เผยแพร่ |
---|
การปล่อยตัวเลขนิวโหวเตอร์ที่เพิ่มขึ้นปีละ 700,000 คน ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก่อให้เกิดอาการ”ช็อค”ในทาง การเมืองขึ้นโดยอัตโนมัติ
หากนับจากปี 2563 เรื่อยมาจนถึงปี 2566 ก็จะมีจำนวนมากถึง 2,100,000 คนโดยพื้นฐาน
คนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะ”เลือก”พรรคการเมืองใด
อาจมีบางส่วนเลือกพรรคพลังประชารัฐ อาจมีบางส่วนโน้มเอียงไปทางพรรคภูมิใจไทย อาจมีบางส่วนโน้มเอียงไปทางพรรคประชาธิปัตย์
จำนวนหนึ่งก็ประทับใจฝังใจอยู่กับบทบาทของพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่ย่นมาเหลือเพียงพรรครวมพลัง และจำนวนหนึ่งแน่วแน่อยู่กับพรรคไทยภักดี
ถามว่านิวโหวตเตอร์กว่า 2 ล้านคนนี้จะให้ความเชื่อมั่นกับใครระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
หากได้ยินเสียงนกหวีดจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พวกเขาพร้อมสวมรองเท้าผ้าใบออกเดินหรือไม่
คำถามนี้ไม่น่าจะแว่วจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ทุกพรรคการเมืองล้วนยืนยันในความพยายามที่จะเดินหน้าเข้าหาและสร้างคะแนนและความนิยมกับคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะที่เรียกกันว่า”นิวโหวตเตอร์”
ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยที่ได้”น้องเพลง”เป็นปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ว่าจะเป็น เมธี ลาบานูน ที่พรรคประชาธิปัตย์
รวมทั้ง ฟีล์ม รัฐภูมิ ที่ออกโรงกับพรรคพลังประชารัฐ
คำถามอยู่ที่ว่าพรรคก้าวไกลยังสามารถรักษาเอกลักษณ์และท่วงทำนองอย่างที่พรรคอนาคตใหม่เคยประสบความสำเร็จไว้ได้หรือไม่
ความหงุดหงิดในแบบที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แสดงต่อจังหวะก้าวของพรรคก้าวไกลในยุค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง
ถึงกับมีผู้นำไปถามตรงกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
อาจเพราะการนำเสนอข้อมูล”นิวโหวตเตอร์”ในการเลือกตั้งครั้งหน้ามีอยู่ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านนั่นเองก่อให้เกิดคำถามกับทุกพรรคการเมืองโดยอัตโนมัติ
ใครจะสามารถยึดกุม”หัวใจ”ของ”คนรุ่นใหม่”ไว้ได้
ไม่ว่าจะมองไปยังพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรค ประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งพรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พรรคเหล่านี้จะเบียดขับสถานะเดิมของพรรคก้าวไกลหรือไม่