ในประเทศ : กล่องดวงใจ?

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะบอกว่า กล่องดวงใจของตนเองมีเพียงครอบครัว

มิใช่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างที่มีการกล่าวเปรียบเทียบกัน

กระนั้น ก็ยกว่า พล.อ.ฉัตรชัย คือ “เพื่อนร่วมงาน” ที่มิใช่แค่มาร่วมงานในช่วงเป็นรัฐมนตรีเท่านั้น หากแต่ยาวนานมาตั้งแต่อยู่ในกองทัพ

จึงมีความสนิทแนบแน่นกันอย่างยิ่ง

และความแนบแน่นดังกล่าว ทำให้ประเมินการปรับคณะรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นไม่ว่าปรับเล็ก หรือปรับใหญ่

พล.อ.ฉัตรชัย น่าจะอยู่ในคณะรัฐมนตรีต่อไป

โดยถ้าสวยที่สุด ก็คือทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ต่อไป

แต่ถ้าจะรักษาหน้าเอาไว้บ้าง ก็อาจจะถูกโยกขึ้นเป็น “รองนายกรัฐมนตรี”

หากจะลบบ้างก็ให้ “ย้ายกระทรวง” หางานใหม่ทำ

พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่หักเพื่อนถึงขนาดให้ “หลุด” จากตำแแหน่งไปเลย

ว่าที่จริง สถานะของ พล.อ.ฉัตรชัย ยังดูดีกว่า พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี และ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีกระแสข่าวว่าได้เก็บของออกจากห้องทำงานในตึกบัญชาการ 1 ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน ไปแล้ว

ถึงนายออมสิน จะยังงงกับกระแสข่าวดังกล่าว

เพราะเจ้าตัวบอกว่า ที่เก็บของนั้นคือ ทำ 5 ส. เท่านั้น ซึ่งทำมาประมาณ 2 สัปดาห์ และเป็นเพียงการเก็บเอกสารที่หาไม่เจอ เช่น หนังสือสวดมนต์ หนังสือพระ แล้วเก็บใส่ลัง ดังนั้น ยืนยันว่าไม่มีอะไร และการเก็บของไม่ได้เพิ่งมาทำเร็วๆ นี้ แต่ทำมา 2-3 สัปดาห์แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้รับสัญญาณ และไม่มีอะไร

แต่กระนั้น สถานะในคณะรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย ก็ดูดีกว่ามาก

ยิ่งมีกระแสข่าวว่า “รมช.เกษตรฯ” ในทีม “ปึ๊ก” ของ พล.อ.ฉัตรชัย คือ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร จะเลื่อนชั้นไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แทน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ด้วยแล้ว

ยิ่งสะท้อนถึงพลานุภาพของ พล.อ.ฉัตรชัย แม้จะมีคนปฏิเสธว่าไม่ใช่กล่องดวงใจก็ตามที

 

อย่างไรก็ตาม แม้เก้าอี้ในคณะรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย จะมั่นคง

แต่จะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรก็ไม่ได้

เพราะศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เปิดผลสำรวจเรื่อง “การปรับ ครม. ประยุทธ์ 5” จากประชาชนทั่วประเทศ 1,251 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-9 พฤศจิกายน ถึงการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีในช่วงก่อนการเลือกตั้งปลายปี 2561 พบว่า ร้อยละ 68.11 ระบุเห็นด้วย เพราะ ครม.ชุดปัจจุบันยังทำงานและแก้ไขปัญหาได้ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ อยากเห็นคนใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับตำแหน่งเข้ามาทำงาน มีวิสัยทัศน์หรือนโยบายใหม่ๆ มาใช้บริหารประเทศ ให้ประเทศเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น

ร้อยละ 16.71 ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ปัญหาของประเทศ หากปรับเปลี่ยนบ่อยครั้งจะทำให้หลายนโยบายหรือโครงการต่างๆ ไม่ต่อเนื่อง เกิดความวุ่นวายและความขัดแย้งในบ้านเมือง บางส่วนระบุว่า ครม.ชุดนี้ทำงานได้ดีอยู่แล้ว

