ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | ประตูสู่ทำเนียบของคุณประยุทธ์ ใกล้ปิดตาย

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

เผลอแป๊บคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็กำลังจะพ้นทำเนียบครบหนึ่งเดือนโดยไม่มีใครสนใจเลย และนอกจากคนสนิทคุณประยุทธ์อย่างคุณธนกร วังบุญคงชนะ และคุณเสกสกล อัตถาวงศ์ ชื่อของคุณประยุทธ์ก็ไม่มี ส.ส.หรือรัฐมนตรีคนไหนพูดถึงมาพักหนึ่งแล้ว เว้นแต่จะถูกนักข่าวถามในระยะประชิดขั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้นเอง

ตรงข้ามกับคุณประยุทธ์ที่สภาพคล้ายอาทิตย์อัสดงสู่ทิวาวาร รักษาการนายกฯ อย่างคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ กำลังแผ่แสนยานุภาพทางการเมืองไม่หยุด การลงพื้นที่ทุกวันจันทร์ของคุณประวิตรบีบให้พื้นที่สื่อแทบไม่เหลือสำหรับคุณประยุทธ์

แต่ที่หดหายยิ่งกว่าพื้นที่ก็คือบารมีของคุณประยุทธ์ทางการเมือง

คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ที่คนจำนวนมากมองว่าต่ำกว่าคนอื่นด้านเผด็จการ ด้านใช้กฎหมายรังแกฝ่ายตรงข้าม และด้านปราบปรามประชาชน แต่ทุกครั้งที่เหมือนคุณประยุทธ์จะลงต่ำที่สุดไปแล้ว สักพักคุณประยุทธ์ก็จะมีเรื่องให้ประชาชนมองว่าลงต่ำกว่าเดิมทุกทีไป

ล่าสุด ด้วยการดิ้นรนต่ออายุเป็นนายกฯ เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ 8 ปี คุณประยุทธ์ได้โชว์ตัวเองว่าเป็นผู้นำที่เสพติดอำนาจระดับที่ไม่มีนายกฯ คนไหนเป็นมาก่อน ยิ่งกว่านั้นคือระดับใช้ข้าราชการเขียนคำแก้ต่างให้ตัวเองสืบทอดอำนาจโดยไม่สะทกสะท้านเลย

ด้วยการกระเสือกกระสนเป็นนายกฯ ต่อถึงปี 2570 ซึ่งเท่ากับเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ 5 ปี คุณประยุทธ์ทำให้ตัวเองเป็นเป้าของการวิจารณ์ว่าเป็นคนที่อยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากอำนาจ หรือไม่ก็คือ ถ้าคุณประยุทธ์อ้างว่าไม่ได้เป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2557 แล้วอะไรนั่งนายกฯ ตลอดมา

แน่นอนว่าคำวิจารณ์แบบนี้รุนแรงและจงใจ “ด้อยค่า” คุณประยุทธ์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดเป็นการวิจารณ์ที่สมควรแก่เหตุ เมื่อคำนึงถึงการที่คุณประยุทธ์ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เป็นนายกฯ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจนไม่เหลือบารมีหรือความน่านับถืออีกเลย

สิ่งที่ผู้นำการเมืองต้องมีในกรณีหวังอยู่ยาวคือการสร้าง “ความยอมรับนับถือ” ทางการเมือง แต่ความยอมรับนับถือคือสิ่งที่คุณประยุทธ์ขาดจนไม่มีทางสร้างขึ้นได้อีก การดิ้นรนของคุณประยุทธ์เองและการผลักดันให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อคือการทำให้สังคมไม่มีผู้นำที่นำสังคมได้จริงๆ

ขณะที่คุณประวิตรลงพื้นที่ทุกครั้งโดยมี ส.ส.พลังประชารัฐต้อนรับ คุณประยุทธ์กลับลงพื้นที่โดยผู้ต้อนรับแทบจะมีแต่ทหารอย่างเดียว ซ้ำคุณประยุทธ์ยังเลือกจะปรากฏตัวแต่ในพื้นที่ทหารอย่างวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ซึ่งเท่ากับว่าคุณประยุทธ์กักตัวเองไว้กับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้นเอง

ด้วยภาพที่คุณประยุทธ์ทำให้สังคมเห็นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงาน คุณประยุทธ์คือผู้นำที่แทบไม่ไว้ใจใครเลย อยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ ไม่สามารถถอดหัวโขนทหารมาใช้ชีวิตแบบคนปกติ ตรงข้ามกับคุณประวิตรที่จงใจเสนอภาพตัวเองในแง่เอาใจใส่คนอื่นและอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ตลอดเวลา

