Freehand วงร็อกที่วาดภาพด้วยดนตรีแทนดินสอ

Freehand ไตเติลอัลบั้มชุดแรกของวงร็อกไทยวงนี้ที่วางจำหน่ายในปี 2558 ถือเป็นอัลบั้มของวงร็อกอิสระที่โดดเด่นมากในแง่ของเนื้อหาของบทเพลงที่เปรียบเทียบความรักกับความเสื่อมสลาย, ความทรงจำและการผันแปรเปลี่ยนแปลงไปตามวัฏจักรของธรรมชาติได้อย่างน่าคิดและน่าสนใจ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงควันบุหรี่)

ในส่วนของคุณภาพในการบันทึกเสียงในบางมิติถึงแม้ว่าอาจจะยังไม่ถือว่าดีมากนักก็ตาม

แต่ไอเดียในการทำเพลงที่ค่อยๆ เพิ่มรายละเอียดทางดนตรีผ่านเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นที่ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีเพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับเนื้อหาของเพลงแต่ละเพลงก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า Freehand เป็นวงร็อกที่โดดเด่นทั้งในแง่ของความคิดสร้างสรรค์และฝีมือในการเล่นดนตรี

โดย ท้องฟ้าจำลอง อัลบั้มชุดที่ 2 ที่เปิดตัวไปในเดือนมกราคมปี 2565 ก็เป็นงานเพลงที่นับว่าเติบโตขึ้นมากในทุกแง่มุม ถ้าหากเทียบกับอัลบั้มชุดแรก

 

สมาชิกวง Freehand ประกอบไปด้วย ธนช เหลาหา (เข้ม) กีตาร์/ร้องนำ, ธีรภัทร์ นาคสว่างพร (แฮม) กีตาร์, ภิวัฒน์ จิตตมาศ (โจ๊ก) เบส และวรัท รอดเพชรไพร (การ์ฟิลด์) กลอง

โดยเข้มเผยว่า “ผมและเพื่อนๆ ร่วมทำวงกันในสมัยเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ส่วนชื่อวงมาจากเทคนิคการวาดอย่างหนึ่งคือ freehand ซึ่งเป็นการวาดภาพด้วยมือเปล่าไม่ได้มีเครื่องมือในการใช้วาดที่สลับซับซ้อน แต่ก็สามารถสื่อสารความรู้สึกได้ดี ทางวงชอบความหมายนี้และคิดว่าถ้าทำวงดนตรี อยากจะใช้ชื่อ freehand ที่จะทำดนตรีที่ไม่ต้องซับซ้อนมาก แต่สื่อสารความรู้สึกไปถึงคนฟังได้”

หากฟังเพลงของวง Freehand อย่างตั้งใจแล้วจะพบว่าบทเพลงของวงเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ทำนองเพลงของวงทั้งไพเราะ, ฟังง่ายร้องตามได้

ส่วนเมโลดี้สวยงามก็จริงแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความเศร้าที่สื่อไปยังผู้ฟังได้อย่างจับหัวใจ

โดยแนวเพลงของวง Freehand มีส่วนผสมของดนตรีบริตป๊อปจากยุค 90, อินดี้ร็อก, อะคูสติกร็อก

นอกจากนี้ ก็ยังมีกลิ่นอายของดนตรีโพสต์ร็อกและดรีมป๊อปผสมอยู่ด้วย

หากมองในภาพรวม อาจจะกล่าวได้ว่า ท้องฟ้าจำลอง เป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มได้เหมือนกัน นี่คืองานเพลงที่พูดถึงอิสรภาพ, ความฝัน, ความหวัง และความรักที่บริสุทธิ์ ทั้งหมดถูกเปรียบเทียบผ่านกาลเวลา, ระบบสุริยะจักรวาล, การเคลื่อนที่ของดวงดาว

ทั้งหมดนี้สื่อถึงความว่างเปล่าในอวกาศมันเชื่อมโยงกับความเหงาในเนื้อเพลงโดยรวมทั้งอัลบั้ม ซึ่งเข้มก็มองเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

“คำว่าท้องฟ้าจำลองมาทีหลัง เราลองเอาเพลงทั้งหมดมาร้อยกัน ปรากฏว่าเนื้อหาในเพลงมันเป็นอย่างที่บอกจริงๆ ตอนแรกเราไม่ได้เห็นภาพคอนเซ็ปต์ชัดขนาดนี้ ข้อดีของมันก็คือ เวลาจะสื่อสารออกไปทางภาพ เช่น ปกอัลบั้ม, โปสเตอร์ต่างๆ ทุกคนในวงก็จะเห็นภาพเดียวกัน”

ส่วนโจ๊กกล่าวเสริมว่า

“คำว่าท้องฟ้าจำลอง มันเป็นคำที่มีความหมายตรงๆ ตัวแอบแฝงอยู่ด้วย และพอเหมาะกับเนื้อหาทั้งหมดที่วงกำลังสื่อสาร ด้วยการที่เราเลือกที่จะ ‘จำลอง’ รูปแบบของ ‘ท้องฟ้า’ หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ผ่านบทเพลงของเรา เพื่อสื่อสารในรูปแบบที่เราจินตนาการ ออกไปสู่ผู้ฟังด้วยครับ”

สิ่งที่ศิลปินทุกแขนงต้องการคล้ายๆ กันก็คือการแสดงตัวตนออกมาผ่านงานศิลปะที่สร้างสรรค์ออกมา เช่นเดียวกับวง Freehand ที่ถึงแม้จะถูกทักว่าเสียงร้องที่สูงและเนื้อเสียงที่มีโทนคล้ายกับวง Silly Fools สมัยที่โต (วีรชน ศรัทธายิ่ง) ยังเป็นนักร้องนำอยู่ แต่ทางวงก็มองว่าการสร้างอัตลักษณ์ของวงเองก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าแรงบันดาลใจก็เป็นรากฐานในการสร้างตัวตนในช่วงแรกๆ เหมือนกัน

