คณะทหารหนุ่ม (15) | เรื่องของ “ลุงหลาด” ในคุก จากบันทึกของนศ. 6 ตุลาฯ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

สุรชาติ บำรุงสุข บันทึกต่อไปว่า…

“สำหรับพวกเราชาว 6 ตุลาคม เริ่มคุ้นชินกับชีวิตในบางขวางแล้ว ตัวชี้วัดที่ชัดเจนก็คือพวกเราสามารถรับประทานข้าวแดงและอาหารคุกได้เหมือนกับนักโทษโดยทั่วไปโดยไม่รู้สึกว่าเป็นอะไรที่แปลกแยก ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับผู้มาใหม่ที่มีวัยวุฒิและทั้งเป็นนายทหารระดับสูงด้วยแล้ว การปรับตัวกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จากอดีตผู้บังคับหน่วยรบ อดีตนายทหารระดับผู้สูงผู้คุมกำลัง แต่ต้องตกอยู่ในสภาพของการถูกคุมขังจึงเป็นเรื่องที่จะให้ พล.อ.ฉลาดทำใจว่างๆ คงเป็นไปได้ยาก”

“ฉะนั้น ในฐานะของผู้ร่วมชะตากรรมใดแดนพิเศษ พวกเราจึงบอกกับท่านว่า ถ้ามีอะไรที่พวกเราจะพอทำได้บ้างแล้วก็ขอให้บอก และพวกเราตกลงกันว่าเราจะเรียก พล.อ.ฉลาดว่า ‘ลุง’ และ พล.อ.ฉลาดเรียกพวกเราว่า ‘หลาน’ ชีวิตในแดนพิเศษระหว่างผู้นำนักศึกษา 6 ตุลาคมกับลุงฉลาดจึงเริ่มขึ้นในสภาพเช่นนี้ และขณะเดียวกันก็เริ่มมีความคุ้นเคยกันมากขึ้น”

“ไม่น่าเชื่อว่าชะตากรรมทางการเมืองส่งผลให้นักศึกษาผู้อ่อนวัย นายพลผู้สูงวัย ต้องมีชีวิตอยู่ร่วมกันหลังกำแพงสูง”

“ในท่ามกลางความคุ้นเคยเช่นนี้ ลุงหลาดเริ่มคุ้นเคยกับพวกเรามากขึ้น บางทีในช่วงสายๆ ที่ผมขึ้นไปบนชั้น 2 ก็มักจะขอให้ผมช่วยบีบนวดไหล่ให้บ้าง และบางทีก็คุยถามถึงชีวิตนิสิตนักศึกษาของพวกเรากับเหตุการณ์ 6 ตุลาคมบ้าง ลุงหลาดยอมรับว่า ถ้าจะพัฒนาประเทศจะต้องพึ่งพลังของเยาวชนและนักศึกษา และบอกกับผมว่า สิ่งที่อยากทำคือการจัดตั้งองค์กรของหนุ่มสาวให้มีบทบาทในการพัฒนาประเทศ ซึ่งก็สอดคล้องกับบันทึกของ พล.ต.สนั่นที่กล่าวว่า พล.อ.ฉลาดเคยให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวของนักศึกษาในช่วง 14 ตุลาคม 2516 มาก่อน ดังปรากฏในบันทึกว่า ความผูกพันของท่าน พล.อ.ฉลาดกับนิสิตนักศึกษาเมื่อตอน 14 ตุลาคม 2516 มีอยู่มาก เพราะท่านช่วยนักศึกษา ให้การสนับสนุนอาหารการกิน ตัวแทนนักศึกษาก็เข้ามาพบท่าน มาขอคำปรึกษา”

“เสียดายว่าในขณะนั้นผมยังไม่ได้สวมวิญญาณนักวิชาการเท่าที่ควร หลายเรื่องที่คุยกันจึงกลายเป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านเลยไปโดยไม่ได้ทำการบันทึกไว้ ลุงหลาดเองเล่าให้ฟังด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นใน บก.สวนรื่นฯ และทำไมต้องตัดสินใจใช้อาวุธ คำบอกเล่าที่ชัดเจนของลุงก็คือเพื่อป้องกันชีวิตของนายทหารทุกคน”

“ลุงหลาดพูดเสมอว่า ถ้าลุงออกไปก่อนแล้วก็จะหาทางเอาพวกหลานออกไปด้วย คำสัญญาของผู้ไร้อิสรภาพร่วมกันนั้นมีค่าเสมอ และเมื่อลุงหลาดเริ่มมีความคุ้นชินกับชีวิตในแดนพิเศษก็เริ่มคุยกับพวกเรามากขึ้น หรือบางที สุธรรม แสงประทุม ก็แวะขึ้นไปคุยที่ชั้น 2 และบางช่วงบางเวลาก็เห็นรอยยิ้มอยู่บ้าง”

“ที่สำคัญก็คือ ลุงเชื่อว่าแม้จะไร้อิสรภาพ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นภาวะชั่วคราวและอาจจะใช้เวลาอยู่ในแดนพิเศษไม่นานนักก็อาจจะมีโอกาสได้รับอิสรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความเป็นนายทหารระดับสูงเช่นนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บารมีทั้งในการเมืองและในกองทัพที่น่าจะยังพอมีอยู่พอสมควรแม้จะต้องถูกคุมขังในข้อหากบฏก็ตาม แต่ก็คงจะไม่นานนัก”

 

21 เมษายน พ.ศ.2520
: “ลุงแต่งตัวได้แล้ว”

“ในวันที่ 21 เมษายน 2520 เป็นวันที่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ตอนสายๆ ผมขึ้นไปหาลุงหลาดตามปกติ และตอนใกล้เที่ยงก็มาชวนไปรับประทานอาหารกลางวัน ลุงดูอารมณ์ดีพอสมควร พอตอนบ่ายก็มีคำสั่งบอกให้ไปเยี่ยมญาติ ลุงหลาดเปรยกับผมว่าแปลกดี ราวกับจะรู้ถึงความผิดปกติที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมได้แต่พูดไปแบบเด็กๆ ว่าลุงแต่งตัวได้แล้ว และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่พูดกับลุง”

“ลุงหลาดแต่งตัวออกไปด้วยชุดซาฟารีอย่างตอนที่เข้ามา พวกเราไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรเช่นกัน ลุงหันมายิ้มและโบกมือให้กับพวกเราแล้วเดินออกประตูแดนพิเศษไป สิ่งที่นึกไม่ถึงเลยก็คือ ก่อนที่คำสั่งเบิกตัวจะมาถึงนั้น ผมยังนั่งคุยเล่นและนวดไหล่ของลุงหลาดอยู่โดยไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“หลังจาก พล.อ.ฉลาดถูกเอาตัวไปจากแดนพิเศษ ความผิดปกติก็ตามมาในเวลาไม่นานนัก พวกเราได้รับคำสั่งให้กลับขึ้นห้องขังเร็วกว่าปกติซึ่งพอจะเดาได้ว่า ‘มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว!’ เป็นแต่เพียงไม่ชัดเจนว่าจะเป็นเรื่องอะไร”

 

ผู้มาใหม่

“ในช่วงใกล้ค่ำของวันที่ 21 เมษายน 2520 พวกเราได้ยินเสียงคนอยู่หน้าประตูเหล็กทองแดง เพียงอึดใจเดียวประตูเหล็กบานดังกล่าวก็ถูกเปิดออก มีชาย 4 นายเดินมาอย่างอิดโรย และหนึ่งในนั้นดูท่าทางสะบักสะบอมด้วย พวกเขามาพร้อมกับเสื่อและผ้าห่ม ตามมาด้วยผู้คุมอีกหลายนาย พวกเขาทั้ง 4 ถูกพาขึ้นไปยังชั้น 2 ที่เคยเป็นที่อยู่ของ พล.อ.ฉลาด”

“ถึงจุดนี้แล้วพวกเราก็พอจะคาดเดาได้ว่าทั้ง 4 คนที่ถูกนำตัวเข้ามาขังรวมกับพวกเราในแดนพิเศษน่าจะเป็นกลุ่มนายทหารจากกรณี 26 มีนาคม อย่างแน่นอน แต่คำถามที่เกิดขึ้นในใจขณะนั้นก็คือ แล้วทำไมลุงหลาดยังไม่กลับเข้าแดน เพราะเวลาเริ่มค่ำแล้วและเป็นกฎที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าจะไม่มีนักโทษออกมาเดินในช่วงเวลาเช่นนี้เป็นอันขาด เรามีอันตุกะใหม่มาเพิ่ม 4 คน แต่อีกหนึ่งหายไปไหนเล่า”

“ถ้าจะบอกว่าลุงได้รับอิสรภาพออกไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”