คุณประวิตรกับคุณประยุทธ์สร้างดาวคนละดวง แต่ต่อให้คุณประวิตรจะรีแบรนด์ตัวเองจากลุงป้อมป้อแป้สู่ลุงป้อมที่กระฉับกระเฉงเป็นกันเอง รวมทั้งต่อให้นักการเมืองรัฐบาลและฝ่ายค้านบางคนจะอวยประวิตรทำงานดีกว่าประยุทธ์ โพลทุกสำนักก็พบว่าประชาชนรังเกียจสองคนนี้เหมือนกัน

คุณประวิตรกับคุณประยุทธ์คือทหารการเมือง และสิ่งที่ทั้งสองคนทำตอนนี้คือการหาบทบาทให้ตัวเองในเวลาที่อำนาจเบ็ดเสร็จของ คสช.อ่อนแอลงจนต้องคลายอำนาจสู่คนกลุ่มอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งคู่ต้องหาที่ยืนให้ตัวเองในสังคมที่ไม่ยอมให้กระบอกปืนผูกขาดอำนาจกลุ่มเดียวต่อไป

พูดให้ตรงยิ่งขึ้น คุณประวิตรกับคุณประยุทธ์กำลังหาทางอยู่ในประเทศโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเช็กบิล ไม่ว่าการเช็กบิลนั้นจะมาจากคนรักประชาธิปไตย พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ชาวบ้านที่อดอยากยากแค้น หรือคนกลุ่มที่มีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์กับสองนายพลก็ตาม

คําพูดที่คุณประยุทธ์ใช้อย่างแพร่หลายหลังรัฐประหาร 2557 คือสังคมไทยอยู่ในภาวะ “เปลี่ยนผ่าน” ซึ่งคุณประยุทธ์ไม่เคยบอกว่าหมายถึงอะไร แต่ที่แน่ๆ การเปลี่ยนผ่านไม่ได้ทำเพื่อให้ประชาชนเป็นใหญ่ แต่คือการเพิ่มความเป็นไพร่ในหมู่ประชาชนให้สยบยอมกับ “ระบอบ” ของคนหยิบมือเดียว

เครื่องมือที่คุณประยุทธ์ใช้ “เปลี่ยนผ่าน” คือกฎหมาย, ศาล และปืน ระบอบที่คุณประยุทธ์สร้างจึงวางอยู่บนอำนาจบาตรใหญ่และการข่มเหงคนส่วนใหญ่อย่างที่สุด แปดปีของคุณประยุทธ์คือแปดปีที่คุณประยุทธ์เป็นศัตรูกับคนนับไม่ถ้วน ไม่เว้นแม้แต่คนที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน

ในการให้สัมภาษณ์กับคุณจอมขวัญในรายการ มีเรื่อง Live เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ได้พูดอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่ารับไม่ได้กับการยึดอำนาจของ คสช. ซ้ำยังพูดต่อไปด้วยว่าคุณอนุทินเองก็ถูกทหารจับไปขังหลังรัฐประหาร 2557 จนเป็นความเจ็บปวดที่คุณอนุทินยังไม่ลืมจนปัจจุบัน

แปดปีของคุณประยุทธ์คือช่วงเวลาที่คุณประยุทธ์สร้างศัตรูเพื่อรักษาระบอบของคนกลุ่มเดียว พวกประยุทธ์คือคนที่ได้ประโยชน์จากคุณประยุทธ์ หรือไม่ก็คือคนที่คุณประยุทธ์บีบคั้นจนยอมเข้าพวก โอกาสที่คุณประยุทธ์จะไม่ถูกเช็กบิลจึงน้อยจนคุณประยุทธ์ไม่มีทางยอมให้อำนาจหลุดมือ

คุณประยุทธ์สร้างอำนาจบนเงื่อนไขที่ทำให้คุณประยุทธ์ต้องอยู่แต่ค่ายทหาร, กบดานแต่กระทรวงกลาโหม และปรากฏตัวแค่ในพื้นที่ทหาร

หรือพูดง่ายๆ คือไม่มีทางที่คุณประยุทธ์จะยุติการใช้ทหารเป็นฐานอำนาจการเมืองและเป็นกองกำลังส่วนตัวของคุณประยุทธ์ได้เลย