ซึ่งเข้มมองว่า “ทางวงเองก็เคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่มันกลายเป็นว่าเราพยายามทำให้ไม่เหมือน แล้วมันทำให้เราคิดมากจนไม่กล้าทำอะไร วงก็เลยคุยกันว่า โอเค งั้นเรามาทำเพลงที่อยากทำโดยที่ไม่ต้องคิดว่าต้องเหมือนใคร หรือต้องไม่เหมือนใครกันดีกว่า จริงๆ เราได้แรงบันดาลจากศิลปินหลายคน อย่างพี่ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์, Coldplay, Jeff Buckley, วง Moderndog ,Silly Fools, Radiohead, Sigur R?s (วงดนตรีแนวโพสต์ร็อกจากไอซ์แลนด์) ล้วนแต่มีอิทธิพลต่อเรา”

เพลงคุก จากอัลบั้มท้องฟ้าจำลอง ก็คล้ายๆ กับเพลงรักที่ไม่สมหวังที่วงไทยทำซ้ำกันมาแล้วมากมาย แต่เพลงเพลงนี้นำการถูกโซ่ตรวนและคุกในการเปรียบเทียบถึงความรักในอดีตที่ไม่มีทางสลัดให้หลุดออกจากใจในลักษณะของกวีนิพนธ์ได้อย่างบาดลึกมากๆ

โดยเข้มพูดถึงเบื้องหลังการทำเพลงเพลงนี้รวมถึงทุกเพลงของวงว่า “วิธีการทำงานของเราไม่ตายตัว บางเพลงคิดทำนองคำร้องขึ้นมาก่อน โดยที่ยังไม่มีดนตรี บางทีทำดนตรีแล้วถ้ายังไม่มีคำร้องหรือว่าเมโลดี้ ก็จะมานั่งล้อมวงช่วยกันคิด แต่สำหรับเพลงคุกมาจากการขึ้นดนตรีกันก่อน แล้วคิดคำร้องกับทำนองมาใส่ทีหลัง ซึ่งส่วนตัวผมค่อนข้างชอบวิธีการเขียนแบบเปรียบเทียบด้วยคำที่สละสลวย อย่างท่อนที่ร้องว่า ‘โซ่ที่ตรวนเอาไว้ คือภาพที่เธอจูบฉัน กลิ่นหอมของเธอคืนนั้นคือพันธนาการ’ นี่น่าจะมาจากพาร์ตดนตรีที่มันค่อนข้างมีความกระแทกกระทั้นปนๆ อึดอัดอยู่”

“คำพวกนี้มันก็จะออกมาเองครับ”

 

ในฐานะที่ Freehand เป็นวงอินดี้ที่ทำงานเพลงกันเองเป็นหลัก ทางวงย่อมมองเห็นความเคลื่อนไหวในวงการเพลงอินดี้ร่วมสมัยว่าเป็นไปอย่างไร

ซึ่งเข้มแสดงความเห็นว่า “ภาพรวมคือตอนนี้วงการอินดี้สนุกมากครับ เมื่อก่อนเราจะเห็นว่าจะมีแนวใดแนวหนึ่งฮิตขึ้นมาเลย ทุกคนเทไปฟังแบบเดียวกันหมดเลย แต่ตอนนี้ผมว่ามันหลากหลายมากๆ ส่วนตัว Freehand เอง ก็ยังมีอีกหลายๆ อย่างที่อยากทำ แล้วก็จะทำต่อไปในอนาคต ที่ผ่านมาพอใจแต่อยากเก่งกว่านี้ (หัวเราะ)”

วง Freehand ได้ปล่อยซิงเกิลเพลงใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า กลับมากอด ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว เพลงเพลงนี้มีการบันทึกเสียงที่ดีและเห็นได้ชัดว่าลายเซ็นในการทำเพลงของวง Freehand เริ่มชัดเจนขึ้นมาก

“ก็เป็นเพลงที่มีจังหวะขึ้นมาอีกนิด เพราะอยากสนุกขึ้น แต่เนื้อหานี่อ่อนแอเลย ค่อนข้างขัดแย้ง (หัวเราะ)” เข้มพูดถึงเพลงเพลงนี้อย่างอารมณ์ดี

ทางด้านแฮมเสริมว่า “การบันทึกเสียงเรายังใช้วิธีเดิมจากอัลบั้มท้องฟ้าจำลอง คืออัดกลองและเสียงร้องที่สตูดิโอ ส่วนพาร์ตกีตาร์และเบสเราอัดกันเองที่บ้านครับ”

สำหรับแฟนๆ ของวง Freehand หรือว่าใครก็ตามที่เพิ่งติดตามงานเพลงของวง ในปี 2566 ที่เพิ่งจะเปิดศักราชใหม่มาได้ไม่นาน เตรียมพร้อมกันเอาไว้ได้เลย เพราะจะมีเพลงใหม่ๆ จากทางวงออกมาให้ได้ฟังกันอย่างต่อเนื่องแน่นอน

“เราวางแผนเอาไว้ว่าเราจะทำเพลงใหม่ให้ได้ฟังทั้งปีเลยครับ ถ้าทัน 10 เพลงก็อยากจะปล่อยในปีนี้ให้หมดเลย แล้วก็ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้การสนับสนุนเรา Freehand โชคดีมากที่มีแฟนเพลงที่น่ารัก ขอบคุณจริงๆ เราถือโอกาสนี้สวัสดีปีใหม่ทุกๆ คนด้วยนะครับ” วง Freehand กล่าวทิ้งท้าย