชั่วครู่ให้หลังน้ำป่าล่วงเลยขึ้นมาถึงช่วงอกท่วมจนถึงมุมปาก

“เราแม้ยืนหยัดอยู่ได้ย่อมมิอาจปล่อยให้ตัวเองจมน้ำตาย”

ดังนั้น ตัดสินใจกระโดดกลับขึ้นฝั่ง อินทรีเห็นเอี้ยก่วยเหินละลิ่วมาถึงไม่รอให้ 2 เท้าสัมผัสพื้นก็กางปีกออกจู่โจม เอี้ยก่วยยื่นกระบี่ออกต้านกลับถูกพลังจู่โจมของอินทรีผลักดันลงไปยังกลางลำธาร

ปรากฏเสียงตูมเมื่อร่วงหล่นลงไปในน้ำ

ครานี้เอี้ยก่วยยืนหยัดกับก้อนหินก้นลำธาร น้ำท่วมมิดศีรษะกระแสน้ำสายหนึ่งพรูพรั่งเข้าปาก ต้องครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว หากแม้นโคจรพลังบังคับน้ำให้ออกมาจากปาก อย่างนั้นพลังลมปราณแผ่ซ่านขึ้น ใต้เท้าต้องว่างเปล่า

จึงรวมพลังที่จุดศูนย์ 2 เท้าปักหลักมั่น ไม่หายใจเข้าอีก

ชั่วครู่ให้หลังเอี้ยก่วยถีบยัน 2 เท้าทะยานขึ้นกลางอากาศในปากมีสายน้ำฉีดพุ่งออกมาดุจเกาทัณฑ์ จากนั้นร่างจมดิ่มลงไปในลำธารอีกครั้ง ปล่อยให้น้ำป่าไหลทะลักผ่านศีรษะไป ยืนหยัดอยู่กลางน้ำประหนึ่งหลักศิลาอันมั่นคง

จิตใจสงบเยือกเย็นลงทีละน้อย ทีละน้อย

ในใจครุ่นคิด “พี่อินทรีให้เรายืนอยู่กลางสายน้ำป่า หากไม่ใช้กระบี่เขี่ยก้อนหินยังคงถูกหมิ่นหยามดูแคลน”

นี่เป็นอีกธาตุแท้ 1 ภายในความเป็นเอี้ยก่วย

นั่นก็คือ ดื้อรั้นชอบเอาชัย แม้อยู่เบื้องหน้าสัตว์ปีกตัวหนึ่งยังไม่ยอมเสื่อมเสียหน้า พอพบเห็นกิ่งไม้ก้อนหินถูกพัดพามาตามกระแสน้ำก็ยังใช้กระบี่ตวัดเขี่ยส่งกลับขึ้นไปยังต้นน้ำ ก้อนหินเมื่ออยู่ในน้ำมีน้ำหนักเบากว่าเดิม

กระบี่หนักพอถูกแรงน้ำหนุนส่งก็ไม่หนักอึ้งเช่นยามปรกติ

ตอนลงมือกลับเพิ่มความคล่องแคล่ว เอี้ยก่วยทั้งเสือกแทง ตวัดเขี่ย สะบัดจู่โจม ฝึกซ้อมจนหมดเรี่ยวสิ้นแรง ฝีเท้าส่ายโคลงเคลงค่อยกระโดดขึ้นฝั่ง

เป็นการกระโดดขึ้นฝั่งอย่างกริ่งเกรงว่าจะถูกไล่ต้อนลงน้ำอีก

สำเหนียกรู้ว่าใต้เท้าของตนไร้เรี่ยวแรงหากไม่พักก็ยากต้านทานแรงกระแทกจากน้ำป่าได้ แต่สภาพก็เป็นไปตามความคาดหมาย อินทรีไม่รอให้เอี้ยก่วยหยุดเท้ายืนหยัดบนฝั่ง พอเห็นทะยานขึ้นจากน้ำก็กางปีกออกจู่โจม

เอี้ยก่วยรีบร้องขึ้น “พี่อินทรี ท่านต้องการชีวิตข้าพเจ้าหรือ”

เอ่ยพลางกระโดดลงไปยืนอยู่ในน้ำอีก แต่ไม่สามารถประคองตัวสืบไป ในที่สุดก็กระโดดขึ้นฝั่ง พอเห็นอินทรีจู่โจมเข้ามากลับไม่ต้องการนั่งลงยอมรับความพ่ายแพ้ ได้แต่เสือกกระบี่แทงสวนไป

ผ่านพ้น 3 กระบวนท่า อินทรีถูกคุกคามถอยไป 1 ก้าว

“ล่วงเกินแล้ว” ร้องขึ้นพร้อมกับเสือกแทงกระบี่ ได้ยินเสียงคมกระบี่แหวกตัดอากาศดังซี่ ซี่ ผิดแผกแตกต่างจากกาลก่อน อินทรีเห็นปลายกระบี่ทิ่มแทงเข้าใกล้กลับไม่กล้าต้านรับ ได้แต่กระโดดถอยหนีไป

นี่ย่อมเป็นพัฒนาการ นี่ย่อมเป็นรูปธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลาเพียงเดือนเศษได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงสำหรับเอี้ยก่วย จากที่เคยตั้งรับกลายเป็นรุก

ในใจทั้งแตกตื่นทั้งยินดี

พัฒนาการของเอี้ยก่วยย่อมอยู่ในสายตาของพี่อินทรี เพราะมีแต่พี่อินทรีเท่านั้นที่รับรู้การเติบใหญ่กล้าแข็งเป็นลำดับของเอี้ยก่วย

นี่คือด้านดีที่ได้ในท่ามกลางวิกฤต