อดีตคณบดีรัฐศาสตร์ รามฯ ตั้งคำถามถึงความซื่อสัตย์ รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

สถานการณ์ทางการเมืองที่มีอุณหภูมิร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายเรื่องจ่อ คสช. อยู่ บางเรื่องก็ยากจะหาคำตอบในสถานการณ์ที่หลายคนมองว่าขาลงเช่นนี้

มติชนสุดสัปดาห์ได้สนทนากับ รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตคณบดีรัฐศาสตร์รามคำแหงที่จะมามองในหลายๆ ประเด็นร้อนๆ

: ไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง = คือกลั่นแกล้งโดยเจตนา?

มองว่าช่วงนี้ถึงเวลาต้องปลดล็อกพรรคการเมืองแล้ว เพราะว่า 5 มกราคมเป็นวันขีดเส้นตายที่จะต้องมีการจัดระเบียบให้เสร็จ ถ้าเขาไม่ประชุม เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นี่เหมือนแกล้งกันชัดๆ จากนั้น 5 เมษายน เขาจะต้องมีการประชุมสมาชิกพรรคให้เสร็จ เขามีล็อกด้วยกัน 2 ล็อก ถ้าคุณไม่ปลดตอนนี้ เท่ากับว่าคุณแกล้งเขาโดยเจตนา

นี่เป็นวิธีการหนึ่งของรัฐบาลเผด็จการที่เขาคิดว่าจะทำอะไรก็ได้แล้วพวกนักการเมืองก็ไม่มีสิทธิที่จะไปร้อง นอกจากขอความกรุณา ที่น่าเป็นห่วงคือพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นใหม่จะทำอะไรไม่ทัน มีทั้งขั้นตอนการหาสมาชิกพรรคในเขตแต่ละเขต นี่ไปห้ามเขาว่าถ้าประชุมแล้วทำให้รัฐบาลสั่นคลอนมันไม่ใช่เหตุผล ผมอยากบอกว่ารัฐบาลชุดนี้มีอำนาจมากที่สุดตั้งแต่ 2475 เพราะไม่มีอุปสรรค มิหนำซำยังมีอาวุธคือมาตรา 44 ที่สามารถใช้เมื่อไหร่ก็ได้

: ใครเสีย ใครได้ จากการไม่ปลดล็อก?

อยากย้ำว่า หาก คสช. ปลดล็อกจะมีแต่ได้กับได้ ไม่ปลดจะมีแต่เสีย เสียทั้งชื่อเสียงต่อต่างประเทศที่เขามองว่าเผด็จการไม่ยอมให้ประชาธิปไตยกับประชาชน, สร้างความสับสนให้กับวงการธุรกิจ และรัฐบาลต่างประเทศ ที่ต้องเจรจาการค้ากับเรา มีแต่เรื่องเสียที่มากกว่าเพราะจะขาดความเชื่อมั่น

ตัว คสช. เองสมบูรณ์แบบตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว และคงต้องการจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้เปรียบมากที่สุด ซึ่งถ้าคุณเป็นลูกผู้ชาย ต้องกล้าที่จะให้คนอื่นมีโอกาส ทั้งที่เรารู้ว่าแข่งมาก็แพ้เราอยู่แล้ว เว้นแต่จะมีเหตุที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น เช่น คน 80 เปอร์เซ็นต์ ไปเลือกพรรคเพื่อไทย (ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้)

: พบอาวุธ-ความไม่สงบ เหตุผลสยบปลดล็อก

ส่วนการที่มีพบอาวุธ และมีการอ้างโยงถึงความไม่สงบทางการเมือง ถ้าคุณมาอ้างความมั่นคงกับอาวุธขี้ปะติ๋วเพียงแค่นี้ไม่ได้ เพราะว่าคุณคุมได้ทั้งประเทศ มีทั้งกำลังทหารอีก จึงไม่มีข้ออ้างสำหรับรัฐบาลชุดนี้ว่าจะมีคนปั่นป่วนทำให้เกิดเหตุทางการเมือง

โดยมองว่าเขาต้องการเอามาโยงที่ถือว่าเป็นการดูถูกประชาชนอย่างมา ในโลกนี้มีแต่รัฐบาลเผด็จการที่ชอบใช้วิธีแบบนี้

: ขาลง คสช. สารพัดปัญหาถาโถมใส่ สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องความสงสัยการใส่นาฬิกาแพงและแหวนเพชรของรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะเป็นตำบลกระสุนตกอยู่ตลอด

ถามตรงๆ คุณทำตัวคุณเองใช่หรือไม่? ที่คุณว่าคุณซื่อสัตย์ คุณซื่อสัตย์จริงไหม? คุณโฆษณาทุกวันว่าจะปราบโกง คุณไม่จริงเลย! คุณดีแต่พูด คุณไม่ได้ทำเลย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ยกมาสิครับอะไรที่คุณคิดว่าเป็นเรื่องเด่นที่ทำให้คุณชนะ

ยอมรับว่าเมื่อก่อนนี้ผมชอบมากที่เขาบอกว่าจะจัดการพวกบุกรุกที่ดิน แต่กลับกลายเป็นมวยล้ม จะออกภาษีทรัพย์สินก็มวยล้ม พอถึงเวลาหนึ่งคุณก็เอาเงินไปแจกประชาชน ให้ซื้อของเจ้าสัว มันใช่หรอ?

ซ้ำร้ายพฤติกรรมของคุณทำเสียเอง เป็นพฤติกรรมที่มีแต่เรื่องเสียหาย คุณต้องละเว้นมัน ไม่ทำมัน คุณเป็นคนดี มันดีตรงไหน? คุณต้องแสดง คุณมีเวลา 3-4 ปี ไม่เห็นฟังอะไรใคร คุณก็เลยกลัวตัวคุณเองว่าจะเอาอะไรไปโชว์เมื่อลงจากหลังเสือ ความเชื่อมั่นมันต้องเกิดจากการกระทำ เหลือเวลาอีกเกือบปีคุณต้องทิ้งอะไรไว้ให้กับประชาชนเพื่อให้ได้นึกถึงคุณบ้าง อย่าให้เขานึกถึงคนในจุดที่ไม่ดี

การที่คุณมีอำนาจในการปกครองประเทศ อย่าปฏิเสธว่าไม่อยากทำ คุณอยากทำ! คุณถึงได้ให้คนอื่นลงจากอำนาจ แล้วก็บอกว่าคุณไม่ใช่นักการเมือง พวกคุณเป็นนักการเมือง! คุณเป็นตั้งแต่วันแรกที่คุณเข้ามาแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อคุณอยู่ตรงนี้ สิ่งที่คุณจะต้องสนองต่อประเทศชาติก็คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละ แสดงประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ประชาชนมีความสุข

: ภายในปี พ.ศ.2561 จะได้เห็นเลือกตั้ง?

ส่วนตัวคิดว่ายัง 50-50 แต่ถ้าคิดบวกมันต้องเกิดขึ้น ตามกรอบกติกาที่เขียนในรัฐธรรมนูญ ถ้าคุณไปเบี้ยว (ซึ่งมันมีช่องที่สามารถเบี้ยวได้) เราก็รู้ว่าคุณเป็นศรีธนญชัย มันมีช่องทางที่คุณสามารถยืดหยุ่นได้ (ผมขอใช้คำสุภาพ) ทั้งที่คุณกำลังเอาเปรียบทางการเมือง ขั้นตอนนั้นก็คือหลังจากสภานิติบัญญัติฯ พิจารณาเสร็จแล้ว เขาต้องส่งกฎหมายประกอบ 10 ฉบับให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ พิจารณา ตรงนี้แหละมันไม่ได้มีกำหนดว่าคุณจะต้องส่งเมื่อไหร่และจะต้องจำเป็นส่งพร้อมกันหรือไม่

ส่วนการที่รัฐบาลประกาศว่าเดือนพฤศจิกายน ก็เหมือนเป็นสัญญาประชาคม แต่จริงๆ แล้วมันไม่ควรถึง จะมีคนแย้งว่าคุณทำผิดรัฐธรรมนูญในบางตอน ซึ่งสิ่งนั้นจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง แต่เขาก็มีนักกฎหมายแบบศรีธนญชัยเยอะ อาจจะเลื่อนได้ ในจุดที่ผมบอกนี่แหละ

แม้ว่าหลายคนไม่เชื่อว่าจะมีโอกาสได้เห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างจริงในปี 2561 ในใจผมบอกได้เลยผมไม่เชื่อและผมก็เชียร์ให้อยู่ยาวๆ ไปเลย แต่พอมันมีกติกาออกมา คุณต้องทำตามนั้น ถ้าคุณไม่ทำมีแต่เสียตัวเอง ฉะนั้นก็แล้วแต่คุณว่าจะโกหกประชาชนอีกกี่ครั้งก็ตามใจคุณ เราไม่สามารถไปห้ามได้

: ข้อเสนอสองพรรคใหญ่ จับมือสู้เป็นไปได้?

