ลีลาผู้ร้ายปากแข็ง ‘นางกากี’ ชู้ซ้อนชู้พัลวัน ชีช้ำสุดๆ คือผัวตัวจริง

ญาดา อารัมภีร

ล่าชู้ (6)

 

ลีลาผู้ร้ายปากแข็งของนางกากีทำให้พระยาครุฑสุดทนเล่ห์กลมารยา

“จึ่งตรัสว่าอ้าดูระหญิงพาล ช่างกล่าวสารสอดแก้สำนวนกล

เราทราบสิ้นซึ่งระบิลมันขับอ้าง จึ่งกระจ่างแจ้งข้ออนุสนธิ์

ได้อัปยศมาตยาพลาพล ดั่งจะด้นดินม้วยด้วยคำพาล”

ความจริงจากเพลงของชายชู้นำมาซึ่งความอัปยศอดสู พระยาครุฑมิอาจสู้หน้าใคร แทบจะแทรกแผ่นดินหนี ชีวิตดับสูญ พระยาครุฑจึงบริภาษอย่างรุนแรงว่า ดูนางผิดไป คิดว่าสูงส่ง แท้จริงใฝ่ต่ำ

“เพราะมีชู้ไม่รู้ให้รอบเชิง หลงระเริงว่าเจ้ารักสมัครสมาน

คิดว่าหงส์จะจงแต่ชลธาร กลับบันดาลกลั้วเกลือกด้วยเปือกตม

ตัวนางเป็นไทแต่ใจทาส ไม่รักชาติรสหวานมาพาลขม

ดั่งสุกรฟอนฝ่าแต่อาจม ห่อนนิยมรักรสสุคนธาร

น้ำใจนางเปรียบอย่างชลาลัย ไม่เลือกไหลห้วยหนองคลองละหาน

เสียดายทรงวิไลแต่ใจพาล ประมาณเหมือนหนึ่งผลอุทุมพร

สุกแดงดั่งแสงปัทมราช ข้างในล้วนกิมิชาติเบียนบ่อน”

นางกากีแม้รูปงามแต่การกระทำต่ำทราม กายเป็นอิสระกลับปล่อยใจให้เป็นทาสตกอยู่ในอำนาจกามารมณ์ มีฐานะเป็นถึงมเหสีของกษัตริย์ ไม่รักนวลสงวนตัว ไม่รักศักดิ์ศรีของตนเอง จึงไม่ผิดอะไรกับหมูที่คลุกสิ่งปฏิกูลเหม็นเน่า

การมีสัมพันธ์กับชายไปทั่วสะท้อนถึงใจนางไม่ต่างจากธารน้ำไหลไปทุกที่ เสียดายรูปกายภายนอกงดงามราวผลมะเดื่อสุกแดง จิตใจแฝงด้วยหนอนชอนไชอยู่ภายใน นางจึงไร้ค่าไม่คู่ควรครอบครอง พระยาครุฑถึงกับตรัสว่า

“เรารู้ใจแล้วมิให้อนาทร จะพาคืนนครในราตรี”

 

นางกากีไม่ยอมจำนน ความที่เป็นคนประเภท ‘เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น’ เพื่อเอาตัวรอด แม้จะปากกล้าขาสั่น นางก็ยังดื้อตาใสว่าตัวเองบริสุทธิ์ กล่าวโทษพระยาครุฑ

“บริภาษข้าบาทไม่มีดี นี่เนื้อว่าเวรีมาราญรอน

เพราะหลงกลไม่รู้จึ่งเสียกล หลงฉงนแหนงหน่ายสโมสร

แม้นคนธรรพ์ว่าแก้วในอุทร ตกจะรอนราญอุราผ่ากาย

พระฟังคำข้างเดียวมาเกรี้ยวโกรธ ทุเลาโทษขอพิสูจน์สัตย์ถวาย

แม้นพิรุธทุจริตก็ควรตาย ไม่เสียดายชนม์ชีพเท่ายองใย

อยู่หลัดหลัดฤๅจะซัดไปส่งเสีย ไม่โปรดเมียจงประหารให้ตักษัย

มิขอคืนนครำให้ช้ำใจ จะไว้สัตย์สู้ม้วยในสิมพลี”

พระยาครุฑยิ่งฟังคำแก้ตัวเท่าไหร่ ก็ยิ่งไร้เยื่อใยเท่านั้น ด้วยประจักษ์สันดานแท้จริงของนาง

“จึ่งตรัสว่าอ้าดูระกากี หญิงกลีเล่นลิ้นพิรากล

จะเลี้ยงเจ้าเราอัปยศยศ จะลือหมดทั่วหล้าเวหาหน”

 

พระยาครุฑจึงอุ้มนางไปทิ้งไว้หน้าพระลานกรุงพาราณสี และตรัสตัดขาดเพียงชาตินี้

“ไปอยู่กับเราเดียวเปลี่ยวนัก ทีนี้จักพรั่งพร้อมอยู่ล้อมข้าง

เชิญเชยเสวยสุขสวรรยางค์ ตั้งแต่ปางนี้ไม่ขอพบกัน

ตราบสิ้นดินฟ้าพระเมรุมาศ แสนชาติไม่ขอร่วมภิรมย์ขวัญ

กว่าจะเสร็จศิวโมกษ์ทางธรรม์ สั่งเสร็จระเห็จหันไปสิมพลี”

รุ่งเช้าท้าวพรหมทัตเห็นนางกากีก็บริภาษเสียดสีว่า

“แต่ยังเยาว์คุ้มเท่าเป็นเอกองค์ ปิ่นอนงค์นางในทั้งซ้ายขวา

คิดว่าจะไว้ชื่อให้ลือชา มิรู้ว่าเริงรวยไปด้วยครุฑ

เพราะแรงราคจากรสพาราณสี ไปลอยเล่นสิมพลีอันสูงสุด

แล้วเบือนบ่ายหน่ายเล่ห์เสน่ห์ครุฑ กลับมายุดยึดชมกับคนธรรพ์

หนึ่งแล้วสองเล่าเจ้าซ้ำสาม ช่างทำงามพักตราน่ารับขวัญ

เมื่อเป็นหญิงแพศยาอาธรรม์ จะให้เลี้ยงนางนั้นประการใด ฯ”

 

‘ความจริง’ กับ ‘ความเท็จ’ ต่างกัน พูดความจริงกี่ครั้งก็ยังเป็นเช่นนั้น ตรงข้ามกับความเท็จ สิ่งที่พูดแต่ละครั้งแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ จากโกหกกลายเป็นตอแหล ถึงขั้นตลบตะแลง พูดดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ ดังกรณีของนางกากีตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ทูลท้าวพรหมทัตถึงต้นเหตุที่ทำให้นางกลายเป็นหญิงเลว

“เป็นความสัตย์เกิดวิบัติจึ่งจำไกล ใช่จะร้างแรมรสบทมาลย์

ด้วยมืดมนอนธการในอากาศ ครุฑบังอาจพาพรากไปจากสถาน

ข้าร่ำไห้เพียงจักทำลายปราณ แต่โหยหาภูบาลไม่เห็นตาม”

นางจำใจจำยอมเป็นของครุฑทั้งๆ ที่ ‘ไม่มีจิตจงรักในปักษี’ ก็เพราะ

“เขาเรืองฤทธิ์จนจิตเป็นสัตรี ก็สุดที่แท้ว่ากรรมจึงจำเป็น

ถึงกระนั้นจริงใจไม่ปฏิพัทธ์ เป็นความสัตย์ว่าไปใครจะเห็น

พร่ำบวงบนเทพเจ้าทุกเช้าเย็น ขอให้ครุฑเคลิ้มเคล้นมาส่งคืน”

หลังจาก 7 วันผ่านไปได้พบคนธรรพ์ที่วิมานสิมพลี เล่าให้ฟังว่าพระสวามีเศร้าพระทัย ความเสียใจความเป็นห่วงพระองค์ทำให้นาง ‘สลบลงกับพื้นพิมานบน’

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกครั้งเมื่อถูกคนธรรพ์ย่ำยี

“ซึ่งพี่เลี้ยงทำการทุจริต ที่จริงจิตมิได้แจ้งในเหตุผล

ดังร่างผีมิได้รู้สึกสกนธ์ เท็จจริงก็เหมือนจนประจานกาย

เพราะกรรมนำเหตุให้หฤโหด ประมาณโทษนั้นผิดอยู่แหล่หลาย

แม้นมิโปรดเข่นฆ่าก็ท่าตาย ขอไว้ลายสู้ม้วยด้วยสัตยาฯ”

วาจาพลิกพลิ้วของอดีตมเหสีส่งผลให้ท้าวพรหมทัตกริ้วยิ่งนัก พระทัยร้อนผ่าวราวถูกไฟแผดเผา มีพระบัญชาว่าสตรีต่ำช้าเช่นนางกากี

“จะเลี้ยงไว้ในนครก็หนักดิน

ทุกนิเวศน์เขตขัณฑ์บุรีเรือง ถ้ารู้เรื่องจะตำหนิติฉิน

ชอบแต่ใส่แพลอยในวาริน จึ่งจะหมดมลทินที่นินทา”

‘ชู้ซ้อนชู้’ ในวรรณคดี พัลวันทั้งชู้ก่อนชู้หลัง ชีช้ำสุดๆ คือผัวตัวจริง •