เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าให้คำชี้แจงและยื่นหลักฐานเพิ่มเติมกับป.ป.ช.กรณีการตรวจสอบที่มานาฬิกาหรู และแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณ กล่าวก่อนเข้าให้คำชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ว่า มั่นใจในเอกสารและหลักฐานที่นำมาให้ป.ป.ช.เนื่องจากเห็นว่า พล.อ.ประวิตร มีพฤติการณ์ปกปิดบัญชีทรัพย์สินและร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ส่วนเอกสารที่นำมาให้ป.ป.ช.เพิ่มเติม คือ รูปภาพตอนที่ พล.อ.ประวิตร ถ่ายในวันที่ 4 ธันวาคม 2560 และรวบรวมภาพนาฬิกาจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งนี้ ป.ป.ช.จะต้องดำเนินการอย่างเที่ยงตรง เพราะทราบมาว่าประธาน ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันเคยสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร เนื่องจากเคยเป็นรองเลขาธิการฯ หน้าห้องมาก่อน เพราะฉะนั้นการทำอะไรจะต้องอยู่ในสายตาของสาธารณชน ป.ป.ช.จึงต้องฉีกตัวเองออกมาจากจุดนั้น เพราะการทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจรัฐของข้าราชการระดับสูงจะเป็นผลงานของ ป.ป.ช.อย่างยิ่ง โดยจะต้องจริงจังกับการทำหน้าที่

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อไปว่า กรณีดังกล่าวเป็นการวัดใจป.ป.ช.รวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เนื่องจากเคยบอกว่าจะเอาจริงกับการปราบปรามการคอร์รัปชั่น และการทุจริตทุกรูปแบบ ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.มีมติส่งฟ้องกรณีดังกล่าว บทบาทของ ป.ป.ช.ก็จะโดดเด่นมากขึ้น แต่หากไม่ส่งฟ้อง สาธารณชนก็จะพุ่งเป้า และ ป.ป.ช.ก็จะสั่นคลอน นอกจากนี้ จะรวบรวมรายชื่อประชาชน 20,000 รายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.

จากนั้น เวลา 11.50 น.นายศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากให้คำชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ว่า คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.ได้สอบถามเกี่ยวกับหลักฐานที่นำมาเพิ่ม ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปว่าครั้งก่อนได้ยื่นเอกสารไป 3-4 เรือน มาครั้งนี้ยื่นเอกสารเพิ่มอีก 16 เรือน รวมเป็น 19 เรือน เพื่อให้ ป.ป.ช.ได้มีหลักฐานที่ชัดเจนมากขึ้น และยังขอให้เชิญอธิบดีกรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลกับป.ป.ช. ว่าใครบ้างเป็นคนสั่งเข้ามา เนื่องจากนาฬิกามีมูลค่าหลายล้านบาท การที่นำเข้าประเทศมาจะต้องผ่านกรมศุลกากร เพื่อจ่ายภาษีก่อน และอยากให้ตรวจสอบนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร ว่าได้เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่