ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | My Country Thailand |
ผู้เขียน | ณัฐพล ใจจริง |
เผยแพร่ |
My Country Thailand | ณัฐพล ใจจริง
หวอ
: ฉากพระนครภายใต้ฝนเหล็กครั้งแรก
พลันเมื่อไทยยินยอมให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพผ่านไทย (8 ธันวาคม 2484) รัฐบาลประกาศการพรางไฟทั่วประเทศ ด้วยคาดว่า อังกฤษคงจะส่งเครื่องบินมาโจมตี (รอง ศยามานนท์, 2520, 178)
เพียงราว 1 เดือนหลังจากนั้น อังกฤษตอบโต้ไทยด้วยการส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่พระนคร ด้วยเหตุที่ไทยยินยอมให้กองทัพญี่ปุ่นผ่านไทยเข้าโจมตีมลายูและพม่าของอังกฤษ จากนั้น ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งช่วงการโจมตีทางอากาศไปและเข้าโจมตีไทยอีกครั้งในช่วงปี 2486 จวบจบสิ้นสงคราม (2488) กล่าวได้ว่า การโจมตีพระนครในช่วงสงครามแบ่งได้ออกเป็นสองช่วง ดังนี้
ช่วงแรก ต้นปี 2485 เป็นการโจมตีของเครื่องบินจากอังกฤษ จากสนามบินพม่ามาโจมตีไทย หลังจากอังกฤษถอยร่นจากพม่าไปยังอินเดียแล้ว การโจมตีพระนครลดน้อยลง จวบกระทั่งปี 2486 เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรรุกกลับ สหรัฐและอังกฤษใช้เครื่องบินจากสนามบินในอินเดียและจีนมาโจมตีระลอกใหม่ เครื่องบินที่เข้ามาปฏิบัติการส่วนใหญ่เป็นเครื่องบิน บี 29 เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ สร้างความเสียหายให้ไทยเป็นอย่างมาก (ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, 299)
เมื่อพระนครถูกโจมตีทางอากาศครั้งแรก
กลางดึกของคืนวันที่ 8 ต่อเช้าวันที่ 9 มกราคม 2485 มีเครื่องบิน 3 ลำของอังกฤษบินจากพม่ามาทิ้งระเบิดที่พระนคร แต่ทำความเสียหายไม่มากนัก เช่น มีการทิ้งระเบิดที่หน้ากรมไปรษณีย์ แต่ไม่ระเบิด แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถขุดค้นได้ และหายไป (รอง ศยามานนท์, 2520, 179)
คืนวันนั้น สัญญาณหวอดังทั่วพระนคร ประชาชนตื่นเต้นจนจับต้นชนปลายไม่ถูก เสียงเครื่องยนต์บนฟากฟ้าครางกระหึ่มตามมา ไฟฉายที่ตั้งอยู่ตามชานเมืองต่างสาดส่องขึ้นไปเป็นลำขาวบนท้องฟ้ากราดจับเป้าหมาย ชาวพระนครบันทึกไว้ว่า เขาเคยดูแต่ตอนซ้อมป้องกันภัยทางอากาศ แต่พอเห็นของจริงเข้าเท่านั้น ความสนุกหดหายไปทีเดียว (สรศัลย์ แพ่งสภา, 2558, 51)
ในคืนนั้นนับเป็นครั้งแรกที่ไทยลิ้มรสการโจมตีทางอากาศ มีการทิ้งระเบิดที่ตรอกบี.เอ็ล.ฮั้ว.เชิงสะพานพุทธ ด้านฝั่งธนฯ มุ่งทำลายสะพานแต่พลาดเป้า จากนั้น เครื่องบินมาทิ้งระเบิดแถวเยาวราช บ้านเรือนพังระเนระนาด (อาจินต์ ปัญจพรรค์, 2541, 196)
หมอเสนอ อินทรสุขศรี ครั้งเป็นนักศึกษาแพทย์ศิริราชเล่าว่า วันนั้น เสียงไซเรนดังก้องพระนคร ผู้คนแตกตื่นด้วยเป็นครั้งแรกที่พระนครถูกโจมตีทางอากาศจากฝ่ายสัมพันธมิตร คนจำนวนมากทำตัวไม่ถูก ผู้คนต่างตะโกนให้ปิดสวิตช์ไฟฟ้าตามที่เคยรับรู้มา
เขาเล่าว่า “หัวใจมันเต้นโครมคราม ตัวสั่นเหงื่อตก ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร นึกอยู่แต่ว่า ถ้าได้ยินเสียงระเบิดตูมตามขึ้นมาต้องนอนราบลงบนพื้นอย่างที่ได้เคยเรียน เคยฝึกมาจากการเป็นยุวชนทหารและยุวชนนายทหาร”
หมอเสนอเล่าต่อว่า “เสียงเครื่องบินเหมือนกับบินผ่านวนไปวนมา มีแสงไฟส่องเป็นลำขึ้นไปบนท้องฟ้า ลำแสงกวัดแกว่งไปมาอยู่ 2-3 ลำแสงตัดกันไปมาเพื่อค้นหาเครื่องบิน เสียงปืน ปตอ.ดังเป็นระยะๆ และต่อมาก็เป็นเสียงระเบิดที่เครื่องบินทิ้งลงมา” (เสนอ, 2548, 76)
การโจมตีทางอากาศครั้งแรกนั้น เป็นการทิ้งสะเปะสะปะ ไม่มีเป้าหมายจุดสำคัญ ไม่โดนกองทหารญี่ปุ่น ด้วยคงไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน เนื่องจากสถานที่ที่ถูกทำลายไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์เลย (เสนอ, 2548, 76)
เครื่องบินที่ทิ้งมาระเบิดพระนครนั้นเป็นแบบปีกชั้นเดียวสองเครื่องยนต์ จำนวน 3 ลำ บินเข้ามาทิ้งระเบิดสร้างความเสียหายให้กับเยาวราชตอนกลาง ตรอกบี.เอ็ล.ฮั้ว สี่แยกวัดตึก แต่การโจมตีครั้งนั้น ทำลายหัวลำโพงไม่ได้ (สรศัลย์ แพ่งสภา, 2558, 52)
ชาวพระนครบันทึกวันนั้นไว้ว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงครางหึ่งๆ ดังมาแต่ไกล แต่เสียงหวอยังไม่ดัง…สักครู่เดียวมองเห็นแสงแวบประกายสว่างจ้าพร้อมมีเสียงระเบิดหลายครืน ไฟลุกไหม้สว่างจ้าจับท้องฟ้า ปรากฏว่าเครื่องบินฝ่ายข้าศึกทิ้งระเบิดลงบนพระที่นั่งอนันตสมาคมและหวอเพิ่งดังขึ้นภายหลัง นับเป็นการถูกโจมตีทางอากาศครั้งแรกในกรุงเทพฯ” (ประเก็บ คล่องตรวจโรค, 2515, 205-206)
วราห์ โรจนวิภาต ชาวฝั่งธนบุรีคนหนึ่งคาดว่า การที่เครื่องบินครั้งนั้นมุ่งทำลายสะพานพุทธ สถานีรถไฟสายมหาชัย แต่พลาดเป้าระเบิดไปตกที่ตรอกบี.เอ็ล.ฮั้ว แถบถนนสมเด็จเจ้าพระยา ด้วยในตรอกเป็นที่ตั้งบริษัทยา คนจึงเรียกว่า ตรอกบี.เอ็ล.ฮั้ว มีคนเจ็บและตาย บ้านเรือนเสียหาย (ek-prapai.org)
