เผยแพร่ |
---|
ในทางรูปแบบร่างพรบ.คุ้มครองแรงงาน(ทำงาน พักผ่อน ใช้ชีวิต)
เมื่อไม่ผ่านวาระ 1 ด้วยคะแนนเสียง 252 ต่อ 149 นั่นหมายถึงบทจบ นั่นหมายถึงการสิ้นสุด
หมดบทบาทไม่เพียงแต่ในระดับที่แน่นอนหนึ่ง หากทำท่าว่าอาจจะสิ้นเชิงด้วยซ้ำ แต่บรรยากาศอันอวลจนกลายเป็น”กระแส”หมายถึงอะไร
หมายถึงความดื้อรั้นไม่ยอมรับใน”ความเป็นจริง” ไม่ยอมรับใน”ความพ่ายแพ้” ภายใต้กระบวนการ”นิติบัญญัติ”แห่งระบบรัฐ สภาที่มีอยู่ของพรรคก้าวไกล กระนั้นหรือ
อาจตีความอย่างเถรตรงในลักษณะคัมภีร์เช่นนั้นได้
แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า ยังมี”พลัง”อันแฝงอยู่กับร่างพรบ.คุ้มครองแรงงาน(ทำงาน พักผ่อน ใช้ชีวิต)สะท้อนออกจนกลายเป็น”ปรากฏการณ์”ในทางการเมือง
ความต่อเนื่องไม่เพียงแต่สัมผัสได้ในแต่ละ”วิวาทะ”ในสังคมโซเชียล มีเดีย อย่างคึกคักหนักแน่น ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายที่เห็นด้วย ไม่ว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
กระทั่ง ช่องทาง”สื่อ”อันได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงจำเป็น ต้องให้ความสนใจ เปิดกระบวนการดีเบตขึ้น
คำถามก็คือ หากเรื่องของ”แรงงาน”ไม่อยู่ในความสนใจของสังคมอย่างเป็นจริงในทางรูปธรรม บรรดาสื่อที่เรียกว่า”กระแสหลัก”จะยังให้”ความหมาย”อยู่อีกหรือ
เพียงเห็นภาพและเสียงอันปรากฏผ่าน”กรรมกรข่าวนอกจอ”ก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้น่าจะยาวววววว และมีความต่อเนื่องงงงง
ยาวในปมทาง”การเมือง” ต่อเนื่องในทาง”ความคิด”
หากถือว่าร่างพรบ.คุ้มครองแรงงาน(ทำงาน พักผ่อน ใช้ชีวิต)
ดำรงอยู่ในสถานะแห่งการ”ปักธง”ในทาง”ความคิด”อันเป็นกระบวนการของพรรคก้าวไกล
ก็ต้องยอมรับว่ากระบวนการที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคแห่งพรรค อนาคตใหม่ในมือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในมือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และในมือ นส.พรรณิการ์ วานิช ประสบผลสำเร็จ
เป็นความสำเร็จที่ทำให้พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย จำเป็นต้องตั้ง”รับ”ในทางความคิดและในทางการเมือง
เมื่อมองผ่านสีหน้าของ นายเซีย จำปาทอง ของ นส.วรรณวิภา ไม้สน ตลอดจนดวงตาของ นายสหัสวัต คุ้มคงไม่ปรากฏความท้อแท้ หากเด่นชัดในความมุ่งมั่น
มั่นใจได้เลยว่า การยึดครอง”พื้นที่”จะยังเป็นของพรรคก้าวไกล ภาระในการตอบ”คำถาม”จะยังเป็นของพรรคเพื่อไทยและยังเป็นของพรรคภูมิใจไทย
ลักษณะที่ยืดเยื้อจะลากยาวไปจนถึงการเลือกตั้งทุกระดับที่จะตามมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ยากที่จะจบได้โดยง่าย