ส่วนกระทรวงที่ต้องการให้มีการสลับสับเปลี่ยนการทำงานของ ครม. ตามลำดับ

ร้อยละ 20.38 ระบุกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ร้อยละ 16.07 กระทรวงพาณิชย์

ร้อยละ 7.27 กระทรวงการคลัง

ร้อยละ 6.08 กระทรวงศึกษาธิการ

ร้อยละ 5.60 ไม่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยน

ร้อยละ 5.20 ระบุกระทรวงมหาดไทย

ร้อยละ 4.40 กระทรวงแรงงาน

ร้อยละ 3.44 กระทรวงกลาโหม

ร้อยละ 2.32 ระบุว่า นายกรัฐมนตรี

ร้อยละ 2.08 กระทรวงคมนาคม

 

จะเห็นว่า กระทรวงเกษตรฯ ยังยึดอันดับ 1 กระทรวงที่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง

ซึ่งมีรายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้นำ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ซึ่งคาดว่าน่าจะเข้าหารือในเรื่องของตำแหน่งคณะรัฐมนตรีใหม่

และน่าจะมีนายยุคล เป็นหนึ่งในตัวแทนรัฐมนตรีจากฝ่ายพลเรือน โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญในกระทรวงเกษตรฯ

อันสะท้อนว่า แม้สถานะความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ฉัตรชัย จะมั่นคง

แต่อาจจะไม่ใช่ที่กระทรวงเกษตรฯ ก็ได้ จำต้องรักษาเครดิตให้ “ดูดี”

ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นปรากฏการณ์ที่มักไม่เคยเห็นกับรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้พึ่งเสียงกับชาวบ้านมากนัก

แต่จู่ๆ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ก็มีกลุ่มชาวนาให้กำลังใจ พล.อ.ฉัตรชัย

เป็นเกษตรกรชาวนากว่า 100 ราย จากหลายจังหวัด อาทิ สิงห์บุรี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา และสุรินทร์ เข้ามอบดอกกุหลาบและชูป้ายให้กำลังใจ รัฐมนตรี

โดยตัวแทนกลุ่มเกษตรกร ระบุว่า ได้นัดหมายกันเดินทางมาวันนี้เพื่อขอบคุณ พล.อ.ฉัตรชัย ที่ได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมเกษตรชาวนามาอย่างต่อเนื่อง

จึงอยากส่งเสียงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “เราไม่ต้องการให้มีการปรับ พล.อ.ฉัตรชัย ออกจากตำแหน่ง เพื่อให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินนโยบายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง”

 

และวันเดียวกันนั้น พล.อ.ฉัตรชัย ก็ได้ให้ นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย (สยยท.) พร้อมเครือข่าย 40 คน เข้าพบ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า แกนนำสภาเครือข่ายยางฯ ไม่ได้มีเป้าหมายโจมตีที่ตัวรัฐมนตรี

แต่พุ่งเป้าไปยังคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) โดยเฉพาะ นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการ กยท. มากกว่า

โดยเสนอให้ปลดออกจากตำแหน่งและตั้งกรรมการสอบสวนการปฏิบัติงาน ซึ่ง พล.อ.ฉัตรชัย ก็ขานรับ โดยให้บอร์ด กยท. ดำเนินการภายใน 7 วัน

เป็นการ “รับลูก” กันอย่างฉันมิตร

ซึ่งแตกต่างจากภาพก่อนหน้านี้ เมื่อมีกระแสข่าวว่าจะมีแกนนำชาวสวนยางจากภาคใต้จะนำมวลชนมาเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ

ทำให้เมื่อกลางดึกวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ตรัง และกำลังเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ตรัง พร้อมด้วยนายทหาร ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ตำรวจหน่วยสันติบาลตรัง และหน่วยข่าวกรองกองทัพภาคที่ 4 (ทภ.4) ได้เชิญ นายถนอมเกียรติ ยิ่งฉ้วน และ นายประทบ สุขสนาน 2 แกนนำเกษตรกรสวนยางจังหวัดตรัง มาพูดคุยปรับทัศนคติทำความเข้าใจ ที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์

