2023 โลกที่ยังต้องอยู่กับโควิด วิกฤตที่ต้องอยู่ให้ได้ !?

บทความต่างประเทศ

2023 โลกที่ยังต้องอยู่กับโควิด

วิกฤตที่ต้องอยู่ให้ได้

ปี 2022 ถือว่ายังเป็นอีกปีที่มนุษย์โลกยังต้องต่อสู้กับวิกฤตการระบาดของ “โควิด-19”

แม้สถานการณ์เหมือนจะเริ่มผ่อนคลาย มีการฉีดวัคซีนกันอย่างทั่วถึง จนถึงเข็มบูสต์ก็แล้ว วัคซีนรุ่นใหม่ก็แล้ว เริ่มเปิดเมืองก็แล้ว

หากแต่จำนวนยอดผู้ติดเชื้อก็ดูเหมือนจะยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จนตอนนี้ ตัวเลของผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่กว่า 650 ล้านคนทั่วโลก ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่กว่า 6.6 ล้านคน ผู้ติดเชื้อรายใหม่แต่ละวันยังอยู่ที่วันละหลายแสนคน

ซึ่งเชื่อว่า ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการ และเชื่อว่า หากรวมตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ อาจจะมีมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว

กระนั้นก็ตาม ประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็ได้เริ่มเปิดประเทศ เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจของโลกต่อไป เพื่อไม่ให้หยุดนิ่งเหมือนกับช่วงสองปีที่ผ่านมาที่โลกต้องต่อสู้กับการควบคุมการระบาดของโควิด จนแทบจะกระดิกอะไรไม่ได้

แต่หลายประเทศตอนนี้เริ่มทำต้องปรับตัวเพื่อ “อยู่ให้ได้” กับโควิด

 

เมื่อตัวเลขการเดินทางเพิ่มขึ้น การเปิดประเทศมากขึ้น ผู้คนพบกันมากขึ้น ก็ตามมาด้วยตัวเลขของการติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

หนึ่งในประเทศที่ถูกจับตามองมากที่สุดสำหรับการเปิดประเทศ ก็คงหนีไม่พ้น “ประเทศจีน”

ประเทศที่ถูกตราหน้าว่าเป็นจุดเริ่มต้นของไวรัสโควิด-19 และพยายามหาทางควบคุมการระบาดเอาไว้อย่างเข้มข้น ด้วยนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ที่เข้มข้นเกินไป

จนกลายเป็นชนวนระเบิดที่ทำให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลจีน ให้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้มีชีวิตที่ผ่อนคลายเป็นปกติเหมือนกับประเทศอื่นๆ บ้าง กลายเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งของจีน นับตั้งแต่สี จิ้นผิง ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีจีน เมื่อปี ค.ศ.2012

จนนำไปสู่การประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ อย่างมาก ผู้คนเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดเหมือนเดิม

 

อย่างไรก็ตาม หลังการประกาศผ่อนคลายมาตรการ ตัวเลขผู้ป่วยโควิดในประเทศจีน ก็ดูจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้จะไม่ได้มีตัวเลขอย่างเป็นทางการออกมา หากแต่จำนวนผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลเพราะป่วยโควิด-19 ก็มีเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงที่เผาศพ ก็มีคิวเผาศพที่ต้องรอยาวนานหลายวัน ไม่ว่าจะเป็นที่เสิ่นเจิ้น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง ต่างก็เริ่มมีเตียงไม่พอกับผู้ป่วย

สำนักข่าวเอพีรายงานไว้ว่า ที่มณฑลเหอเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิดเป็นที่แรก นับตั้งแต่จีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการ และตอนนี้ก็พบว่า มีผู้ป่วยอยู่เต็มโรงพยาบาล โดยเฉพาะห้องไอซียู ที่มีผู้ป่วยอยู่เต็มตลอด

หรือแม้แต่ที่มณฑลเจ้อเจียง ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นล้านคนต่อวัน

ขณะที่มีเอกสารการประชุมภายในของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน หรือเอ็นเอชซี ที่หลุดออกมาถึงมือสื่อต่างชาติ ระบุไว้ว่า ช่วง 20 วันแรกของเดือนธันวาคมนี้ อาจจะมีผู้คนในจีนติดโควิดมากถึง 250 ล้านคน!!

โดยเอ็นเอชซี ยังได้ประเมินไว้ด้วยว่า การผ่อนคลายมาตรการโควิดแบบกะทันหันเช่นนี้ ได้นำไปสู่การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีการระบาดและติดต่อได้สูงในกลุ่มของผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือพวกกลุ่มเปราะบางทั้งหลาย

 

ล่าสุด จีนยังได้ประกาศเปิดประเทศ ด้วยการยกเลิกมาตรการกักตัวเมื่อเข้าจีน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ จีนได้ประกาศปิดชายแดน และจำกัดไม่ให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศ รวมถึงจำกัดจำนวนชาวต่างชาติที่จะเข้าไปในจีนด้วย

แต่การประกาศล่าสุด ระบุว่าผู้ที่เดินทางเข้าจีน แม้ว่าจะไม่ต้องกักตัวแล้ว แต่จะต้องมีผลการตรวจเชื้อแบบพีซีอาร์ 48 ชั่วโมงก่อนการเดินทางเข้าประเทศจีน ซึ่งจะมีการเปิดให้ผู้ที่จะเข้าไปทำงานหรือทำธุรกิจก่อน ส่วนของการเดินทางออกนอกประเทศนั้น จะต้องรอไปก่อน

ซึ่งเอ็นเอชซีระบุว่า การดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว เพื่อให้ชาวต่างชาติบางคนสามารถเดินทางเข้าจีนได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะยังไม่รวมถึงนักท่องเที่ยวก็ตาม แต่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า จีนจะค่อยๆ ปรับมาตรการเรื่องการเดินทางเข้าออกประเทศเพื่อการท่องเที่ยวได้มากขึ้นในอนาคต

ปี 2023 ยังคงเป็นปีที่ต้องจับตามองต่อไปว่า โควิดจะยังคงเป็นอุปสรรคกับชีวิตอีกต่อไปมากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือ มนุษย์โลกต้องอยู่กับมันให้ได้!!

เครดิตภาพ “เอพี”