ในกรณีคุณประวิตร กลยุทธ์ในการหาที่ทางเพื่ออยู่ในสังคมคือการสร้างเครือข่ายกับคนอยู่นอกกองทัพจำนวนมหาศาล แม้คุณประวิตรจะมีกองทัพเป็นฐานทางอำนาจไม่ต่างจากคุณประยุทธ์ แต่คุณประวิตรมีเครือข่ายที่เชื่อมโยงไปสู่องค์กรอิสระ, ส.ส. และพรรคการเมืองมากเหลือเกิน

ถึงรัฐมนตรีและพรรคร่วมจะมีโครงสร้างบังคับบัญชาที่อยู่ใต้คุณประยุทธ์ แต่ความเกรงใจที่ทุกฝ่ายมีต่อคุณประวิตรนั้นมากกว่าหลายเท่าจนไม่อาจปฏิเสธได้ หัวหน้าพรรคหลายคนเรียกคุณประยุทธ์ว่า “ท่านนายกฯ” แต่เรียกคุณประวิตรว่า “พี่ป้อม” ซึ่งแสดงความผูกพันที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณประวิตรมีข่าวต่อสายเพื่อเจรจาพูดคุยกับคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์, คุณธรรมนัส พรหมเผ่า และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และถึงแม้หลายข่าวมีส่วนเท็จมากกว่าส่วนจริง แต่เส้นทางของข่าวคือการยืนยันว่าคุณประวิตรมีเครือข่ายความสัมพันธ์ทางสังคมที่กว้างขวางอย่างที่คุณประยุทธ์ไม่มีเลย

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่คุณชัชชาติและคุณหญิงพจมานจะพูดคุยกับคุณประวิตรทางการเมือง คุณทักษิณ ชินวัตร เองก็ยืนยันว่าคุณหญิงไม่มีทางยุ่งการเมืองด้วยตัวเองโดยตรง แต่สารที่ข่าวคุณประวิตรเรื่องนี้สื่อคือคุณประวิตรเข้าถึงทุกคนได้ ต่อให้เป็นคนที่คุณประยุทธ์มองเป็นฝ่ายตรงข้ามโดยสิ้นเชิง

ข่าวคุณประวิตรคุยกับคุณหญิง ยั่วยุให้คนเห็นภาพว่าคุณประวิตรกับคุณทักษิณเชื่อมถึงกัน ข่าวคุยกับคุณชัชชาติยั่วให้คนเห็นภาพว่าคุณประวิตรคุยได้กับแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย และข่าวหลีกทางให้คุณธรรมนัส ทำให้คนเห็นภาพว่าคุณประวิตรเชื่อมถึงนักการเมืองที่อ้างว่าทำให้รัฐบาลเกิดขึ้นมา

ถ้าคุณประยุทธ์มีสติพอจะมองการเมืองด้วยความรอบคอบเท่ากับความอยากอยู่ยาว ภาพใหญ่ที่คุณประยุทธ์ควรเห็นคือตัวละครทางการเมืองทุกฝ่ายเคลื่อนจากคุณประยุทธ์ไปสู่คุณประวิตรหมดแล้ว ต่อให้คุณประยุทธ์จะมองว่าคุณประวิตรไม่มีศักยภาพเป็นนายกฯ ด้วยตัวเองได้ก็ตาม

พูดแบบสั้นที่สุด คุณประยุทธ์กำลังเผชิญสถานการณ์ทางการเมืองที่โหดเหี้ยมว่าใครคือพันธมิตรของคุณประยุทธ์ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากไม่นับวุฒิสมาชิก, คุณเสกสกล, ลูกน้องในทำเนียบ, พรรคสุเทพ เทือกสุบรรณ, พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมทั้งกลุ่มโหนสถาบันที่ทหารอยู่เบื้องหลังต่างๆ นานา

ศาลรัฐธรรมนูญประกาศแล้วว่าจะวินิจฉัยคดีคุณประยุทธ์ครบ 8 ปี ในวันที่ 30 กันยายน รัฐบาลยอมรับเองว่าคุณประยุทธ์มีโอกาสหลุดนายกฯ พอกับมีโอกาสได้ไปต่อ แต่ถ้าคุณประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ จนถึงปี 2570 อย่างที่ต้องการจริงๆ ความผันผวนทางการเมืองครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

การเมืองไทยกำลังเข้าสู่สถานการณ์ใหม่ที่ประตูแห่งการกลับสู่ทำเนียบของคุณประยุทธ์ได้ปิดลงแล้วแทบจะอย่างสิ้นเชิง