อดีต สมช.ชี้เหตุประยุทธ์ต้องพ้นตำแหน่ง8ปี รธน.เจตนารมณ์ชัดไม่ให้ผูกขาดบ้าอำนาจ ซัดก่อกรรมทำเข็ญจนบ้านเมืองบิดเบี้ยว

ศุกร์ 19 ส.ค.65 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)กล่าวว่าเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อครบ8ปีแล้วไม่ว่าจะเป็นต่อเนื่องหรือไม่ก็ตามก็ต้องพ้นตำแหน่งไปเพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาดบ้าอำนาจซึ่งเป็นเงื่อนไขการสร้างวิกฤติการณ์ให้กับประเทศ

ดังนั้นนายกฯที่เห็นแก่ประโยชน์และความสงบสุขของประเทศต้องมีสามัญสำนึกว่าสมควรจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เว้นแต่กิเลสมันครอบงำจนกลายเป็นภัยสังคมเสียเอง ”กาลเวลาพิสูจน์คน”มันใช่เสมอ เพราะ8ปีที่ผ่านมาสังคมไทยประจักษ์ชัดแล้วว่ากลุ่มคนยึดอำนาจสืบทอดอำนาจได้ก่อกรรมทำเข็ญให้กระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองบิดเบี้ยวจนคนรุ่นใหม่แห่งอนาคตเขามิอาจยอมรับได้และได้ศึกษากันอย่างถ่องแท้จนรับรู้ว่าขบวนการสืบทอดอำนาจคลั่งอำนาจนั้นมันคือภัยสังคมที่ก่อภาวะการณ์เป็นปัญหาที่รุนแรงซับซ้อนซ่อนเงื่อนและได้ยกระดับความเข้มข้นจากภัยสังคมกลายไปเป็นภัยคุกคามของชาติไปแล้ว

พล.ท.ภราดร ระบุด้วยว่าหากไม่ช่วยกันระงับยับยั้งจะส่งผลต่อความมั่นคงแห่งชาติของการปกครองระบอบประชาธิปไตยไม่ต่างจากวิกฤติการณ์ของบางประเทศเพื่อนบ้านและอดีตผู้นำบางชาติที่ต้องเผ่นออกมาพักชั่วคราวที่ไทยเราขณะนี้ ถ้ากระบวนการในสภาผู้แทนฯมิอาจหาทางออกให้กับบ้านเมืองได้ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามครรลองประชาธิปไตยที่ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงต้องออกมาแสดงบทบาททางตรงลงถนนสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่ต้องใช้พลังใช้เวลาการจัดการมากกว่าปกติเพราะมันเป็นการไปประจันหน้ากับขบวนการภัยคุกคามที่บ้าอำนาจหน้าด้าน ก็ขอภาวนาอย่าให้เกิดเหตุเช่นนั้น จะอย่างไรก็ตามท้ายที่สุดสถานการณ์ทางออกจากวิกฤติของบ้านเมืองมันก็ต้องจบลงที่การเลือกตั้งส.ส.ที่มีผลลัพธ์เป็นชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ของฝ่ายประชาธิปไตยเฉกเช่นการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. และนี่คือจุดหักเหเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านที่จะไม่ยินยอมให้เผด็จการหวนกลับมาครองเมืองอึกต่อไป