‘สมบัติ เมทะนี’ พระเอกตลอดชีวิต / เครื่องเคียงข้างจอ : วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ

วัชระ แวววุฒินันท์

 

‘สมบัติ เมทะนี’

พระเอกตลอดชีวิต

 

เป็นการจากไปอย่างกะทันหันสำหรับ “สมบัติ เมทะนี” ด้วยสำหรับคนใกล้ชิดและแฟนๆ ไม่มีใครได้รับรู้ถึงอาการเจ็บป่วยของพระเอกคนนี้มาก่อนเลย จู่ๆ ก็มีข่าวออกมาให้ได้ตกอกตกใจและแสนเสียดายกัน

สำหรับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ สมบัติ เมทะนี อย่างน้อยก็คงต้องเคยได้ชมผลงานของพระเอกผู้นี้มาบ้าง ไม่เป็นหนังก็ละคร แต่ถ้ากับคนวัย 60 ขึ้น หลายคนเป็นแฟนคลับตัวยง ชนิดที่ถ้าสมบัติเกิดยุคนี้ก็คงเทียบเคียงกันได้กับพระเอกดังอย่างเวียร์ ณเดชน์ หรือมาริโอ้ เป็นแน่

สำหรับผมนั้น คุ้นเคยและได้มีโอกาสสัมผัสงานของสมบัติ เมทะนี มากกว่ามิตร ชัยบัญชา เพราะมิตรมาจบชีวิตเอาเมื่อตอนผมยังเป็นเด็กอายุแค่ 10 ขวบเอง และพระเอกรูปร่างแบบชายงาม กล้ามใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาอย่างสมบัติ เมทะนี ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการภาพยนตร์ไทยแทน ซึ่งผลงานของสมบัติในช่วงจากนั้น ก็เป็นช่วงวัยที่ผมสามารถรับรู้ได้ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ต้องจูงมือไปดูหนัง หรือโตพอจะเดินเข้าโรงหนังเองได้แล้ว

จากการเป็นผู้ชม มีความรู้สึกว่าพระเอกคนนี้ช่างหล่อเหลา เท่ และมาดแมนเสียเหลือเกิน จะเล่นบทบาทไหนไม่ว่าจะบู๊ แอ๊กชั่น ตลก ชีวิต ก็สามารถเข้าถึงบทบาทได้หมด แถมยังร้องเพลงเก่งอีกด้วย

ผลงานมากมายยังอยู่ในความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็น “เล็บครุฑ” “ทอง” “จุฬาตรีคูณ” “เกาะสวาทหาดสวรรค์” “น้ำผึ้งพระจันทร์” “ระเริงชล” “หนึ่งนุช”

 

ด้วยความที่เล่นหนังเยอะ แสดงได้หลายบทบาท จึงมีนางเอกที่แสดงคู่กับสมบัติหลายต่อหลายคน แน่นอนที่เพชรา เชาวราษฎร์ ก็เป็นหนึ่งคนที่จับคู่กันหลายต่อหลายเรื่อง เรียกว่าพอไม่มีพระเอกนางเอกคู่ขวัญ “มิตร-เพชรา” แล้ว ก็หันมาเป็นสมบัติ คู่กับเพชรา แทน และภายหลังก็ได้จับคู่แสดงกับอรัญญา นามวงศ์ มากที่สุด จนกลายเป็นอีกหนึ่งคู่ขวัญของวงการหนังไทยยามที่มีการเอ่ยถึง ก็คือ มิตร-เพชรา, สมบัติ-อรัญญา, สรพงศ์-จารุณี, ทูน-เนาวรัตน์ จนถึงสันติสุข-จินตหรา

เมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามาทำงานวงการโทรทัศน์นั่นแล้ว จึงได้มีโอกาสรู้จักกับตัวตนจริงๆ ของสมบัติ เมทะนี และพลอยเรียกว่า “น้าแอ๊ด” จนติดปาก

เมื่อรายการ “วิก 07” ของเจ เอส แอล ออกอากาศเมื่อปี 2530 ก็กลายเป็นสนามให้นักแสดงทั้งจอแก้วจอเงินได้มาวาดลวดลายเชิงละครเวทีกัน เป็นความสนุกของการทำงานที่ได้รสชาติใหม่ๆ และใกล้ชิดกันเพราะต้องมีการซ้อมก่อนการบันทึกเทป และเมื่อเชิญพระเอกดังอย่างน้าแอ๊ด-สมบัติ เมทะนี มาร่วมแสดง น้าแอ๊ดก็ให้เกียรติอย่างเต็มใจ

