ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 มิถุนายน 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | สิ่งแวดล้อม |
ผู้เขียน | ทวีศักดิ์ บุตรตัน |
เผยแพร่ |
‘ทอร์นาโด’ ระบาด
สํานักข่าวซีทีวีนิวส์คัลการี ประเทศแคนาดา รายงานข่าวการเกิดพายุทอร์นาโด 10 ลูก บริเวณชนบทของเมืองคัลการีและเมืองเมดิซินแฮต รัฐอัลเบอร์ตา ในช่วงบ่ายของวันพุธที่ 14 มิถุนายน พร้อมกับเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า tornado outbreak หรือทอร์นาโดระบาด
แม้ว่าทอร์นาโดเกิดขึ้นในช่วงเวลาระหว่างบ่าย 2 โมงครึ่งถึง 5 โมงครึ่ง จะมีกระแสลมไม่แรงนักเฉลี่ย 105-135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเสียหายมีเพียงเล็กน้อยเพราะลมพายุหมุนอยู่กลางทุ่งนาไกลผู้คนและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าศึกษา
นักสิ่งแวดล้อมตั้งสมมุติฐานว่าการเกิด “ทอร์นาโดระบาด” ติดๆ กันถึง 10 ลูกในวันเดียวกัน น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ
พายุทอร์นาโดมีจุดเริ่มต้นจากการก่อตัวของพายุฝนฟ้าคะนอง ซึ่งเป็นส่วนผสมลงตัวระหว่างอุณหภูมิพุ่งสูง ความชื้นเหนือพื้นผิวดินเพิ่มขึ้น ชั้นบรรยากาศมีกระแสลมร้อนและกระแสลมเย็นไหลปะทะกัน เกิดภาวะลมเฉือน (wind shear) ดันให้กระแสลมหมุนม้วนตัวในแนวตั้ง ดูจากไกลๆ เหมือนงวงช้าง
พายุทอร์นาโดในแคนาดามักจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม แต่บางปีเริ่มตั้งแต่เมษายนไปถึงเดือนกันยายน เฉลี่ยปีละ 80 ลูก ส่วนใหญ่เป็นพายุขนาดเล็ก ไม่ค่อยจะรุนแรงมากนัก จะมีหนักสุดเกิดเมื่อ 35 ปีที่แล้ว พัดถล่มเมืองเอ็ดมอนตัน รัฐอัลเบอร์ตา มีผู้เสียชีวิต 27 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน
พายุทอร์นาโดเกิดมากสุดในโลกคือที่สหรัฐ เฉลี่ยปีละ 800 ลูก เกิดขึ้นบริเวณตอนกลางของประเทศเนื่องจากสภาพภูมิประเทศเอื้ออำนวย พื้นที่ราบขนาดใหญ่ มีกระแสลมเย็นพัดจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดาและกระแสลมร้อนจากอ่าวเม็กซิโกปะทะกันในแถบรัฐเนบราสกา โฮกลาโฮมา แคนซัส ดาโกตา โคโลราโด และเทกซัส ซึ่งเป็นที่มาของ “ร่องทอร์นาโด” (turnado alley)
ส่วนบ้านเรา การเกิดพายุหมุนรุนแรงเหมือนในสหรัฐเป็นไปได้น้อยมากเพราะเทือกเขาทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกขวางกระแสลมเอาไว้ เช่นเดียวกับในยุโรป ไม่มีพายุทอร์นาโดลูกใหญ่ๆ เพราะมีเทือกเขาสูงเป็นแนวยาว
นักอุตุนิยมวิทยาชื่อโทมัส กราซูลิส เดินทางไปเก็บข้อมูลการเกิดพายุทอร์นาโดทั่วสหรัฐ ย้อนหาหลักฐานที่มาที่ไปของ “ทอร์นาโด” กว่า 60,000 ลูก ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16
พบว่าช่วง ค.ศ.1920-1930 เกิดพายุทอร์นาโดลูกใหญ่รุนแรงมากในพื้นที่ตอนกลางใต้ของแม่น้ำมิสซิสซิปปี แต่หลังจากนั้นพายุทอร์นาโดลูกใหญ่ๆ รุนแรง ย้ายไปเกิดแถวๆ ที่ราบสูงแถวๆ ฝั่งตะวันตกของรัฐดาโกตา โคโลราโด เนบราสกา
ช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา จำนวนการเกิดพายุทอร์นาโดมีมากขึ้น เฉลี่ยจำนวนวันที่เกิดพายุก็มากขึ้นด้วย ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา การก่อตัวของทอร์นาโดเพิ่มระดับความรุนแรง
ระยะหลังมานี้แนวโน้มพายุหมุนก่อตัวในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยน อุณหภูมิในพื้นที่ดังกล่าวสูงขึ้น อากาศร้อนขึ้น
ย้อนกลับไปที่แคนาดาอีกรอบ นอกจากเกิดพายุทอร์นาโดหลายลูกในช่วงเวลาใกล้เคียงกันแล้ว หลายพื้นที่ของแคนาดายังเกิดไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี
รัฐบาลแคนาดาระดมทั้งหน่วยดับเพลิงและกองกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุแต่รับมือไม่ไหวต้องเรียกหาทีมกู้ภัยทั่วโลกทั้งจากสหรัฐ สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เข้าไปช่วยดับไฟ
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไฟป่าเกิดทั่วแคนาดานับได้กว่า 400 จุด เป็นไฟป่าที่เผาไหม้รุนแรงมากรวมๆ พื้นที่ที่ไฟเผาไปแล้วราว 25 ล้านไร่
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก โพสต์ ของสหรัฐ ถึงกับพาดหัวข่าวว่า “Blame Canada” หรือเผาแคนาดา เพราะไฟเผาพื้นที่มากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีตถึง 16 เท่า
ทางการแคนาดาออกประกาศเตือนให้ระวังควันพิษซึ่งอยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพและอพยพชาวบ้านนับหมื่นๆ คนออกจากจุดเสี่ยงภัย ควันไฟดำโขมงพวยพุ่งสู่ชั้นบรรยากาศ กระแสลมพัดข้ามฝั่งมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน
มหานครนิวยอร์ก ซึ่งอยู่ห่างจากรัฐควิเบก จุดที่เกิดไฟป่ารุนแรงที่สุดราวๆ 500กิโลเมตร ยังเจอควันไฟลอยมาปกคลุมท้องฟ้าจนดำมืดแทบจะมองไม่เห็นยอดตึกสูง
รัฐบาลสหรัฐเห็นสถานการณ์ไฟป่าของเพื่อนบ้านหนักหนาสาหัส ส่งหน่วยดับเพลิงกว่า 800 นายเข้าช่วยเหลือ พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคที่เรียกว่า “ไฟร์การ์ด ซิสเต็ม” ใช้โดรนและดาวเทียมตรวจสอบจุดไฟป่าชนิดเรียลไทม์
ไฟป่าเกิดขึ้นครั้งแรกที่แคว้นโนวาสโกเซีย อยู่ทางชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม เกิดพร้อมๆกันหลายจุดในเวลาเดียวกัน พื้นที่ป่าที่ไฟเผาผลาญรวมแล้วกว่า 250ตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดของแคว้นโนวาสโกเชีย
ไม่เฉพาะฝั่งตะวันออกของแคนาดาที่เกิดไฟป่า แต่ฝั่งในพื้นที่ตอนกลาง เช่น รัฐออนแทรีโอ รัฐควิเบก เกิดไฟป่ารุนแรงเช่นกัน
ปกติแล้วแคนาดามีไฟป่าเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ ไฟจะช่วยเผากำจัดเศษซากบนพื้นดิน เปิดป่ารับแสงแดดฆ่าเชื้อโรคที่เป็นอันตรายกับต้นไม้ เพิ่มสารอาหารให้กับดิน บรรดาต้นไม้จะแตกยอดเติบโตได้เร็วขึ้นหลังไฟป่าสงบลง
แต่ไฟป่าที่เกิดขึ้นปีนี้มีความผิดปกติ จำนวนการเกิดไฟป่ามีมากถ้านับตั้งแต่ต้นปีนี้ไฟป่าในแคนาดาเกิดขึ้นถึง 2,000 ครั้ง การสันนิษฐานว่าสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ เพราะก่อนเกิดไฟป่า แคนาดาเจอกับภาวะแห้งแล้ง อย่างพื้นที่ของรัฐโนวาสโกเชีย มีฝนตกน้อยมากต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของภาวะปกติ และอุณหภูมิพุ่งสูงเกิน 30 องศาเซลเซียส
ภาวะแห้งแล้งบวกกับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงจึงน่าเป็นชนวนเหตุสำคัญทำให้เกิดความแปรปรวนของภูมิอากาศ เกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าในพื้นที่ป่า
ความรุนแรงของไฟป่าในแคนาดาปีนี้ ทำให้นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรี ต้องส่งทวิตเตอร์แจ้งประชาชนว่า ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศนี่ไงที่ทำให้เกิดไฟป่าครั้งแล้วครั้งเล่า
รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศของแคนาดา ก็ให้สัมภาษณ์ว่า มลพิษที่เกิดจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนและชาวแคนาเดียนต้องรับผลกรรม
สถานการณ์ไฟป่าในแคนาดายังไม่จบง่ายๆ เพราะควันไฟลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมีผลต่อระบบหมุนเวียนอากาศและความกดอากาศสูงจะนำไปสู่ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ฮีตโดม (Heat Dome)
โดมความร้อนปกคลุมเหนือท้องฟ้าฝั่งตะวันออกของแคนาดาครั้งใหม่นี้ จุดชนวนให้เกิดไฟป่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่ “ทรูโด” ทวีตไว้หรือไม่ต้องตามดูกันต่อ •
สิ่งแวดล้อม | ทวีศักดิ์ บุตรตัน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022