การรอดพ้นจากคดีโรงพักของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก่อความคึกคักเป็นอย่างสูงในทางการเมือง

ยิ่งเห็นแต่ละลีลาของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยิ่งน่าสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายคารวะต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะแสดงบทบาทในทาง การเมืองอีกครั้ง

ภาพของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เคยเดินลงจากอาคารรัฐ สภามาตั้งเวทีทางการเมืองในพื้นที่สถานีรถไฟสามเสน บริเวณใกล้เคียงกับพรรคประชาธิปัตย์ย่อมหวนกลับมา

นั่นเป็นสถานการณ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2556 เป็นสถานการณ์ก่อนนำไปสู่มาตรการ”ชัตดาวน์”กรุงเทพมหานครในเดือนมกราคม 2557

นั่นเป็นบรรยากาศเมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตั้งตนเป็นรัฐถาธิปัตย์ ประกาศให้คนในรัฐบาล นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามารายงานตัว

จากนั้น รัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ก็เกิดขึ้น

จากนั้น รัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีจึงได้ตามมา

 

ความคึกคักของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปรากฏในบรรยากาศแห่ง 16 ปีของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 สอดรับกันโดยมิได้นัดหมาย

ประสาน 2 รัฐประหารเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน

คำถามที่ตามมาก็คือ ผลสะเทือนจากรัฐประหารเดือนกันยา ยน 2549 และรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นอย่างไร

เพลง Rap Against Dictatorship เป็น คำตอบ

ขณะเดียวกัน หากประสานกับท่อนเสริมอันมาจากการบรรเลงและร้องโดย”แอมมี่” ก็ไม่แน่ว่าความแจ่มชัดในเสียงเพลงจะยิ่งเป็นคำตอบได้หรือไม่

เป็นคำถามย้อนกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

และรวมถึง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อย่างไม่ต้องสงสัย

 

การอ่านคำวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 30 กันยายน จึงมีความสำคัญเป็นอย่างสูงทั้งต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และต่ออนาคตทางการเมืองของสังคมไทย

จะเป็นเส้นทางเดียวกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือไม่

บทบาทของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่รอดพ้นจากบ่วงแห่งคดีจะหนุนเสริม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่

ล้วนเป็น”คำถาม”ที่”คำตอบ”ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์