จากบันทึกความทรงจำของเด็กญี่ปุ่นในไทยบันทึกว่า เพียงราวหนึ่งเดือนหลังจากที่ญี่ปุ่นยกพลขึ้นไทย พระนครจึงถูกสัมพันธมิตรทิ้งระเบิด เขาได้ยินเสียงไซเรนดังขึ้น มีเสียงตะโกนให้ดับไฟ ชาวบ้านแถบนั้นออกมายืนดูเครื่องบินบนท้องฟ้า “ไม่นานบนท้องฟ้าก็มีเสียงหึ่ง หึ่ง ดังทึบทึบของเครื่องบินทิ้งระเบิด ดังขึ้นมาพร้อมกัน บนท้องฟ้ามีแสงไฟจำนวนมากสาดจากพื้นดินส่องขึ้นไปเพื่อหาเครื่องบิน มองเห็นเส้นสีขาวของไฟส่องหาเครื่องบินไหวไปมา…วินาทีนั้งเอง เสียง ตูม ตูม ปุ ปุ ปุ ระเบิดนำวิถีบินลากหางราวกับดาวตก วิ่งตัดกับลูกปืนจากปืนต่อต้านอากาศยาน แต่ระเบิดดังตูม ตูม อยู่ข้างตัวเครื่อง ไม่ถูกเครื่องบินเลยสักนัด… “(มาซาโอะ เซโตะ, เล่ม 1, 2548, 95-96)
สอดคล้องกับหมอเสนอเล่าว่า แม้จะเป็นการโจมตีที่ไร้เป้าหมายชัดเจน แต่ทำให้ผู้คนตาย โดยที่การต่อสู้อากาศยานของไทยทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดไม่ได้ แม้นจะมีการยิงต่อสู้จากภาคพื้น แต่ ปตอ.ของไทยไม่ระคายผิวเครื่องบินเหล่านั้นเลย (เสนอ, 2548, 76)
ผู้คนเริ่มอพยพ
หลังจากพระนครยามถูกโจมตีทางอากาศแล้วนั้น “ทุกๆ เย็น ผู้คนชาวกรุงเทพฯ พากันแตกตื่นอพยพหลบภัยออกไปนอนนอกเมือง โดยมากไปนอนใกล้ๆ สวนฝั่งธนบุรี เรือโดยสารทุกลำมีผู้โดยสารแย่งกันลงอย่างแตกตื่นแน่นขนัด บางลำบรรทุกได้ 70 คนแต่มีแย่งกันลงถึง 200 คน จนเรือคว่ำมีคนตายกลางแม่น้ำ พอบ่าย 3 โมงล่วงแล้ว ผู้คนก็รีบเลิกงาน อพยพออกไปนอกเมืองกันหมดเพื่อหนีภัยโจมตีทางอากาศ” (ประเก็บ, 206)
ความหนาแน่นของผู้คนในพระนครลดลงๆ หลังถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง “วันต่อๆ มา ผู้คนพลเมืองบางตาลงทันที รถราน้อยลง ห้างร้านปิดใส่กุญแจกันมาก แสดงว่าการค้าหยุดลง เป็นที่รู้กันว่า กรุงเทพฯ จะถูกข้าศึกโจมตีหนักขึ้น จำเป็นต้องอพยพออกจากย่านกลางเมืองไป การอพยพนั้นไปต่างจังหวัดก็มี ออกไปพักพิงกับพรรคพวกพี่น้องในสวนและทุ่งนารอบๆ กรุงเทพฯ ก็มี พวกอพยพนี้ไปอยู่ชั่วคราวกันมาก แต่ที่ไปตั้งรกรากอยู่ก็มี เสียงหวอเวลากลางคืนมีบ่อยขึ้น เสียงนี้โหยหวนครวญครางสยดสยองขวัญบอกไม่ถูก” (ขุนวิจิตรมาตรา, 2523, 466)
นอกจากการโจมตีในวันที่ 8 มกราคมแล้ว เครื่องบินอังกฤษยังเข้าโจมตีพระนครในวันที่ 24, 27 มกราคม 2485 อีกด้วย ช่วงนั้น รัฐบาลมีคำสั่งให้ทุกกระทรวงทบวงกรมป้องกันภัยทางอากาศ ให้ข้าราชการผลัดเวรมาเฝ้ากระทรวงกันทุกคืน (ขุนวิจิตรมาตรา, 464)
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022