ปิดตำนาน ‘เปเล่’ ซุป’ตาร์คนแรกของวงการลูกหนัง

ปลายปี 2022 วงการลูกหนังโลกต้องเจอกับข่าวเศร้างส่งท้าย เมื่อ เปเล่ ตำนานลูกหนังชาวบราซิล เสียชีวิตในวัย 82 ปี หลังจากสู้กับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มาตั้งแต่ปี 2021

สุขภาพของเปเล่ทรุดหนักในช่วงต้นของการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 แต่เขาก็ยังชมเกมจากเตียงในโรงพยาบาลที่เซา เปาโล จนจบทัวร์นาเมนต์ และร่วมแสดงความยินดีกับ ลิโอเนล เมสซี่ ที่พาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ รวมถึงเอ่ยถึงอีกหนึ่งตำนานผู้ล่วงลับอย่าง ดิเอโก้ มาราโดน่า ว่าจะต้องภูมิใจในความสำเร็จของทีมฟ้า-ขาวอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากนั้นไม่กี่วัน วงการลูกหนังโลกก็ต้องพบกับข่าวร้ายว่าเปเล่สิ้นลมในวันที่ 29 ธันวาคม เพียง 2 ปีเศษหลังจากโลกต้องสูญเสียมาราโดน่าไป

 

สําหรับกีฬาฟุตบอลนั้น แม้อังกฤษจะได้ชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนิดของฟุตบอลสมัยใหม่ และลีกใหญ่ๆ ที่รวมนักเตะเก่งๆ จะอยู่ในยุโรปเป็นหลัก

แต่หากเอ่ยถึงทีมชาติแล้ว บราซิลก็ปวารณาตัวเป็น “บ้าน” ในแง่จิตวิญญาณของวงการลูกหนัง ด้วยความสำเร็จในฐานะแชมป์โลกสูงสุด 5 สมัย และการผลิตซูเปอร์สตาร์ของวงการลูกหนังมากมายในแต่ละยุค

และเมื่อเอ่ยถึงฟุตบอลกับบราซิลแล้ว จะไม่เอ่ยชื่อเปเล่ หรือชื่อเต็มคือ เอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซิเมนโต้ นั้น เป็นไปไม่ได้เลย

เขาคือนักฟุตบอลคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์โลกถึง 3 สมัย ในปี 1958, 1962 และ 1970 อีกทั้งเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูมากที่สุดในโลกทั้งระดับอาชีพและสมัครเล่นรวม 1,281 ประตู จาก 1,363 เกม

 

ชั่วชีวิตการค้าแข้งของเปเล่เกี่ยวพันอยู่แค่ 2 สโมสร คือ ซานโต๊ส ที่บ้านเกิด และ นิวยอร์ก คอสมอส ในสหรัฐ

ตอนยังเด็ก เปเล่เล่นฟุตบอลให้กับทีมเยาวชน เบารู เอฟซี ในเซา เปาโล ภายใต้การดูแลของ วัลเดมาร์ เด บริโต้ อดีตแข้งทีมชาติบราซิล พอเริ่มเติบใหญ่จึงตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ซานโต๊ส ต้นสังกัดเก่าของเด บริโต้ ผู้เปรียบเหมือนครูที่เคารพ

ด้วยพรสวรรค์และความเป็นอัจฉริยะ เปเล่ขยับขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 15 ปี ในวันที่ 7 กันยายน ปี 1956 และประเดิมยิงประตูในเกมชนะ โครินเธียนส์ ซานโต อันเดร 7-1

เปเล่มีส่วนพาทีมซานโต๊สคว้าแชมป์ลีกบราซิล 6 สมัย และแชมป์โคปา ลิเบร์ตาโดเรส หรือสโมสรอเมริกาใต้ 2 สมัย ลงสนามให้ทีมรวม 638 นัด ยิงไป 619 ประตู

ในระดับทีมชาติ เปเล่ประเดิมสนามให้แซมบ้าครั้งแรกในวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1957 ขณะอายุ 16 ปี 7 เดือน โดยลงเล่นให้ทีมชาติรวม 92 นัด ยิงไป 77 ประตู

เขาแจ้งเกิดบนเวทีโลกหลังจากนั้นอีกปีเดียว เมื่อยิง 2 ประตู ให้บราซิลเอาชนะสวีเดน 5-2 ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1958 และโดดเด่นที่สุดในการพาทีมคว้าแชมป์โลกปี 1970 ด้วยการเอาชนะอิตาลี 4-1 ในรอบชิงชนะเลิศ โดยตลอดทัวร์นาเมนต์ เขาได้รับความชื่นชมทั้งเรื่องทักษะ ความสามารถ ความแข็งแกร่ง ความคล่องตัว ความสวยงามในการเล่น และจิตใจที่มุ่งมั่นทุ่มเท

กล่าวกันว่า ความสำเร็จของเปเล่นั้น ทำให้หมายเลข 10 ที่เขาสวมมีความสำคัญในแง่ความเป็นสตาร์หรือผู้เล่นคนสำคัญของทีมมากกว่าเพียงหมายเลขที่ระบุถึงตำแหน่งที่เล่นอย่างสมัยก่อน

Pele : REUTERS/Nacho Doce/File Photo

ความยอดเยี่ยมของเปเล่นั้น ทำให้ย้อนไปในปี 1961 รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี ฮูนิโอ กวาโดรส ต้องประกาศให้เขาเป็น “สมบัติของชาติ” เพื่อป้องกันไม่ให้เปเล่ย้ายทีมไปเล่นที่ประเทศอื่น

อันที่จริง ช่วงพีกของเปเล่ก็มาก่อนที่วงการลูกหนังจะเข้าสู่ช่วงที่ตลาดซื้อขายและการย้ายทีมข้ามทวีปกลายเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ในปี 1975 ช่วงปลายชีวิตการค้าแข้ง เปเล่ตัดสินใจย้ายไปเล่นให้นิวยอร์ก คอสมอส ช่วงที่ทวีปอเมริกาเหนือจัดตั้งลีก “ซ็อกเกอร์” ขึ้นมาเพื่อขยายฐานความนิยมในภูมิภาค และได้ยื่นข้อเสนอดึงเปเล่ซึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการไปร่วมทีม แม้เวลานั้นเขาจะร่วงโรยไปมากด้วยอายุร่วม 35 ปีแล้วก็ตาม

เปเล่ลงเตะแมตช์สุดท้ายในชีวิตในเกมพิเศษระหว่างคอสมอสกับซานโต๊สที่นิวยอร์กในเดือนตุลาคมปี 1977 เป็นการรูดม่านปิดฉากการค้าแข้งของเขาหลังเล่นให้คอสมอสมา 3 ฤดูกาล

 

หลังเลิกเล่น เปเล่เดินทางไปทั่วโลกในฐานะทูตของกีฬาฟุตบอล และในเดือนธันวาคมปี 2000 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศให้เขาและมาราโดน่าเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งศตวรรษ ด้วยไม่สามารถยกให้ใครเหนือกว่าใครได้ รวมทั้งยากจะเปรียบเทียบความสำเร็จและพรสวรรค์ของทั้งคู่ซึ่งเล่นกันต่างยุคสมัย

ทั้งเปเล่และมาราโดน่าเองก็เคารพและยอมรับในกันและกัน โดยเมื่อครั้งมาราโดน่าจากไปอย่างกะทันหันในเดือนพฤศจิกายน 2020 เปเล่โพสต์อาลัยพร้อมทิ้งท้ายว่า “หวังว่าจะได้เล่นฟุตบอลกับเขาบนฟ้าในสักวัน”

นั่นอาจเป็นหนึ่งในความหวังสุดท้ายของเขาที่แฟนบอลทั่วโลกภาวนาให้เป็นจริง •

 

Technical Time-Out | SearchSri