ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย | ฉบับประจำวันที่ 2 -8 กุมภาพันธ์ 2567
• บ้าน
จากการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยภาคสนามล่าสุดถึงสิ้นปี 2566
ตลาดที่อยู่อาศัยไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2566 มีหน่วยขายเปิดใหม่ 101,536 หน่วย ซึ่งถึงแม้จะน้อยกว่าปี 2565 (จำนวน 107,090 หน่วย) ประมาณ 5.2% แต่ก็เป็นการลดลงอย่างไม่มีนัยสำคัญใดๆ
ที่มีจำนวนลดลงก็เพราะแทบไม่มีการเปิดตัวโครงการอาคารชุดราคาถูก (ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท) เลย
หากตัดจำนวนห้องชุดราคาถูกออกไปประมาณ 20,000 หน่วย ก็จะเห็นได้ว่าจำนวนหน่วยขายในปี 2566 มีมากกว่าปี 2565 เป็นอย่างมาก
แสดงว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังฟื้นตัว ไม่ได้หดตัวเช่นที่เข้าใจกัน
ยิ่งหากพิจารณาจากมูลค่าการเปิดตัวในปี 2566 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 559,743 ล้านบาท น้อยกว่าปี 2561 ที่เคยเปิดสูงสุดถึง 565,811 ล้านบาทแล้ว
นับว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2567 ตลาดจะเติบโตมากกว่านี้
ราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่เปิดใหม่ในปี 2566 ทั้งปีอยู่ที่ 5.513 ล้านบาท ซึ่งต่างจากปี 2565 ที่เปิดตัวในราคาเฉลี่ยเพียง 4.412 ล้านบาท
แสดงว่าราคาเฉลี่ยของหน่วยขายเปิดใหม่เพิ่มขึ้นถึง 25%
หากประมาณการหน่วยขายรอการขายในมือผู้ประกอบการทั่วประเทศ
มีอยู่รวมกันประมาณ 400,000 หน่วย (รวมเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแล้ว)
เป็นบ้านมือสองอีกประมาณ 1,100,000 หน่วย
รวมสินค้าที่อยู่อาศัยรอการขายทั้งหมดประมาณ 1,500,000 หน่วย
แสดงว่าในประเทศไทยไม่ได้มีภาวะขาดแคลนที่อยู่อาศัย
การส่งเสริมให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตนเอง เป็นเรื่องดี
แต่การส่งเสริมให้มีการซื้อมากเกินไป จะกลายเป็นการกระตุ้นการเก็งกำไรจนอาจทำให้ตลาดเติบโตเกินความเป็นจริง
และอาจทำให้เสื่อมทรุดลงในที่สุดเช่นที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีน
สิ่งที่รัฐบาลพึงส่งเสริมควรเป็น
1. การบังคับใช้ พ.ร.บ. ดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญาอย่างจริงจัง
เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคว่าเงินดาวน์จะไม่ถูกนำไปใช้ผิดประเภทและไม่สูญไปเมื่อโครงการไม่สามารถพัฒนาจนส่งมอบได้
เมื่อผู้บริโภคได้รับการคุ้มครอง ก็ย่อมจะมาซื้อบ้านมากขึ้นด้วยความมั่นใจ ตลาดก็จะดีขึ้นตามลำดับ
2. กระตุ้นให้สถาบันการเงินลดดอกเบี้ยเงินกู้
เพราะถ้าลดดอกเบี้ยเงินกู้ได้เพียง 1% จะส่งผลให้เงินผ่อนชำระลดลงถึงประมาณ 8%
เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยิ่งยวด
ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th)
แม้ตามข้อมูล
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย
ดูจะไม่น่าห่วงนัก
แต่ค่าเฉลี่ย “บ้าน” ของคนไทยใน กทม.และปริมณฑล
ที่ระดับ 5.513 ล้านบาทนั้น
ทำให้ความฝันของคนระดับล่างที่จะมีบ้าน
โดยเฉพาะหลังแต่งงานมีครอบครัว
ยาก และโหดหินขึ้นทุกที
• บ้านแตก
Bangkok Matching บริษัทจัดหาคู่ ได้ทำการสำรวจสถิติอัตราการจดทะเบียนสมรสของคนไทยที่เก็บโดยกรมการปกครอง
พบว่าในปี 2566 กรุงเทพมหานครมีอัตราการจดทะเบียนสมรสที่สูงถึง 39,150 คู่
รองลงมาคือจังหวัดชลบุรี จดทะเบียนสมรสอยู่ที่ 14,593 คู่
และอันดับสาม ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่ 10,568 คู่
กรุงเทพฯ เป็นแชมป์ยอดจดทะเบียนสมรสสูงมายาวนาน
รวมแล้ว 5 ปี (พ.ศ.2562-2566) จดทะเบียนสมรสทั้งหมดอยู่ที่ 185,506 คู่
ส่วนสถิติการจดทะเบียนหย่า
ในช่วงระยะ 1 ปี คือปี พ.ศ.2566
กรุงเทพฯ ครองแชมป์ มีอัตราการหย่าสูงถึง 17,410 คู่
รองลงมาคือจังหวัดชลบุรี ที่มีการจดทะเบียนหย่าที่ 8,060 คู่
และอันดับสามคือจังหวัดนครราชสีมา อยู่ที่ 5,880 คู่
3 จังหวัดที่มีอัตราการจดทะเบียนสมรสสูงอย่างกรุงเทพมหานคร, ชลบุรี และนครราชสีมา
ก็คือ 3 จังหวัดที่มีอัตราการจดทะเบียนหย่าสูงสุดเช่นกัน
ปี พ.ศ.2563 สถิติการจดทะเบียนหย่าของคนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 15,567 คู่
ปี พ.ศ.2564 สถิติการจดทะเบียนหย่า 10,258 คู่
ปี พ.ศ.2565 สถิติการจดทะเบียนหย่า 17,635 คู่
ปี พ.ศ.2566 สถิติการจดทะเบียนหย่า 17,410 คู่
กรุงเทพฯ ในช่วง 5 ปีให้หลังมานี้ มีจำนวนตัวเลขการหย่าร้างสูงทะลุ 78,136 คู่! คิดเป็น 42% ของอัตราการจดทะเบียนสมรส หรือเกือบครึ่งหนึ่งของคู่ที่ทำการจดทะเบียนสมรสในประเทศ
สาเหตุการหย่าร้างที่พบบ่อย
ปัญหาอันดับ 1 การทะเลาะเบาะแว้งระหว่างสามี-ภรรยา ลามไปจนถึงการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พบว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมามีรายงานการใช้ความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 2,347 ราย ฝ่ายที่ถูกทำร้ายมักจะเป็นฝ่ายหญิง จำนวน 82.78%
ปัญหาอันดับ 2 การนอกใจ ไม่ซื่อสัตย์
ประเทศไทยติดอันดับอัตราการนอกใจสูงสุด 61% ในระดับโลก
ปัญหาอันดับ 3 ขาดการรับผิดชอบ
ทั้งด้านการงาน การเงิน และการใช้ชีวิต
ปัญหาอันดับ 4 ปัญหายาเสพติด
ที่ทำให้เกิดความรุนแรงและกระตุ้นให้เกิดการทำร้ายร่างกายในครอบครัว
ทั้งยังทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวแตกแยกอีกด้วย
สำหรับเรื่องการหย่านี้ ประโยคที่ว่า “การหย่าร้างคือทางออกของคนที่หนีปัญหา” หรือ “สมัยนี้หย่าร้างกันง่ายเพราะมีสิ่งเร้ารอบตัวเยอะกว่าสมัยก่อน” ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคำนี้อาจจะทรงพลังและทำให้คนที่รู้สึกอยากหย่าร้างนั้นต้องกลับไปทบทวนความคิดตัวเองใหม่
แต่สำหรับปัจจุบัน
การหย่าก็เหมือนกับการตัดสินใจที่จะจบเกม พาตัวเองออกมาจากเกมที่รู้ดีว่าเล่นไปยังไงก็คงจะวนอยู่ที่ด่านเดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รังแต่จะทำให้เสียเวลา เสียใจ และเสียคุณค่าความเป็นตัวเองไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
คู่สมรสยุคใหม่ จึงรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่ก็จะไม่ทนและเสียเวลา
ทำให้การหย่าร้างสูง เช่น สำหรับชาวกรุงเทพมหานคร ที่จดทะเบียนสมรสสูงแล้ว แต่อัตราการจดทะเบียนหย่าก็สูงจนเกือบถึง 50% ของอัตราการจดทะเบียนสมรส
เรียกได้ว่า “ครึ่งหนึ่งรอด อีกครึ่งหนึ่งร่วง”
ดังนั้น การที่เราจะคบกันไปให้ตลอดรอดฝั่งได้โดยไม่จบลงที่การหย่านั้น
ขึ้นอยู่กับความเข้ากันได้ก่อนที่จะตัดสินใจสร้างความสัมพันธ์
การสร้างความสัมพันธ์นั้นก็เหมือนกับการสร้างบ้าน
ต้องเริ่มต้นที่รากฐานอันแข็งแรงซึ่งก็คือความเข้ากันได้ ความเป็นไปได้ระหว่างคนทั้งสองคนให้มั่นคงและมั่นใจเสียก่อนถึงจะก้าวไปสู่ระดับต่อๆ ไปได้
บริษัทจัดหาคู่
Bangkok Matching
มีบ้านก็ยาก
จะรักษาบ้าน มิให้แตก
โดยไม่หย่าร้าง
ก็ยากไม่แพ้กัน
ดังนั้น ตั้งสติ คิดให้รอบคอบ
แม้ว่าท่าทีต่อการ “หย่า” ในปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะฝ่าย “หญิง” ที่เป็น “หญิงมั่น” มากขึ้น
ทำให้การตัดสินใจ “หย่า” ง่ายขึ้น
แต่กระนั้น การไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผลก็ยังจำเป็น
มิใช่นำไปสู่ความ “ว่างเปล่า” อย่างอีเมลต่อไป
• ว่างเปล่า
โลกนี้ช่างว่างเปล่า
หาสาระเอาอะไรไปไม่ได้
มีเพียงบุญและกรรมหนุนนำใจ
รีบนำน้ำมาดับไฟในโลกา
อรูปนาม
อยากย้ำส่งท้าย
ไม่อยากให้ปัญหา “บ้าน”
และปัญหา “บ้านแตก” ข้างต้น
มาจบลงที่ “ความว่างเปล่า”
ว่างเปล่า แบบไม่เหลืออะไรเลย •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022