ทูตอินเดียเข้าพบอำลา “ประวิตร” ย้ำความร่วมมือรอบด้าน

ออท. อินเดีย เข้าพบอำลา “ประวิตร” รรท.นรม.ไทย-อินเดีย ยืนยันร่วมมือรอบด้าน เสริมสร้างสันติภาพความมั่นคงในภูมิภาค

วันนี้ (30 กันยายน 2565) เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสุจิตรา ทุไร (H.E. Mrs. Suchitra Durai) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ เอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง รัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมือกับเอกอัครราชทูตท่านใหม่ในการปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต่อไป

ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวขอบคุณและย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย-อินเดียอย่างยาวนาน โดยไทยเป็นประเทศแรกที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตหลังอินเดียได้ประกาศเอกราช ปีนี้ ครบรอบ 75 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต ยังได้ยืนยันว่า เอกอัครราชทูตฯ ท่านใหม่ จะสานต่อบทบาทอย่างแข็งขันและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียต่อไป

พลเอกประวิตร กล่าวว่า อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเอเชียใต้ โดยในปี 2564 การค้าสองฝ่าย มีมูลค่ากว่า 14.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่าร้อยละ 52 ถือเป็นสถิติใหม่ โดยมีความช่วยเหลือระหว่างกันอย่างใกล้ชิดในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 มีความรุนแรง ยืนยันว่าอินเดียเป็นมิตรประเทศสำคัญของไทย ในการนี้ ได้หารือถึงประเด็นความร่วมมือ มุ่งที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ในทุกมิติ ในทุกระดับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ดังต่อไปนี้

(1) การขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งฝ่ายไทยมองหาหุ้นส่วนและนักลงทุนในธุรกิจกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร ซึ่งฝ่ายอินเดียมีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในโครงการ EEC ซึ่งรัฐบาลพัฒนาโครงการและโครงสร้างพื้นฐาน อย่างต่อเนื่อง
(2) เจรจาเพิ่มเที่ยวบินระหว่างกันเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอินเดียที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
(3) เร่งบรรลุการพัฒนโครงการถนนสามฝ่าย (Trilateral Highway Project) ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงอินเดียกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าด้วยกัน และส่งเสริมการค้าการลงทุนและการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน โดยเฉพาะกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่มีความใกล้ชิด กับไทยในด้านชาติพันธุ์
(4) ส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทุนการศึกษาปริญญาเอก ศูนย์ศึกษาอินเดียในมหาวิทยาลัย และเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค