E-DUANG : ผลสะเทือน กราดยิง หนองบัวลำภู กับประกายไฟ “สงคราม” ยาเสพติด

เหมือนกับสถานการณ์กราดยิงที่หนองบัวลำภูจะเป็นเส้นแบ่งสำคัญไม่เพียงแต่นำไปสู่การทบทวนภายในสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ หากแต่ยังเป็นการจุดชนวนในเรื่องของยาเสพติด

เพราะพื้นฐานอันเป็นที่ยอมรับในด้านข้อมูลอย่างสำคัญก็คือ ตำรวจที่ปฏิบัติการนี้มียาเสพติดเป็นปัจจัยกระตุ้น

จึงนำไปสู่การตั้งคำถามอย่างแหลมคมถึงความหละหลวมในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ปล่อยให้ตำรวจซึ่งพัวพันกับยาเสพติดรับราชการอย่างยาวนานว่าเป็นไปได้อย่างไร

ขณะเดียวกัน สภาพที่ยาเสพติดแทรกซึมและแพร่ระบาดเข้าไปแม้กระทั่งในข้าราชการตำรวจซึ่งทำหน้าที่รักษากฎหมาย สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ยาเสพติดเด่นชัด

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งควรเป็นฝ่ายควบคุมและปราบปรามต่อการแพร่เข้ามาของยาเสพติด กลับกลายเป็นเหยื่อและเสพเสีย เองเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องน่ากลัวอย่างยิ่ง

ผลก็คือ เด็กๆจำนวนมากถึง 26 จากจำนวนทั้งสิ้น 30 คน

กลายเป็นเหยื่อสังเวยต่อตำรวจที่มีอาวุธสงครามอยู่ในมือ

ภาพแห่ง”สงครามยาเสพติด”ในยุคพรรคไทยรักไทยจึงหวนฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

ต้องยอมรับว่าปฏิบัติการ”สงครามยาเสพติด”อันเป็นนโยบายที่ประกาศโดยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย สามารถสร้างผลงานได้อย่างเป็นรูปธรรม

กลายเป็นความนิยม กลายเป็นความเชื่อมั่นเป็นอย่างสูงในสังคมไทย ทำให้พรรคไทยรักไทยมีความโดดเด่น

กระนั้น ภายในความสำเร็จอย่างอึกทึกครึกโครมก็ได้เกิดข้อสังเกตถึง”กระบวนการ”ในการดำเนินนโยบายที่เป็นจริงว่าได้ส่งผลเสียในลักษณะข้างเคียงขึ้น

คำอธิบายจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ก็คือ เหตุผลหนึ่งของการเกิด”ศาลเตี้ย”ตามมาอาจเกิดจากการฆ่าตัดตอนในหมู่ผู้ค้ายาเสพติดด้วยกัน และก็มีที่เกิดความผิดพลาดจากการปฏิบัติ

ที่เป็นจริงในแต่ะขั้นตอน

สภาพของ”ศาลเตี้ย”ที่ตามมาจึงกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญ

 

สถานการณ์จากยุคของพรรคไทยรักไทยมายังสถานการณ์ในยุคของพรรคเพื่อไทย มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะมองในด้านของยาเสพติด ไม่ว่าจะมองในด้านของการเมือง

ยาเสพติดในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แพร่ระบาดชัด

เจน

นี่คือจุดอ่อนและกลายเป็นความบกพร่องทั้งในเชิงนโยบายและในการปฏิบัติที่เป็นจริงในการป้องกันและปราบปรามทุกระดับ

ท่ามกลางความตื่นตัวก้าวหน้าของสังคมในการตรวจสอบ