สัญญาณจาก’เนวิน’ ครูใหญ่ภูมิใจไทย ‘มันจบแล้วนาย’ถึง’ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร’

(Photo by LILLIAN SUWANRUMPHA / AFP)

สัญญาณจาก’เนวิน’ ครูใหญ่ภูมิใจไทย ‘มันจบแล้วนาย’ถึง’ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร’ ตอกย้ำ ทำไมต้องเลิกกอดประยุทธ์!

 

“หลังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 ประเทศไทยกับการเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร เชื่อผม”

นี่คือ การส่งสัญญาณสลายขั้ว ปลดล็อกขั้วการเมืองแบบชัดๆ นี้ มาจากปากนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฐานะครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์รายการข่าว สถานีโทรทัศน์ Thai pbs ในช่วงปลายปี 2565

การเปิดประเด็นการเมือง โดยยกวาทกรรม “การเมืองไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร” ทำให้ถูกตีความว่า เป็นการเปิดพื้นที่ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เดินการเมืองได้เต็มที่มากขึ้น

และที่สำคัญ ทำให้พรรคภูมิใจไทยพร้อมจับมือกับทุกพรรคจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นขั้วอำนาจเก่าของ 2 ลุง หรือขั้วปีกประชาธิปไตยอย่างพรรคเพื่อไทย

แต่ก่อนหน้าวาทกรรม “การเมืองไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร” ของครูใหญ่เนวิน หลายคนย้อนนึกถึงประโยคทองของนายเนวินที่ว่า “มันจบแล้วครับนาย” ที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ทักษิณกับเนวิน ขาดกันตั้งแต่นั้น

ครั้งนี้ ครูใหญ่เนวินลบความบาดหมางของตัวเขาและทักษิณ และระหว่างภูมิใจไทยกับเพื่อไทย ว่า เป็นเรื่องในอดีต คำถามวันนี้คือว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นของใคร ตอบหน่อยสิ พรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนด้วยใคร ใครกำหนดนโยบายพรรคเพื่อไทย ใครบริหารพรรคเพื่อไทย

“ถ้าหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรคในปัจจุบัน เป็นผู้บริหารทั้งหมดนี่นะ แล้วมันมีความขัดแย้งอะไรกับคุณอนุทินเขาล่ะ ผมก็ไม่เห็นว่ามีความขัดแย้ง แม้กระทั่งตัวท่านนายกฯ ทักษิณเองนี่นะ ในอดีตกับคุณอนุทินนี่นะ เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อย่าเอาตัวผมมาเป็นที่ตั้งสิ ผมไม่ได้เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทยนะ ผมแค่ครูใหญ่ ผมเป็นแค่ลุงเนวิน”

นอกจากปลดล็อก สลายขั้วการเมืองให้กับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ครูใหญ่เนวินยังยืนยันว่า สเปกและคุณสมบัติของนายอนุทิน พร้อมเป็นนายกฯ แล้วในปี 2566

“นายอนุทินมีความพร้อมทุกด้าน คือ 1.การศึกษา 2.ฐานะ 3.ประสบการณ์ชีวิตในการทำธุรกิจ เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาหมด เขาเรียนรู้มาหมด เขาอยู่มาในทุกบริบท ฉะนั้น นายอนุทินวันนี้ กับนายอนุทินเมื่อปี 2562 เป็นคนละคน”

“ผมว่าเขามีความพร้อมในการที่จะรับผิดชอบส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวมมากกว่าเดิม และเขาเข้าใจความรู้สึกของคนไทยในทุกระดับมากกว่าเดิม นายอนุทินเมื่อปี 2561 อาจจะเกือบไม่เข้าใจบริบทของคนจน คนรากหญ้า คนชนบท คนต่างจังหวัด เพราะความที่เป็นเจ้าของซิโนไทยในอดีต แต่มาวันนี้บนบริบทที่ทำหน้าที่เป็น รมว.สาธารณสุข ได้ลงมาเห็นปัญหาความทุกข์ยาก เศรษฐกิจ โควิด อะไรทั้งหลายแหล่ รวมไปถึงประสบการณ์ในชีวิตเขา ผมว่าเขาพร้อมแล้ว” นายเนวินกล่าว