ต้องยอมรับว่าการเมืองประเทศไทย คุณเชื่อใจนักการเมืองไม่ได้สักคน การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เป็นเรื่องของอำนาจ อำนาจเป็นเรื่องของเงินตรา ทุกคนอยากเป็น ถ้าถามว่ารวมได้ไหม อาจจะมีข้อแม้ตามมามากมาย การที่ประชาธิปัตย์จะรวมกับเพื่อไทย ด้วยเสียงที่ทั้งสองน่าจะมี สามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่คำถามคือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นนายกฯ ยอมหรอ ฉะนั้น กลับไปอยู่กับทหารไม่ดีกว่าหรือ สามารถเลือกกระทรวงได้ด้วย เพราะฉะนั้น ข้อต่อรองมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องของประเทศชาติ แต่พอเมื่อนักการเมืองถึงทางตัน อะไรก็จะเกิดขึ้นได้และเป็นไปได้ทุกเรื่อง โดยมองเรื่องผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง

ขณะนี้ยังมีความไม่แน่ใจเกิดขึ้น เพราะพรรคการเมืองจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งต่อเมื่อ “เห็นตัวเลข” นั่นคือวันเลือกตั้งก่อนหน้านั้นอาจจะมีการจับมือกันหลวมๆ แต่ต้องคำนวณตัวเลขจริงๆ ถามว่าอยากรับมือและวางแผนได้ต้องทำอย่างไร คำตอบคือต้องจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น แล้วคุณจะรู้ว่าควรจะต้องติดต่อกับใครบ้างเพื่อเตรียมการสำหรับเลือกตั้งใหญ่

ที่สำคัญหากมีนายกฯ เป็นคนนอก ก็ต้องมาดูว่ามีความเก่งทางการเมืองขนาดไหน รู้เหลี่ยมนักการเมืองเพียงใด มีที่ปรึกษาทางการเมืองดีหรือไม่ ตัวแปรเหล่านี้สำคัญ เพราะว่าแค่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ที่มาจากทหาร (สมมุติว่าเป็นคุณประยุทธ์) เจอสถานการณ์นี้เข้าไปใบ้กินเลยนะ คุณจะเจอเรื่องที่คุณตกใจและนึกไม่ถึง คุณคิดหรือว่านักการเมืองเก่าๆ จะเลิกรา? มีแค่คนที่ตายไปแล้ว หรือสุขภาพไม่ไหวจริงๆ รับรองได้ว่าทายาทลูกหลานของนักการเมืองต่อแน่ๆ อยู่แล้ว คุณรับมือได้ไหม?

: เลือกตั้งท้องถิ่น – จุดได้เปรียบ คสช.

เพื่อเป็นประโยชน์ของ คสช. เอง ผมมองว่ากรอบช่วงพฤษภาคม เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการจัดเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะ 1.เป็นการเปิดประตูประชาธิปไตยให้กับต่างชาติได้เห็นว่ามีการเริ่มคืนอำนาจแล้ว 2.คุณจะได้ใจจากประชาชน ว่าคุณเริ่มเปิดประตูให้การเลือกตั้งแล้ว 3.สำคัญที่สุดคือคุณจะได้ข้อเท็จจริงของอำนาจทางการเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ว่าแต่ละภาคมีฐานใดที่แข็งแรง คุณต้องมองให้ออก คุณมี กอ.รมน. อยู่เต็มทุกพื้นที่ คุณสามารถลงลึกเจาะลึกข้อมูลได้ทุกจังหวัด ว่าที่ไหนมีการซื้อเสียงหรือไม่

แล้วคุณจะสามารถวิเคราะห์การเลือกตั้งใหญ่และเตรียมยุทธศาสตร์สู้ได้

: ประชาชนเหลือความหวังอะไรในการเลือกตั้งจากประเทศนี้บ้าง?

จากนี้ไปเขาคุมไว้หมดแล้วครับ ในรัฐธรรมนูญ คุณสมบัติของ ส.ส. เปลี่ยนไป กติกามากขึ้น การตรวจสอบมากขึ้น ซ้ำร้ายองค์กรอิสระคือพวกของเขาหมด การเตรียมการไว้ขนาดนี้ หากคุณยังคุมประเทศไม่ได้อีก แปลว่าคุณห่วยแตก ถามว่าประชาชนคนไทยมีสิทธิ์เลือกไหม? ประชาชนต้องต่อสู้ด้วยตัวเองครับ

แล้วประชาชนส่วนหนึ่งเขาก็หวัง ว่าคนที่เราเลือกเข้าไป น่าจะไปโวยอะไรกับมันได้บ้าง!