ธนาธร-ชัยธวัช ติวเข้มก้าวไกล ลั่นเป็นพรรคเดียวที่ต่อสู้กับกลุ่มทุน

ธนาธร-ชัยธวัช ติวเข้มสมาชิกก้าวไกล เดินหน้าสู่เป้าหมายการเมือง-เศรษฐกิจที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

วันที่ 27 พ.ย. 65 พรรคก้าวไกลจัดงานสมาชิกสัมพันธ์ “ส่งเสริมความรู้ที่ก้าวหน้า” โดยมีธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และศรายุทธ ใจหลัก ผู้อำนวยการพรรคก้าวไกลเข้าร่วมพูดคุยถึงเป้าหมายและอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล โดยผู้เข้าร่วมประกอบด้วยสมาชิกพรรคก้าวไกลที่มาจากในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

ศรายุทธกล่าวว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการทำไม่ใช่แค่ทำงานเพื่อแสวงหาอำนาจทางการเมือง แต่เราเริ่มต้นด้วยความเชื่อร่วมกัน 4 อย่าง คือ เราเชื่อว่าสังคมที่ดีกว่านี้เป็นไปได้ เชื่อว่ามนุษย์มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง เราสามารถเปลี่ยนความคิดคนอื่นได้ด้วยเหตุผล เราเชื่อว่าประเทศนี้อำนาจสูงสุดของประชาชน และความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ต้องร่วมกันทำ ไม่ใช่แค่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง

ขณะที่ธนาธร ที่ได้บรรยายถึงโจทย์ทางเศรษฐกิจไทยที่เชื่อมโยงกับอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรที่ขึ้นอยู่กับรัฐและกลุ่มทุนมาแทบตลอดประวัติศาสตร์ ธนาธรกล่าวว่าโจทย์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมี 2 เรื่องคือ เรื่องความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจน-คนรวย และการเพิ่มขีดความสามารถของไทยในการแข่งขันกับโลกาภิวัตน์ ทำอย่างไรให้เราสามารถรักษาระดับการเติบโตได้โดยเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ

รายงานของเครดิต สวิส ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีช่องว่างคนรวย-คนจนสูงที่สุดในโลก ประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 4 เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าเหลือมล้ำขนาดไหน เอาคนไทย 67 ล้านคนมาต่อแถวกัน คนที่ยืนอยู่กลางห้องพอดี มีรายได้เพียงแค่ 7,000 บาท/เดือน
.
อีกประการคือ คือเด็กเกิดใหม่ของประเทศไทยที่น้อยลงอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อ 20 ปีที่แล้วอยู่ที่ปีละ 1,000,000 คน ปัจจุบันเหลือแค่ 500,000 คน นั่นทำให้เกิดสังคมคนสูงวัย Aging Society นั่นทำให้อนาคตคนที่เหนื่อยคือคนวัยทำงาน อายุ 20-60 ปี ซึ่งคนส่วนนี้จะแบกรับสังคมเอาไว้เมื่อภาระในสังคมเยอะ
.
“ความฝันของคนส่วนใหญ่เรียบง่ายเพียงแค่มีงานที่ดี ลงหลักปักฐาน ซื้อบ้าน มีครอบครัว มีลูก สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ 1-2 ปีครั้ง ความฝันที่เรียบง่ายแบบนี้เป็นความเป็นจริงได้ไหม? เป็นไปได้ยาก ในขณะเดียวกันต้องเก็บเงินก้อนหนึ่งไว้ใช้ยามแก่ คนแก่ในประเทศนี้แทบจะทุกคนไม่มีเงินออมไว้ใช่ในวัยชรา” ธนาธรกล่าว
.
การทำความเข้าใจสังคมที่ง่ายที่สุดคือต้องทำความเข้าใจอำนาจของคน 3 กลุ่ม คือ อำนาจรัฐ-ทุน-ประชาชน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละห้วงของประวัติศาสตร์ คนกลุ่มไหนสามารถกุมวาระของสังคมได้ เป็นที่น่าเสียใจว่าในประเทศไทย กลุ่มที่เป็นภาคประชาชนมีพลังในการขับเคลื่อนสังคมน้อยที่สุด ทำให้ประเทศไทยถูกขับเคลื่อนโดยอำนาจรัฐและกลุ่มทุน

ถ้าเราคิดถึงคนรวยในระดับโลก เราคิดถึง Bill Gate ที่ผลิตระบบปฏิบัติการ Windows ให้คนทั้งโลกเข้าถึงการใช้คอมพิวเตอร์ได้ คิดถึง Mark Zuckerberg ที่สร้าง Facebook ที่ทำให้คนทั้งโลกติดต่อกันได้ คิดถึง Thomas Edison ที่ผลิตหลอดไฟสร้างแสงสว่างให้คนทั้งโลกได้ แต่ถถ้าเราย้อนกลับไปดูกลุ่มทุนใหญ่ๆ ที่รวยในประเทศไทย แทบทั้งหมดเกิดมาจากธุรกิจที่ไม่มีนวัตกรรมซับซ้อนแต่ได้รับอำนาจรัฐอุปถัมภ์ให้ผูกขาด
.
“เราต้องรักษาพรรคก้าวไกลเอาไว้ เพราะเป็นพรรคเดียวที่ต่อสู้กับกลุ่มทุน ต่อสู้เรื่องค่าไฟแพง ต่อสู้เรื่องการควบรวมทรู-ดีแทค ต่อสู้กับกลุ่มทุนผูกขาด ค่าสมาชิก 100 บาทที่สมาชิกพรรคสนับสนุนพรรคมีความสำคัญเพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้พรรคก้าวไกลไม่เกรงกลัวในต่อสู้ข้างประชาชน” ธนาธรกล่าว
.
ด้าน ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้พูดถึงพัฒนาการของประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่กล่าวถึงสถาบันต่างๆ ในประเทศไทยถูกออกแบบมาเพื่อรวมศูนย์อำนาจ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับใช้ประชาชน ตัวอย่างเช่น กองทัพสมัยใหม่ที่ตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมดินแดนหัวเมืองต่างๆ พื้นที่ที่บอกว่าเป็นเขตแดนสยาม ปราบปรามกบฏต่างๆ ในดินแดน ซึ่งเป้าหมายของกองทัพถึงแม้ผ่านไปกว่า 100 ปี ก็ยังคงแทบไม่เปลี่ยนแปลง ยังเก่งเฉพาะกับประชาชนเหมือนเดิม การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นครั้งแรกที่สถาปนาอำนาจสูงสุดของประชาชนขึ้นมา