END OF THE ROAD ‘วาระแห่งชาติในอเมริกา’ / ภาพยนตร์ : นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์

นพมาส แววหงส์

 

END OF THE ROAD

‘วาระแห่งชาติในอเมริกา’

กำกับการแสดง

Millicent Shelton

นำแสดง

Queen Latifah

Ludacris

Mychella Lee

Shaun Dixon

Beau Bridges

Frances Lee Mc Cain

 

ดังความหมายที่ชื่อหนังบ่งบอก End of the Road เดินเรื่องระหว่างการเดินทางของตัวละครเป็นส่วนใหญ่

จึงเป็นหนังแบบที่เรียกว่า road movie

และดูท่าว่าตั้งเป้าจะให้เป็นหนังแอ๊กชั่นสะเทือนขวัญชวนตื่นเต้นเร้าใจ (action-thriller)

แถมมาด้วยประเด็นการเหยียดผิวที่ฝังรากลึกแบ่งแยกอเมริกาด้วยสีผิวของประชากรมาตั้งแต่การก่อตั้งประเทศ และลุกลามบานปลายมาจนถึงทุกวันนี้

นี่เป็นหนังจากมุมมองฝ่ายคนผิวสี โดยทั้งผู้กำกับฯ และนักแสดงนำฝ่ายตัวเอกเป็นคนผิวดำ

ทัศนะของหนังจึงเอียงกะเท่เร่แบบไม่มีการถ่วงดุลตาชั่งเอาเลย

ตัวละครที่เป็นคนผิวขาวทุกคนในเรื่องเป็นคนเหยียดผิวอย่างน่ารังเกียจ และตัวละครที่เป็นคนผิวดำตกเป็นเหยื่อของอคติเรื่องการเหยียดผิวโดยไม่ต้องขยับตัวทำอะไรก็โดนรังเกียจและรังคัดรังแคเอาซึ่งๆ หน้า

เบรนดา (ควีน ลาติฟาห์) เป็นหัวหน้าครอบครัวที่เพิ่งสูญเสียสามีไปจากโรคมะเร็ง เธอทุ่มเทเงินทองกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อการรักษายื้อชีวิตของสามีไว้ ดังนั้น จึงไม่เหลือทรัพย์สินอยู่เลยเมื่อเขาจากไป

ทิ้งลูกสองคนไว้ในความดูแลของเธอ แถมยังพ่วงมาด้วยน้องชาย เรจจี้ (ลูดาคริส นักร้องแรปเปอร์ชื่อดัง) ผู้ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไม่เป็นโล้เป็นพาย

เบรนดาตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย ขอกลับไปอาศัยอยู่กับแม่ที่ฮิวสตัน เท็กซัส และต้องขับรถทางไกลข้ามประเทศ ฝ่าแดนกันดารแห้งแล้งในแอริโซนา และนิวเม็กซิโก

ท่ามกลางความไม่พอใจ หุนหันพลันแล่นและต่อต้านต่างๆ นานาของสมาชิกในครอบครัว

เคลลี่ (ไมคัลลา ลี) ลูกสาววัยรุ่นซึ่งต้องถูกพรากจากแฟนหนุ่มอย่างหัวใจสลาย ประกาศใส่หน้าแม่ว่า “แม่ทำลายชีวิตหนูหมดเลย”

ส่วนแคม (ชอน ดิกซัน) ลูกชายผู้แก่แดดและรอบรู้เกินวัย บอกว่าจะขออยู่คนเดียวในบ้านต่อไปก็ได้ แม่อยากไปก็ไปเองเถอะ

ดูหนังเกี่ยวกับครอบครัวอเมริกันทีไร เจอแต่ลูกๆ ที่ต่อต้านพ่อแม่แบบไม่น่ารักเอามากๆ ทุกที ได้แต่บอกตัวเองว่า นี่แหละผลของการให้อิสรภาพและการมีเสรีภาพจนเกินขอบเขต… เฮ้อ!

อย่างไรก็ตาม สภาพเศรษฐกิจในครอบครัวก็ไม่เปิดโอกาสให้เบรนดามีทางเลือกอื่นใด นอกจากขนสมบัติพัสถานไม่กี่ชิ้นที่ยังเหลือในครอบครอง บากหน้ากลับไปพึ่งพาอาศัยแม่ไปก่อนในขณะนี้

ตัดเรื่องไปสู่เหตุการณ์การฆาตกรรมของทรชนกลางทะเลทราย ฝ่ายหนึ่งโลภมากหักหลังหอบเงินเปื้อนเลือดจากการค้ายาลอยนวลไปเสียดื้อๆ มิไยอีกฝ่ายจะขู่ว่า ไม่มีใครรอดพ้นมือ “มิสเตอร์ครอสส์” ไปได้หรอก… “มิสเตอร์ครอสส์สร้างกฎของเขาเอง”

