สุจิตต์ วงษ์เทศ / โลกหลังความตาย ไปทางน้ำ

หีบเอวขันแบบลาวและอีสาน มีรูปร่างยาวเหมือนเรือ จากขบวนแห่ศพไปเผา (หรือฝัง?) ของตระกูลคนชั้นนำ เมืองจำปาสัก ในลาว ระหว่าง พ.ศ.2409-2411

สุจิตต์ วงษ์เทศ www.sujitwongthes.com

โลกหลังความตาย ไปทางน้ำ

โลกหลังความตายต้องไปทางน้ำ หรือคนตายแล้วต้องไปทางน้ำสู่โลกหลังความตาย ซึ่งคนบางพวกเชื่อว่าอยู่บนฟ้า แต่คนอีกบางกลุ่มเชื่อว่าอยู่บาดาลใต้ดิน เลยยังเอาแน่ไม่ได้

น้ำ

นํ้า ในจักรวาลของคนหลายพันปีมาแล้ว อยู่ระหว่างฟ้ากับดิน ซึ่งเท่ากับน้ำเป็นตัวเชื่อมจากดินขึ้นฟ้า

จักรวาลของไทดำ (ในเวียดนาม) ประกอบขึ้นอย่างกว้างๆ 3 ส่วน ตามลำดับสูงต่ำ ได้แก่

เหนือขึ้นไป เป็นเมืองฟ้า ที่อยู่ของแถนและผีขวัญ ตรงกลาง เป็นเมืองมนุษย์ เรียกเมืองลุ่ม ที่อยู่ของคนทั้งหลาย ล่างลงไป เป็นที่อยู่ของคนแคระและผีนาผีน้ำกับเงือก

[ปรับปรุงโดยสรุปง่ายๆ จากงานศึกษาค้นคว้าวิจัยของ อ็องรี แมสเปอโร กับคนอื่นๆ ที่อ้างถึงในหนังสือ ประวัติศาสตร์สิบสองจุไท ของ ภัททิยา ยิมเรวัต พ.ศ.2544 หน้า 230-237]

สมัยอยุธยา มีเผาศพตามประเพณีรับจากอินเดีย แต่ยังสืบเนื่องเก็บกระดูกตามคติดั้งเดิม พระบรมอัฐิพระเจ้าแผ่นดินเชิญโดยเรือนาคไปทางแม่น้ำ เพื่อบรรจุในพระสถูปที่กําหนด ครั้นหลังมีพระเมรุมาศ พระบรมศพถูกเชิญโดยราชรถ แต่หัวท้ายราชรถเป็นรูปนาค สัญลักษณ์ตกค้างจากเรือนาค [ภาพเวชยันตราชรถ ในโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร]
เรืองู

ทางน้ำ ต้องไปโดยพาหนะลอยน้ำ รูปร่างคล้ายที่เรียกทุกวันนี้ว่า เรือ

คนบางกลุ่มสมัยดึกดำบรรพ์เชื่อว่า งู เป็นพาหนะที่เฮี้ยน (หรือศักดิ์สิทธิ์) ขนย้ายสรรพสิ่งได้ปลอดภัยไปทางน้ำ ซึ่งสมัยหลังเรียกคามคติอินเดียว่า นาค, นาคราช, พญานาค

ดังนั้น จึงมีเรือรูปงู หรือรูปนาค เป็นพาหนะศักดิ์สิทธิ์ไปสู่โลกหลังความตาย

แม้สังคมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้โลกหลังความตายต้องไปโดยราชรถ แต่ส่วนหัวและส่วนท้ายยังรักษาความเชื่อเดิมไว้โดยทำสัญลักษณ์เป็นรูป งู หรือ นาค

[การลอยอังคารลงน้ำที่ทำในปัจจุบัน ไม่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายไปทางน้ำ]

(ซ้าย) เรือส่งไปทางน้ำโลกหลังความตาย (ลายเส้นบนภาชนะบรรจุกระดูก อายุราว 2,500 ปีมาแล้ว พบในถ้ำมานุงกัล ฟิลิปปินส์) (ขวา) เรือศักดิ์สิทธิ์ ราว 2,500 ปีมาแล้ว (ลายสลักบนไหสำริดใส่กระดูกคนตาย พบที่เวียดนาม)