เช่นเดียวกับที่ จ.พัทลุง นายไพรัช เจ้ยชุม ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์จังหวัดพัทลุงและกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรแห่งประเทศไทย และ นายสำรอง เพชรทอง แกนนำกลุ่มชาวสวนยางพาราในพื้นที่ จ.พัทลุง ถูกเจ้าหน้าที่ทหารค่ายอภัยบริรักษ์ อ.ศรีนครินทร์ เชิญตัวเข้าพบพูดคุยเช่นกัน

ทำให้ตัวแทนยางพาราที่เข้าพบ พล.อ.ฉัตรชัย ในวันที่ 13 พฤศจิกายน เป็นไปอย่าง “มิตร” มากกว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม

และสะท้อนการมุ่งแก้ปัญหา มากกว่าแก้ปัญหาไม่ได้

ทำให้ภาพ พล.อ.ฉัตรชัย ดูดีขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ส่วนจะดีถึงขนาด จะมั่นคงในเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เลยหรือไม่

เพื่อนรักที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะชี้ขาด

 

ตอนนี้ พล.อ.ฉัตรชัย จึงต้องลุ้นเหมือนรัฐมนตรีหลายกระทรวง เช่น กระทรวงพาณิชย์ ที่มีข่าวว่า นางอภิรดี อาจยื้อไม่อยู่

ไม่ต่างกับกระทรวงการคลัง ซึ่งติดโผโพลให้ปรับเปลี่ยนมาตลอด

เช่นเดียวกับกระแสข่าวที่โผล่มาเป็นระยะๆ นั่นก็คือการโยกย้าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาเป็นรัฐมนตรีแทน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เป็น ผบ.ตร. แทน

ซึ่งจะจริงหรือไม่ คงต้องฟังหูไว้หู

เพราะดูเหมือนจะเป็นการเขย่าเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มากกว่าจะมีเป้าหมายที่ “รัฐมนตรี”

ขณะที่ชื่อของ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ซึ่งลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาหมาดๆ ก็ยังถูกขานชื่อว่าจะมาแทน พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ที่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

แต่ พล.อ.ยอดยุทธ ก็ได้ปฏิเสธ โดยระบุว่า ยังไม่มีการทาบทามอะไร

ขณะที่มีนามของ นายกฤษฎา บุญราช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ถูกกล่าวถึงเป็นกระสายว่าอาจจะเป็นม้ามืดที่จะไปทำงานกระทรวงแรงงานก็ได้

ล่าสุดก็มีกระแสข่าวว่ามีการทาบทาม นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง มานั่งกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะมาช่วยงานหรือมาแทน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เจ้าของเก้าอี้

 

ตอนนี้ เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี จึงเป็นเพียงกระแสข่าว

จะจับต้องได้บ้าง ก็เป็นคำยืนยันอีกครั้งจาก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ย้ำว่า ที่ประชุมคณะรัฐมตรี เมื่อ 7 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งให้ทราบว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี

แต่ไม่ได้แจ้งรัฐมนตรีที่จะถูกปรับออกเป็นรายบุคคล

พร้อมระบุว่า จะยึดประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง

ไม่มีโควต้ารัฐมนตรีทหารหรือพลเรือน

ใครที่ยังอยู่ในตำแหน่งขอให้ทำงาน

ส่วนใครถูกปรับออกขออย่าโกรธเคือง น้อยใจ เพราะนายกฯ ทำด้วยความจำเป็นเพื่อประโยชน์ชาติ

ดังนั้น ไม่มีรัฐมนตรีคนใดทราบว่าตัวเองจะถูกปรับเปลี่ยนหรือไม่

หรือพูดง่ายๆ ไม่มีใครเป็น กล่องดวงใจ? อย่างที่ว่า