กลับมาสู่ครอบครัวของเบรนดาในระหว่างการเดินทาง ซึ่งเธอถูกมองอย่างรังเกียจเหยียดหยามในซูเปอร์มาร์เก็ต เพียงด้วยอคติของคนผิวขาวล้วนๆ

และเคลลี่ไปประกอบวีรกรรมย่อยๆ ยกนิ้วกลางใส่หน้าอันธพาลหนุ่มผิวขาวสองคนที่เข้ามาตีซี้กับเธอ

ผลคือความเร้าระทึกใจครั้งแรกระหว่างทาง เพราะหนุ่มเลือดร้อนสองคนขับรถตามเบรนดากับครอบครัวอย่างไม่ลดละ ถึงขั้นปะทะกับกลางถนน แบบไม่มีใครยอมใคร

เรจจี้ หนุ่มเลือดร้อนผู้ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ถูกห้ามไม่ให้ลงไปปะฉะดะให้เห็นดำเห็นแดงกันไป โดยที่เบรนดาใช้ความสุขุมและกล้ำกลืนทิฐิ จัดการกับการถูกหาเรื่องครั้งนี้ และยอมเป็นฝ่ายกล่าวคำขอโทษในเรื่องที่เธอไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด

จึงได้เลิกรากันไป โดยเรื่องราวไม่บานปลายไปสู่ความรุนแรงยิ่งกว่านั้น เนื่องจากเบรนดาเหลือบไปมองเห็นปืนไรเฟิลอยู่ในรถของหนุ่มอันธพาล

ในการแวะพักโมเต็ลระหว่างทาง ครอบครัวของเบรนดาได้ยินเสียงปึงปังทะเลาะกันและเสียงปืนจากห้องติดกัน เธอเข้าไปพบผู้ชายที่ถูกยิงตาย รวมทั้งเรจจี้เผอิญได้ไปเจอกระเป๋าใส่เงินจำนวนมาก ซึ่งทำให้เขาตาค้างไปเลย

เบรนดาโทร.เรียก 911 และให้ปากคำแก่ตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางต่อไป

ทว่า ฝันร้ายของเธอและครอบครัวกำลังจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์คุกคามและขอเงินคืน

เบรนดาผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร งุนงงกับคำขู่และเรื่องราวตรงหน้า จนกระทั่งเรจจี้สารภาพว่าเขาหอบเอาเงินก้อนโตที่ได้พบนั้นใส่รถมาด้วย โดยคิดว่านั่นคือ ลาภลอย

จากนั้น ฝันร้ายก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในการแก้ไขสถานการณ์รุนแรงที่เกิดแก่ตัวด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาของคนในครอบครัว โดยที่เบรนดาพยายามเอาเงินไปคืนมิสเตอร์ครอสส์ผู้ “สร้างกฎของตัวเอง” ในการจัดการกับเรื่องต่างๆ

หนังเดินเรื่องแบบ “ไม่ฉลาด” ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีอะไรที่แหลมคมชวนให้นึกทึ่งไปกับการตัดสินของตัวละครและการสร้างแคแร็กเตอร์เลย

แม้แต่การที่เบรนดาพาตัวเองไปตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายท่ามกลางหมู่ “นีโอ-นาซี” ผู้เหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติ ในชุมชนของลานจอดรถเทรลเลอร์ในถิ่นรกร้างกลางทะเลทราย

อยู่ๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เบรนดาก็พลิกโฉมหน้ากลายเป็นหญิงแกร่งที่ต่อกรกับชายฉกรรจ์จำนวนนับสิบได้ กลายเป็นสาว kick-ass ที่เตะก้นทรชนคนร้ายที่รุมล้อมเป็นหมาหมู่ และเอาชนะอันธพาลจอมอิทธิพลได้ พร้อมทั้งคำประกาศว่า “ฉันสร้างกฎของตัวเองต่างหาก”

หนังมีตอนจบที่น่าจะถือว่าเป็น “แฮปปี้เอนดิ้ง” สำหรับตัวละครหลัก แต่กลับชวนไม่สบายใจและน่ากังขาในเชิงศีลธรรมอย่างยิ่ง

เหมือนจะบอกว่า ลาภลอยจากการหยิบฉวยสมบัติที่ดูเหมือนจะไม่มีเจ้าของมาเป็นของตัวนั้นเป็นเรื่องสมควร และไร้ข้อตำหนิ และเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ที่ได้พบ!!!

ไม่ใช่หนังที่ชื่นชมและอยากแนะนำให้ดูนะคะ •