ในประเทศ / วิบากกรรม ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อด’ 2 พี่น้อง ‘วงษ์สุวรรณ’ เมื่อเวลางัดข้อมาถึง

ในประเทศ

วิบากกรรม ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อด’
2 พี่น้อง ‘วงษ์สุวรรณ’
เมื่อเวลางัดข้อมาถึง

ช่วงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก พี่น้องตระกูล “วงษ์สุวรรณ” หลังจากที่สัปดาห์ก่อน ฟ้าผ่าเปรี้ยง เด้งด่วน นายวรานนท์ ปีติวรรณ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน และให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงแรงงาน โดยใช้มาตรา 44 กะทันหันทั้งที่เพิ่งผ่านวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แค่วันเดียว จนมีคำถามว่าทำไม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงไม่ให้เจ้ากระทรวงแรงงานนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. ตามปกติ
จนเป็นเหตุให้ ‘บิ๊กบี้’ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เด็กในคาถา “พี่ใหญ่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เก็บของในห้องทำงานภายในกระทรวงแรงงานกลับบ้านทันทีในวันเดียวกัน
ลุกลามไปถึงกระแสข่าวว่างวดนี้จะมีการปรับ “ครม.ตู่ 5” ครั้งใหญ่ โดยมีชื่อ “พี่ใหญ่ป้อม” อยู่ในข่ายที่จะถูกปรับออกด้วยซ้ำ
แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ เพราะนายกฯ เองยังต้องพึ่งบารมีพี่ใหญ่อยู่ไม่น้อยต่อการนำพา “เรือแป๊ะ” ให้ถึงฝั่ง

อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ “บิ๊กป้อม” ก็เพิ่งโดนกระแสโซเชียลเล่นงานหลายเรื่อง อาทิ เรื่องการเดินทางไปสหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายนที่ผ่านมา โดนครหาเชื่อมโยงว่าไปช้อปปิ้งซื้ออาวุธ พร้อมทั้งแอบนัดเจอ “ทักกี้” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ลอนดอน เมื่อกลับถึงไทยต้องมาไล่ชี้ว่า ไม่เจอ!!
ช่วงที่ “บิ๊กตู่” บินไปสหรัฐอเมริกาเพื่อพบ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ และฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต จนสหรัฐปลดล็อกการจัดซื้ออาวุธของไทยนับตั้งแต่ปี 2557 โดยยุทโธปกรณ์ที่ยังค้างคาตามความต้องการคือ ฮ.โจมตี
คนที่ออกมาชี้แจงและโดนด่า ก็หนีไม่พ้น “บิ๊กป้อม” ที่ระบุ
“เป็นการวางแผนของกองทัพตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา และเป็นแผนการซื้ออาวุธที่เป็นไปตามแผนงานและงบประมาณที่ได้รับ แต่ตอนนั้นพอรัฐบาลชุดนี้เข้ามา ทางสหรัฐเขาไม่ซื้อขายกับเรา ทำให้ประเทศไทยต้องไปซื้ออาวุธที่อื่น แต่ตอนนี้สามารถกลับมาซื้อได้แล้ว”

ล่าสุด!! ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา งานดีเฟนซ์แอนด์ซีคิวริตี้ 2017 หรือ “งานจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์” ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่คับคั่งด้วยผู้นำรัฐบาล ผู้นำกองทัพและพ่อค้าอาวุธจากหลายชาติมารวมกันนั้น ที่บู๊ธอาวุธปืน ด้วยความสนิทสนมกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา “บิ๊กป้อม” เลยถือปืนเล็กยาวเล็งไปที่ พล.อ.เตีย บันห์ เพื่อหยอกล้อ สร้างความหัวเราะให้คนที่อยู่ตรงจุดนั้นรวมทั้ง พล.อ.เตีย บันห์
แต่ไม่ทันข้ามวัน ก็ถูกโจตีถึงความเหมาะสม และ “กฎแห่งความปลอดภัยในการใช้อาวุธปืน”
1. เมื่อจับปืนทุกครั้งให้พึงระลึกเสมอว่า “ปืนทุกกระบอกมีกระสุนบรรจุอยู่”
2. ตรวจปืนทุกครั้งที่จับว่า “มีกระสุนบรรจุอยู่หรือไม่ มีวัสดุใดติดค้างอยู่ในลำกล้องหรือไม่”
3. อย่าเล็งปืนไปที่บุคคล สิ่งมีชีวิต หรือสิ่งของมีค่า ถ้าผู้ยิงไม่ต้องการยิง แม้ว่าเป็นปืนที่ไม่ได้บรรจุกระสุนก็ตาม ฯลฯ
ส่วนคิวต่อไปที่โดนเล่นงานคงหนีไม่พ้นการจัดซื้ออาวุธของกองทัพที่มีโปรเจ็กต์ใหญ่ งบประมาณปี 2561-2563
อาทิ กองทัพบก โครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์รองรับการปฏิบัติภารกิจบรรเทาสาธารณภัย 3,400 ล้านบาท โครงการจัดหารถยานเกราะ วีเอ็น 1 ระยะที่ 2 จำนวน 2,300 ล้านบาท โครงการจัดหารถถังทดแทนเอ็ม 41 ระยะที่ 2 จำนวน 2,000 ล้านบาท โครงการจัดหาเครื่องมือเพื่อพัฒนางานข่าวกรอง 1,300 ล้านบาท โครงการจัดหายานยนต์สายพาน ระยะที่ 3 จำนวน 2,800 ล้านบาท โครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงขนาดเล็ก 1,600 ล้านบาท โครงการจัดหารถยนต์บรรทุก 1,300 ล้านบาท รวมถึงโครงการจัดซ่อมยุทโธปกรณ์กว่า 5,000 ล้านบาท
ส่วนกองทัพอากาศ มีโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลาง สำหรับการค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ ระยะที่ 4 จำนวน 5,200 ล้านบาท

ขณะที่ฟาก “น้องป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ต่อสู้คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปี 2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สู้คดีใช้เวลาเกือบ 10 ปี จนกระทั่งวันที่ 2 สิงหาคม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ยกฟ้อง “บิ๊กป๊อด” เป็นอันจบไปหนึ่งเรื่อง
นอกจากนี้ ยังมีคดีร่ำรวยผิดปกติ ที่มีผู้ยื่นร้องเรียนตั้งแต่ปี 2553 โดย ป.ป.ช. รับเรื่อง มีผู้ถูกกล่าวหา 2 คน คือ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตอนช่วงดำรงตำแหน่ง ปัจจุบันคดีดังกล่าวอยู่ในขั้นไต่สวน
แต่เรื่องใหม่ที่ทำให้ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ต้องปวดหัว เมื่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีชื่อ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ร่วมเป็นคณะ กมธ.วิสามัญฯ ใน 35 คน
ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายการเมืองถึงความเหมาะสม เนื่องจากอยู่ระหว่างถูก ป.ป.ช. ไต่สวนกรณีร่ำรวยผิดปกติ ทั้งจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามถึงความเหมาะสม เข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม พร้อมเรียกร้องให้ “พล.ต.อ.พัชรวาท” ลาออกจากคณะ กมธ.วิสามัญฯ
“การเป็น กมธ. พิจารณาร่างกฎหมาย ป.ป.ช. โดยที่ยังถูก ป.ป.ช. ไต่สวนอยู่นั้น คงไม่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือในการทำงาน เพราะเป็นการทำกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับการไต่สวน แต่เรื่องความสง่างามนั้น ก็เป็นเรื่องที่คนนอกหรือสังคมมองเข้ามา แต่พูดถึงการทำงานไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งคณะ กมธ. จำนวนกว่า 30 คน หากมีประเด็นที่คาบเกี่ยวกับบุคคลทั้งสอง ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในที่ประชุม ซึ่งเป็นหลักการที่ยึดถือปฏิบัติมา” พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ประธานคณะ กมธ. ระบุ
อย่างไรก็ตาม หากมองให้ลึกลงรายละเอียด การเข้ามาทำหน้าที่คณะ กมธ.วิสามัญฯ พล.ต.อ.พัชรวาทนั้นว่ากันว่า เพื่อเข้ามาเป็นตัวแทนพี่ชาย เป็นหูเป็นตาให้และคุมเสียงคณะ กมธ.วิสามัญฯ ไม่ให้ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน หรือโดนโละทิ้ง
แต่การที่ “พล.ต.อ.พัชรวาท” โดนเล่นงานถึงความเหมาะสมนั้น เพราะมีคนปล่อยข่าวที่มาจาก “ก๊วนผู้มากบารมี” จากฝ่ายตรงข้าม “ตระกูลวงษ์สุวรรณ” เพื่อเล่นงานนั้นเอง เพื่อชิงอำนาจควบคุมองค์กรอิสระ

ล่าสุดมีกระแสลอยตามลมแว่วว่ากองกำลังท็อปบู๊ตทั้งจากค่ายทหารและจากค่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่นั่งอยู่ใน สนช. แพ็กกำลังแน่นปึ้กเตรียมแก้ไข พ.ร.ป.ป.ป.ช. ให้คง ป.ป.ช.ชุดเก่าเอาไว้ทั้งชุดเพื่อเป็นกองกำลังให้กับพี่ใหญ่ป้อม หลังลงจากหลังเสือแล้ว…
ดังนั้น ต้องจับตาดูต่อไปว่าสังเวียนในสภาต่อจากนี้จะดุเด็ดเผ็ดมันขนาดไหน เมื่อผู้มากบารมีงัดข้อกันเอง!!!
และต้องดูกันต่อไปอีกว่า “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อด” 2 พี่น้องวงษ์สุวรรณ จะเจอวิบากกรรม โดนขุดเรื่องเก่า ถูกโจมตีเรื่องใหม่อะไรอีก เพราะเวลานี้มันแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น…