จำได้ว่าน้าแอ๊ดให้ความเป็นกันเองกับทีมงานทุกคนอย่างมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นพระเอกดังมาก่อน ยินดีที่จะศึกษาบท ท่องบท จัดเวลามาซ้อมกับนักแสดงคนอื่นๆ ก่อนจะบันทึกเทปจริง และจากวันนั้นรายการจึงได้เชิญน้าแอ๊ดมาเป็นหนึ่งในพิธีกรของ “วิก 07” ร่วมกับต้อม-ไกรวิทย์ พุ่มสุโข

ภาพของพระเอกดังและนักแสดงรุ่นใหญ่เสริมภาพของวิก 07 ให้มีมนต์เสน่ห์และความขลังยิ่งขึ้น น้าแอ๊ดจึงมีคิวเดินทางมาที่สตูดิโอของเจ เอส แอล ทุกสัปดาห์ โดยมี “พี่ตุ๊”-กาญจนา เมทะนี ผู้เป็นภรรยาติดตามมาด้วยแทบทุกครั้ง พร้อมมีของกินมาฝากทีมงานอย่างใจดี

ความใกล้ชิดนี้รวมไปถึงลูกๆ ด้วย ที่ก็พลอยแวะเวียนมาร่วมงานกับเจ เอส แอล อยู่เนืองๆ ทั้งงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เรียกว่าครอบครัวเมทะนีกับเจ เอส แอล นั้นมีความผูกพันกันมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะไม่ได้ร่วมงานเจอะเจอกันมากเหมือนแต่ก่อนก็ตาม

 

ที่จะขอเล่าเป็นพิเศษสักหน่อยก็คือเรื่องของน้าแอ๊ด กับรายการ “จันทร์กะพริบ” รายการดังอีกรายการหนึ่งของเจ เอส แอล ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2532

คอนเซ็ปต์ของรายการคือ นำเรื่องราวชีวิตและผลงานของศิลปินรุ่นใหญ่ของเมืองไทยได้ย้อนกลับมานำเสนอให้ผู้ชมได้ชมและประทับใจ เมื่อเป็นเช่นนี้แขกรับเชิญคนแรกที่ทีมงานนึกถึงก็คือ พระเอกตลอดกาล-สมบัติ เมทะนี นั่นเอง

ซึ่งเมื่อติดต่อไป น้าแอ๊ดก็ไม่ขัดข้อง แต่ด้วยคิวทองจึงกว่าจะได้คิวมาบันทึกเทป ก็ได้ออกอากาศเป็นตอนที่ 3 ของรายการ ไม่ใช่ตอนแรกอย่างที่ตั้งใจ

เนื่องจากเป็นรายการใหม่ มีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน และต่างคนก็ต่างต้องเรียนรู้กันไปด้วย จึงได้กำหนดให้มีการทดลองบันทึกเทปเสมือนจริง โดยนำเอาเรื่องราวของ “สมบัติ เมทะนี” มาใช้ทดลองถ่ายทำ ครั้นจะกวนเวลาของน้าแอ๊ดมาก็ใช่ที่ ภารกิจที่มีเกียรตินี้จึงตกที่ผม ที่ต้องเล่นเป็นแขกรับเชิญที่ชื่อสมบัติ เมทะนี แทน

การเตรียมการคือ ผมจะต้องศึกษาข้อมูลของน้าแอ๊ดอย่างละเอียด ให้เหมือนกับว่าผมเป็น “สมบัติ เมทะนี” เสียเอง ต้องจำเรื่องและเกร็ดต่างๆ ให้ขึ้นใจ เพราะเวลาตอบคำถามพิธีกรหรือเล่าเหตุการณ์อะไรจะได้ลื่นไหลออกมาเป็นธรรมชาติ เพราะไม่สามารถถือสคริปต์พูดตามบทได้

จากข้อนี้เลยทำให้ผมรู้จักมุมต่างๆ ของน้าแอ๊ดยิ่งขึ้น และก็พิศวงต่อเบื้องหลังชีวิตและการทำงานของน้าแอ๊ดที่สมบุกสมบัน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย โดยรับผิดชอบต่องานตรงหน้ามากกว่าชีวิต และเราก็ต้องพลอยสวมวิญญาณของน้าแอ๊ดด้วยในการตอบคำถามและแสดงออกต่างๆ

โดยมีตัวแทนพี่ตุ๊ กาญจนา คือ คุณอ้ำ-ฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์ หนึ่งในทีมงานของจันทร์กะพริบ สวมบทบาทแทน นั่งข้างๆ กับผมที่เป็นน้าแอ๊ด คอยรับส่งการสัมภาษณ์กันอย่างสนุก

 

จําได้ว่าสนุกมาก และหินมาก เพราะทีมงานยังใหม่ในการทำงานรายการใหม่ และรายการก็มีทั้งช่วงพูดคุย และโชว์ ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเวที ฉาก มุมกล้อง แสงสี เสียงต่างๆ แต่ก็ทำให้เรามั่นใจในการผลิตงานจริงมากขึ้น

นั่นทำให้เมื่อถึงวันบันทึกเทปจริง เมื่อน้าแอ๊ดมาเป็นแขกรับเชิญจริงๆ มีแขกรับเชิญพิเศษมาร่วมรายการจริงๆ อย่างพิศมัย วิไลศักดิ์ ก็ทำให้รายการออกมาสวยงามสมบูรณ์ยิ่ง

และด้วยความสนุกเป็นกันเองของน้าแอ๊ด เล่าความลำบากก็ในมุมตลกขบขัน เล่าถึงความทุกข์ยากอย่างเข้าใจและยอมรับ ให้ทำอะไรทำ จึงทำให้รายการออกมาได้มากกว่าที่คิด

และสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างมากเมื่อออกอากาศ

 

ในช่วงหลังๆ ที่ไม่ใคร่จะได้เจอะเจอหน้ากันสักเท่าไหร่แล้ว แต่ก็ยังได้เห็นผลงานของน้าแอ๊ดปรากฏอยู่เสมอ ทั้งในรายการทีวี ในละคร และภาพยนตร์ รวมทั้งภาพยนตร์โฆษณาก็ด้วย เรียกว่าเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วยจริงๆ

ครั้งสุดท้ายที่เจอะเจอกันคือ ในงานพระราชทานเพลิงของฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ “พนมเทียน” นักประพันธ์ชื่อดังของเมืองไทย ในปี 2563 น้าแอ๊ดเคยรับบทเป็น “เจ้าชายขัตติยะราเชนทร์” ในเรื่อง “จุฬาตรีคูณ” ที่พนมเทียนเขียน และได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับครอบครัวของพนมเทียนด้วย

วันนั้นน้าแอ๊ดเริ่มจะเดินเหินไม่สะดวก ต้องใช้ไม้เท้าประคอง และมีพี่ตุ๊คอยดูแลใกล้ชิด หูก็เริ่มจะไม่ได้ยินชัดนัก แต่ความจำยังดีอยู่ ยังจำกันได้และพูดคุยทักทายกันเหมือนเดิม ยังมีเมตตาให้กับรุ่นน้องๆ รุ่นหลานๆ เหมือนเคย

ทราบมาโดยตลอดว่าน้าแอ๊ดเป็นที่รักของคนในวงการ และแฟนๆ ผลงาน เพราะการวางตัวที่ดี มีความเป็นผู้ใหญ่ที่มีใจเมตตา มีความเป็นกันเอง รักสนุกและอารมณ์ดีอยู่เสมอ จะไม่เคยได้เห็นน้าแอ๊ดโกรธหรืออารมณ์เสียเลย

ที่สำคัญคือ เป็นคนรักครอบครัวอย่างมาก

และไม่ว่าจะงานใด น้าแอ๊ดก็จะตั้งใจทำงานนั้นอย่างเต็มสติกำลัง ไม่เคยได้ยินผู้จัดคนใดมาบ่นว่าภายหลังให้ฟังเลย

นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า “พระเอกตลอดกาล”

 

สําหรับผม คำว่า “พระเอกตลอดกาล” ดูจะให้น้ำหนักไปในด้านผลงานเป็นหลัก จึงอยากใช้คำว่า “พระเอกตลอดชีวิต” สำหรับน้าแอ๊ดมากกว่า เพราะน้าแอ๊ดได้พิสูจน์แล้วว่านอกจากบทบาทพระเอกที่ตนสวมเพื่อแสดงแล้ว บทในชีวิตจริงที่ตนเองสวมวิญญาณมาตั้งแต่เด็กจวบจนสิ้นชีวิตไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 นั้น น้าแอ๊ดก็ได้ใช้วิธีคิด ใช้สติ และการกระทำ ที่บ่งบอกถึงการเป็น “พระเอก” จริงๆ

ขอร่วมแสดงความชื่นชมต่อการเป็น “สมบัติ เมทะนี” พระเอกในใจผู้ชมตลอดกาล และขอร่วมอาลัยต่อการจากไปอย่างสงบของ “น้าแอ๊ดที่รัก” คนนี้จากใจจริง

“สมบัติ เมทะนี พระเอกตลอดชีวิต” •