เมื่อการระบาดของโควิด-19 ทำคนฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น/บทความต่างประเทศ

เครดิตภาพ รอยเตอร์

บทความต่างประเทศ

 

เมื่อการระบาดของโควิด-19

ทำคนฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น

 

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มาถึงปีที่ 3 จนจะเข้าสู่ปีที่ 4 อยู่แล้ว หากแต่วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ดูเหมือนจะยังคงมีผลกระทบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจ ที่หลายประเทศยังไม่กระเตื้องขึ้นดีเท่าไหร่ เพราะในขณะที่สัญญาณต่างๆ กำลังจะดีขึ้น ก็จะมีตัวเลขการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นตามมา

ที่ประเทศญี่ปุ่น มีผลการศึกษาเกี่ยวกับตัวเลขของคนที่ฆ่าตัวตาย ในประเทศญี่ปุ่นช่วงที่ผ่านมาพบว่า ญี่ปุ่นมีตัวเลขผู้ที่ฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นถึง 8,000 คน จากการสำรวจช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายนของปีนี้

ซึ่งเป็นการฆ่าตัวตายที่เกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19

การศึกษาดังกล่าว เป็นของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ไทสึเกะ นากาตะ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า ผู้หญิงในกลุ่มอายุราว 20 ปี ถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุด แต่ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 19 ปี ก็มีอัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

ทั้งนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น รวมทั้งเมืองอื่นๆ มีการประกาศมาตรการจำกัดต่างๆ มากมายถึงเดือนมีนาคมต้นปีที่ผ่านมา โดยผู้คนถูกขอให้งดการเดินทางข้ามจังหวัด ขณะที่ร้านอาหารและบาร์ถูกกำหนดให้ปิดเร็วขึ้นกว่าเดิม

นากาตะบอกว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่จะทำงานไม่ประจำมากกว่าผู้ชาย ทำให้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากกว่าผู้ชาย ขณะที่วัยรุ่นอาจจะถูกบังคับให้แยกตัวอยู่ เนื่องจากมาตรการจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวัน

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมีอัตราการฆ่าตัวตายเนื่องจากวิกฤตโควิดมากกว่าผู้ชาย

 

ทั้งนี้ จากตัวเลขของรัฐบาลระบุว่า จำนวนตัวเลขของคนที่ฆ่าตัวตายในญี่ปุ่น ทั้งปี ค.ศ.2020 และ 2021 จะอยู่ที่ประมาณ 21,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2 ปีก่อนหน้า ที่มีอยู่ราว 20,000 คน

สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่า ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสูงขึ้น ในขณะเดียวกับที่การว่างงานเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ทีมวิจัยครั้งนี้ได้ประเมินตัวเลขการฆ่าตัวตายบนพื้นฐานของแนวโน้มที่เกิดขึ้นในอดีต กับความผันแปรของการจ้างงาน แล้วจึงนำมาเปรียบเทียบกับจำนวนตัวเลขจริง และพบว่า จำนวนผู้ฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 8,088 คน

โดยกลุ่มคนอายุราว 20 ปี เป็นกลุ่มที่มีการฆ่าตัวตายที่เกี่ยวเนื่องกับการระบาดของโควิด-19 มากที่สุด คืออยู่ที่ 1,837 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 1,092 คน ซึ่งการระบาดของโรค เป็นตัวผลักดันทำให้เกิดการฆ่าตัวตายถึงราว 30 เปอร์เซ็นต์ของการฆ่าตัวตายของกลุ่มคนอายุนี้

ส่วนคนอายุ 19 ปี หรือน้อยกว่านั้น มี 377 คน ที่ฆ่าตัวตายอันเกี่ยวเนื่องกับการระบาดของโรค และในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงถึง 282 คน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนผู้ที่ฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นจะลดลงราว 500-3,000 คน ทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2010 แต่จำนวนการฆ่าตัวตายกลับเพิ่มสูงขึ้นมาอีกครั้งในปี 2020 ถือเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และจำนวนยังคงเกือบเท่าเดิมในปี 2021

ขณะที่จำนวนผู้ชายฆ่าตัวตาย ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ขณะที่ผู้หญิงฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 2 ส่วนจำนวนเด็กนักเรียนชั้นประถมและมัธยมที่ฆ่าตัวตาย มีจำนวนสูงสุดในปี 2020 อยู่ที่ 499 คน และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

ในช่วงที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องออกมาตรการจำกัดต่างๆ เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นก็ยังคงระดับสูงอยู่ โดยตัวเลขของรัฐบาลชี้ให้เห็นว่า อัตราการว่างงานอยู่ระหว่าง 2.5-3.0 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในญี่ปุ่นเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

และตามมาด้วยตัวเลขการฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงมากขึ้น

ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดว่า ความยากลำบากทางเศรษฐกิจนั้น น่าจะเป็นเหตุผลหลักของการฆ่าตัวตายที่เพิ่มมากขึ้นในญี่ปุ่น

ฟูมิโอะ โอตาเกะ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากมหาวิทยาลัยโอซากา ได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่น ให้ความสำคัญกับตัวเลขการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้น แล้วลองชั่งน้ำหนักดูระหว่างมาตรการเข้มงวดต่างๆ กับการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ว่าควรจะปรับเปลี่ยนอย่างไร

เผื่อจะทำให้อัตราส่วนในการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นลดลงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย