วันที่ 7 ธันวาคม 2560 นับเป็นธรรมเนียมของทุกปีที่นิตยสารวิเคราะห์สถานการณ์ชื่อดังอย่าง นิตยสารไทม์ เมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคม จะเป็นการสรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นทั่วโลกตลอดปี 2017 และรวมถึงบุคคลที่บรรณาธิการจะตัดสินให้เป็น “บุคคลแห่งปี” ของไทม์ โดยปีนี้ มีการเปิดเผยรายชื่อเบื้องต้นของที่เข้ารับการพิจารณาตัดสินตั้งแต่บุคคลเดี่ยวๆอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ วลาดิเมียร์ ปูติน หรือคิม จอง อึน แต่ในที่สุด ไทม์ส ได้ยกให้ “ผู้ทลายความเงียบ” (Silence Breaker) หรือคนดังในวงการบันเทิงในสหรัฐฯที่ออกมาเปิดโปงการลวนลามหรือล่วงละเมิดทางเพศ จนกลายเป็นกระแสแฮชแท็ก #metoo และตามด้วยมหกรรมแฉแหลกผู้กระทำตั้งแต่โปรดิวเซอร์จนถึงดาราดังที่มีประวัติล่วงละเมิดทางเพศจนเรียกว่าเสียงาน เสียชื่อกันอย่างหนัก

ในบทนำของคอลัมน์พิเศษนี้ ระบุว่า ดารานักแสดง คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นต่างกับเรามาก ไม่ว่า ฐานะ ชื่อเสียง พวกเขาสวมชุดที่เราได้แต่มองหรืออยู่ในบ้านที่เราได้เพียงแค่ฝัน แต่ในทางกลับกัน ความเจ็บปวดและความเป็นส่วนตัว คนดังเหล่านี้ยิ่งเหมือนกับเรากว่าที่เราจะรู้

ย้อนกลับไปในปี 1997 แอชลี่ย์ จัตต์ ที่ก่อนจะเข้าสู่วงการบันเทิง เธอถูกเชิญให้พบกับนายฮาร์วีย์ เวิร์นสไตน์ หัวหน้าสตูดิโอมิราแมกซ์ ที่โรงแรมในย่านสุดหรูอย่างเบเวอรี่ ฮิลล์ เธอตกใจและถูกรุกล้ำเมื่อฮาร์วีย์พยายามจะบังคับให้เธอขึ้นเตียง แอชลีย์รีบหนีจากที่นั่น เรื่องแบบนี้ในสังคมคนดังที่ชื่อเสียงมีค่ากว่าอะไร แต่แทนที่แอชลีย์เลือกที่จะเงียบ เธอเริ่มเปิดเผยเรื่องนี้ให้คนทั่วโลกรับรู้ และนั้นทำให้กลายเป็นกระแสจนมีการติดแฮชแท็ก กลายเป็นความเคลื่อนไหวทางสังคม ปลุกให้ผู้หญิงที่เคยถูกเวิร์นสไตน์ล่วงละเมิดได้ส่งเสียง ไปจนถึงเหตุล่วงละเมิดทางเพศในอูเบอร์ สตาร์ทอัพแชร์การเดินทางชื่อดัง หรือโพสต์บล็อกของวิศวกรหนุ่มที่วิจารณ์ผู้หญิงไม่ควรมาทำงานในตำแหน่งของผู้ชายในบริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอน วัลเลย์ ได้กลายเป็นประเด็นสังคมที่ทำให้กระแสเรียกร้องของการเคารพและการยอมรับความเท่าเทียมกันระหว่างเพศดังกึกก้องในทั่วโลกและบนโลกโซเชียล

พร้อมกันนี้ นิตยสารไทม์ส ยังเปิดภาพปกบุคคลแห่งปี 2017 ที่ประกอบด้วยดนดังอย่าง แอชลีย์ จัตต์ ซูซาน โฟลเลอร์ อดีตวิศวกรของอูเบอร์ ,อดาม่า อิวู ล็อบบี้ยิสต์ของวีซ่า,เทเลอร์ สวิฟท์ นักร้องสาวชื่อดัง และอิซาเบล ปาสคูอาล คนเก็บสตรอเบอรี่ ในเม็กซิโก รวมถึงบุคคลทั้งหญิงและชายอีกหลายคน ที่ร่วมใจปลดปล่อยการเปลี่ยนโฉมทางวัฒนธรรม และทำให้แฮชแท็ก #metoo ถูกใช้กว่าล้านเท่าใน 85 ประเทศทั่วโลก

ซูซาน โฟลเลอร์ กล่าวว่า เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้วและผลออกมาว่านายทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ (อีกทั้งกลายเป็นบุคคลแห่งปีของไทม์ส ประจำปี 2016) ซึ่งถูกกล่าวถึงในเรื่องการเคารพต่อผู้หญิงน้อยมาก เธอจำได้ว่ารู้สึกเหมือนไม่มีอำนาจ ราวกับว่าแม้แต่รัฐบาลไม่เคยมาดูดำดูดีเราเลย

ทั้งนี้ ตอนท้ายของบทบรรณาธิการที่คัดเลือก ระบุว่า รากเหง้าเดิมของธรรมเนียมประจำปีของไทม์คือการเฟ้นหาบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อเหตุการณ์ประจำปี ที่เรียกว่าเป็นคนบุคคลแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ฟังเพลงอาจดูแย่ในเวลานี้ แม้ความคิดว่าด้วยบุคคลที่ทรงอิทธิพลหรือให้แรงบันดาลในการเปลี่ยนแปลงโลกอาจดูไม่เหมาะนักสำหรับปีนี้ แต่สำหรับดาน่า เลวิส พนักงานต้อนรับโรงแรมที่ถูกล่วงละเมิดกล่าวว่า ฉันอยากแสดงให้ลูกสาววัย 11 ปีเห็นว่ามันเป็นเรื่องดีที่ยืนหยัดเพื่อตัวเอง ต่่อให้คุณรู้สึกโลกทั้งใบต่อต้านคุณ หากคุณยังคงต่อสู้ คุณจะเห็นแสงตะวันอีกฝั่งได้ในที่สุด หรืออย่างโรส แม็คโกวาน ศิลปินและนักเคลื่อนไหวที่กล่าวว่า หากเราไม่สู้กลับ? เราจะทำอะไรได้อีก

ด้วยเหตุนี้ เพื่อเสียงที่ถูกเปล่งเพื่อเปิดเผยความลับ เพื่อเสียงกระซิบที่ขับเคลื่อนบนโลกโซเชียล เพื่อผลักดันเราทุกคนหยุดยอมรับสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ “ผู้ทลายความเงียบ” คือบุคคลแห่งปี 2017