สถานีคิดหมายเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร | ไปถึงไหน

สถานีคิดหมายเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

 

ไปถึงไหน

 

“ไปเลย ไปไหน ก็ไป” ที่หลุดจากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้น

ตอนนี้ ชัดเจนแล้ว มิใช่ เพียงแค่ อารมณ์พาไป

หาก แต่เป็น”ใจ” บันดาล อีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ ไม่ใช่”แรง” หากแต่เป็น”คำ”

“คำ”ที่สะท้อนความสัมพันธ์ ในหมู่ พี่ น้อง 3ป.ชัดเจนว่า สถานการณ์เฉพาะหน้าและอนาคตอันใกล้นี้ คงต้อง”แยกกันเดิน”ก่อน

ด้วยไม่อาจรอมชอม การชิงธง”นำ” ระหว่างพล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้

พล.อ.ประวิตร ชัดมาตั้งแต่ ประกาศ ใจ บันดาล แรง ว่าถึงเวลาแล้วที่ตนเองสมควรจะก้าวสู่ผู้นำ

นั่นทำให้ทั้งพล.อ.ประวิตรและคนแวดล้อม ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายดังกล่าวอย่างคึกคัก

แต่ ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีวาระในอำนาจเพียง แค่ครึ่งเทอม แต่ก็ไม่สุกงอมที่จะเปิดที่ทางให้พล.อ.ประวิตร

ยังคงดำรงความมุ่งหมาย ที่จะไปต่อ

โดยใช้ “ความกำกวม”เป็นม่านควันในการอำพรางเป้าหมายนั้นมาโดยตลอด

กำกวมตั้งแต่ จะไปต่อหรือไม่ไปต่อ

จะยังคงเป็นแคดิเดตของพรรคพลังประชารัฐต่อไป หรือจะไปสร้างฐานการเมืองใหม่

จะยุบสภาหรือไม่ยุบ จะยุบเมื่อไหร่ เร็ว หรือช้า

นี่คือ ไต๋ ที่พล.อ.ประยุทธ์ อุบ และใช้ประโยชน์มาต่อเนื่อง

ตรงกันข้ามกับ พล.อ.ประวิตร ที่ขับเคลื่อนผ่านกระบวนการเมือง โดยเชื่อมั่นอย่างสูงว่า บทบาทหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นกระดานหก ที่ส่งให้พล.อ.ประวิตรไปสู่เป้าหมาย ซึ่งทุกฝ่ายดูจะ”อ่านเกม”นี้ได้ไม่ยาก

ผิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เลือกจะทำให้ไม่ชัดเจน จนถึงเวลาอันเหมาะสมจึงค่อยๆเปิดออกมา

ตอนนี้ เราเริ่มเห็น การขับเคลื่อน พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่พร้อมจะเป็นฐานทางการเมืองให้พล.อ.ประยุทธ์

เราได้เห็นการดึง นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ชัดเจนว่าจะเข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

ทำให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างทำเนียบ ไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างไม่มีอะไรให้สงสัย

ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักการเมืองที่กำลังตัดสินใจว่าควรจะเข้าร่วมฝั่งฟากนี้หรือไม่

ซึ่ง ก็ได้เห็นผล โดยในเบื้องต้น เราเห็นแรงกระเพื่อมที่เกิดกับคนพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเชื้อ”กปปส.”ฝังอยู่ ขยับตัวเข้ามาร่วม

รวมไปถึง กลุ่มส.ส.ภาคใต้ และกลุ่มบ้านใหญ่หลายกลุ่ม ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังเชื่อมั่นในความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ ก็แสดงท่าทีที่จะมาหนุน

คาดหมายว่า แรงกระเพื่อมเช่นนี้ จะขยายวงออกไปเรื่อยๆ

แนวโน้มเช่นนี้เอง มีหรือ ที่พล.อ.ประวิตร จะมองไม่ออก และย่อมประเมินได้ไม่ยากว่าจะส่งผลกระทบต่อตนเองและเป้าหมายทางการเมืองที่วางไว้อย่างไร

นี่ จึงทำให้ ใจ ต้อง บันดาล คำ “ไปเลย ไปไหน ก็ไป” ออกมา

แน่นอน ย่อมสะท้อนถึง ความไม่พอใจในหมู่พี่น้อง 3 ป.โดยเฉพาะพี่ป้อมกับน้องตู่ ชัดแจ้ง

และมีแนวโน้มที่จะต้อง “แยกกันเดิน” ในสมรภูมิเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างสูง

แต่กระนั้น จะแตกหัก ถึงขั้นไม่เผาผีกันเลยหรือไม่ คงต้องประเมินกันต่อไป

เพราะถึงที่สุด ความสัมพันธ์ที่3 ป.ชูป้ายมาโดยตลอดว่า “ตายแทนกันได้” นั้น อาจทำให้ ภาวะ “แยกกันเดิน”ที่กำลังเกิดขึ้น แปรไปสู่ภาวะ”รวมกันตี”ในที่สุดก็ได้

การเมืองจึงผันแปร และมีภาวะลับ ลวง พราง ได้โดยตลอด

เพียงแต่ตอนนี้และในอนาคตอันใกล้กระทั่งไปถึงเลือกตั้ง ปรากฏการณ์ “แยกกันเดิน” ชัดเจน ยากจะปฏิเสธ

แต่จะแยกกันเดิน “ถึงไหนและขนาดไหน” ต้องมองกันไกลๆ

——————