หากวิเคราะห์การเปิดเกมของครูใหญ่เนวิน ผ่านวาทกรรม “การเมืองไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร” ผ่านมุมมองของนักรัฐศาสตร์ชั้นนำ 2 คนและนักเคลื่อนไหวการเมือง อาจเห็นโอกาสของราชสีห์หนู ชัดเจนขึ้น

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) วิเคราะห์ผ่านรายการ The Politics ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่น่าคิดก็คือปมระหว่างเนวินกับทักษิณ ที่กลายเป็นประโยคอมตะทางการเมืองที่ว่า “มันจบแล้วครับนาย” พร้อมกับแยกทางกับทักษิณ จนกลายเป็นปมบาดแผลยาวนาน เป็นปมที่ยากจะทำให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เพราะถ้าเลือกได้ในการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าพรรคเพื่อไทยเลือกได้ ย่อมอยากจับมือกับพรรคก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าจะจับมือกับพรรคภูมิใจไทยที่เคยมีปมระหว่างเนวินกับทักษิณ

จุดนี้เองที่ทำให้ครูใหญ่เนวินเห็น มองเห็นสัญญาณการตกขบวนของพรรคภูมิใจไทย ในการร่วมรัฐบาลกับขั้วพรรคเพื่อไทยครั้งหน้า

นี่คือเหตุที่ครูใหญ่เนวินยกตรรกะ อดีตคืออดีต ความขัดแย้งในอดีตได้ผ่านไปแล้ว วันนี้ ทั้งเนวินและทักษิณก็ไม่ได้อยู่ในพรรคการเมือง ถ้าอนุทินจะจับมือกับชลน่านก็ย่อมเป็นไปได้

ดร.พิชายสรุปว่า คำพูดของเนวิน มองแบบง่ายๆ ก็คือ การปูทางพร้อมจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับทุกฝ่าย และที่สำคัญ ถ้าครูใหญ่อยากให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ พรรคภูมิใจไทยจะต้องได้ ส.ส.กว่า 200 คนขึ้นไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง พรรคภูมิใจไทยน่าจะได้ ส.ส.ประมาณ 70-80 ที่นั่งเท่านั้น เป็นพรรคอันดับสอง ที่ต้องไปจับมือกับพรรคอื่นๆ จะว่าไปเส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯ ของอนุทินยากลำบาก เป็นไปได้มากที่สุดคือ เป็นพรรคร่วมรัฐบาล

นี่คือ กลยุทธ์แรกในการปลดล็อกขั้วการเมืองของครูใหญ่เนวิน เพื่อแก้เกมไม่ให้พรรคภูมิใจไทยตกขบวนการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จากนั้น การส่งให้อนุทินเป็นนายกฯ อาจต้องทำให้เสียงของ ส.ว.เห็นว่า อนุทินเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้ประยุทธ์

เจาะเวทีปรองดอง แย้มข้อเสนอพรรคการเมือง "วัดความจริงใจ" รัฐบาล - มติชน สุดสัปดาห์

เช่นเดียวกับ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ที่วิเคราะห์ว่า เกมของครูใหญ่เนวิน คือการปลดล็อกการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ไม่ให้ถูกผูกติดกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะวันนี้ ต้องยอมรับพรรคลุงตู่ไม่ปังเท่าที่ควร จากการเปิดตัววีไอพีอย่าง ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ดูตกยุคไป โอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย

ฉะนั้น การปลดล็อก เปิดทางร่วมรัฐบาลกับขั้วการเมืองอย่างเพื่อไทย จึงเป็นที่มาของวาทกรรม “การเมืองไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร” ของเนวิน

ขณะที่ บก.ลายจุด นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หัวหน้าพรรคเกียน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง มองว่าการเลือกตั้งในปี 2566 ประยุทธ์จะเป็นเงื่อนไขของการไม่ได้เป็นรัฐบาล จะเป็นเงื่อนไขของการแพ้เลือกตั้ง ฉะนั้น ใครที่กอดประยุทธ์จะพ่ายแพ้และไม่ได้ร่วมรัฐบาล การออกห่างจากประยุทธ์ จึงเป็นกลยุทธ์ออกห่างจากความพ่ายแพ้

สำหรับขั้วการเมืองที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไปมากที่สุด บก.ลายจุดฟันธงว่า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคภูมิใจไทย

จาก 3 มุมมองอาจทำเห็นว่า ทำไมเนวินต้องประกาศ ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร