เผยแพร่ |
---|
รู้สึกหรือไม่ว่ามีความเคลื่อนไหวในลักษณะรุกเร้าและรุนแรงมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับในการเล่นงานไปยัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อย่างผิดปรกติ
ไม่เพียงแต่คนระดับ”ป๋าเทพ”จะออกโรง หากแต่ยังตามมาด้วยปฏิบัติการของ”ลุงเสรี”
มองอย่างผิวๆเผินๆเหมือนกับพบจุดเพลี่ยงพล้ำปรากฏ
เป็นความเพลียงพล้ำจากการจับเอาการวิ่งแล้ว”ไลฟ์”ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มาขยายคล้ายกับเอาแต่”วิ่ง”ไม่เด่นชัดในเรื่องการทำงาน
พลันที่อิทธิพลของ”มู่หลาน”แผ่กระจายจากน่านน้ำทะเลจีนเข้ามาสู่ประเทศไทย เกิดสถานการณ์น้ำท่วมอย่างทั่วหน้า การเน้นและขยายภาพในกรุงเทพมหานครจึงถูกตอกย้ำ ยืนยัน
ด้านหนึ่ง มีการโจมตี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าล้มเหลวในการบริหารจัดการกับปัญหา ด้านหนึ่ง มีการฟื้นรำลึกถึงผลงานและความยอดเยี่ยมของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง
ไม่เพียงเน้น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เท่านั้น หากชู พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาพร้อมกับคลองโอ่งอ่าง ช่องนนทรี
ปลายหอกกระหน่ำ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นจุดเดียว
ในสถานการณ์ที่มีฝนตกหนักและตามมาด้วยภาวะน้ำท่วมขังในกรุงเทพมหานคร ย่อมเป็นสถานการณ์อันเหมาะเหม็งยิ่งในการเล่นงาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
แต่ที่แหลมคมยิ่งกว่านั้นก็คือ สถานะที่เป็น”แคนดิเดต”นายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย
สถานะ”แคนดิเดต”นี้แม้จะอำลาจากพรรคเพื่อไทยและลงชิงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้รับเลือกแล้ว แต่ก็ยังดำรงอยู่ไม่สามารถยื่นใบลาออกได้
เมื่อเกิดสถานการณ์รุกไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องจากเดือนสิงหาคม 2557 ถึงเดือนสิงหาคม 2565 เป็นเวลา 8 ปีก็ยิ่งร้อนแรง
เกิดความหวาดกลัว เกิดความหวาดระแวงในฐานะที่ นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อยู่ใน”ตัวเลือก”หนึ่งทางการเมือง
ทั้งๆที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รีบออกมาปฏิเสธทุกครั้งที่มีเสียงเรียกร้องและเสนอว่ามีความเหมาะสมในตำแหน่ง”นายกรัฐมนตรี”เป็นอย่างยิ่ง
กระนั้น กระแสและความรู้สึกของสังคมสามารถก่อรูปขึ้นได้
ความพยายามในการ”ต่อต้าน”โดยกระบวนการบ่อนเซาะ ทำลายจึงเกิดขึ้นอย่างผิดสังเกตจากทีม”เรารักลุงตู่”
สะท้อนจุดที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการ”ไปต่อ”เด่นชัด