“หญิงหน่อย” จี้รัฐเร่งแก้วิกฤตพลังงาน ย้ำยกเป็นวาระแห่งชาติ ลดค่าครองชีพปชช.

“สุดารัตน์” จี้รัฐเร่งแก้วิกฤตพลังงานเร่งด่วน ชี้ถึงเวลาปรับโครงสร้างราคา ที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง ควรยกเป็น “วาระแห่งชาติ” ให้นายกฯนั่งหัวโต๊ะเรียกถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs

 

วันที่ 30 มิถุนายน 2565 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่ารัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาวิกฤตพลังงานอย่างเร่งด่วน ต้องยกเป็น”วาระแห่งชาติ” เพราะวิกฤตพลังงานนอกจากจักระทบกับค่าครองชีพ และหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่แล้ว ยังกระทบกับขีดความสามารถด้านการแข่งขันที่ต้องผลิตสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้นนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องนั่งหัวโต๊ะประชุมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อดำเนินการแก้วิกฤตพลังงานโดยด่วน ในฐานะนายกเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่ใช้ทหารมานั่งแก้วิกฤติพลังงานและเศรษฐกิจ

พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าวิกฤตพลังงานเกิดจากโครงสร้างราคาน้ำมันและราคาแก๊สไทย ที่ไม่สะท้อนกับต้นทุนการผลิตที่เป็นจริง จึงถึงเวลาแล้วที่รัฐควรจะทบทวนสูตรการคำนวณทั้งราคาน้ำมันและราคาแก๊สใหม่
เช่นโครงสร้างราคาแก๊ส LPG ที่คิดราคาอ้างอิงนำเข้าจาก Ras Tanura ประเทศซาอุดิอาระเบีย รวมค่าขนส่งมายังประเทศไทย ทั้งที่จริง LPG ที่ใช้อยู่มาจากแหล่งบงกต แหล่งเอราวัณ แหล่งลานกระบือ แต่ไม่สามารถบริหารจัดการให้ราคา LPG ใช้ราคาถูกได้ ทั้งที่ประเทศไทยสามารถผลิตได้ 3.3 ล้านตัน แต่ได้จัดสรรแก๊ส LPG จำนวน 2.7 ล้านตันให้กับโรงงานปิโตรเคมี ได้ใช้งานก่อนประชาชน

จึงทำให้แก๊ส LPG ไม่เพียงพอกับการบริโภคของครัวเรือนภายในประเทศ ทั้งที่ประชาชนใช้เพียง 2 ล้านตัน ซึ่งถ้าหากจัดสรรแก๊ส LPG ที่ผลิตภายในประเทศให้ประชาชนก่อน เป็นอันดับแรก ก็จะเพียงพอกับการบริโภคภายในประเทศ เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนคนตัวเล็ก ส่วนโรงงานปิโตรเคมี หากแก๊ส LPG ที่ผลิตในไทยไม่เพียงพอ ค่อยดำเนินการให้ซื้อแก๊ส LPG จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการให้ดำเนินการได้ในทันที เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนคนตัวเล็ก เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ให้ทุกคนสามาถลดค่าครองชีพได้ในยามวิกฤตเช่นนี้

“ดิฉัน เห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งดำเนินลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนคนตัวเล็กให้สามารถทำมาหากินได้ โดยต้องทำให้เป็น”วาระแห่งชาติ”แก้ไขวิกฤตพลังงานอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะ นายกสามารถให้นโยบายแก่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน ทั้งน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า และขนส่งสาธารณะ ให้เปลี่ยนตัวชี้วัด KPIใหม่ แทนที่จะต้องเน้นการกำไรเข้ารัฐ มาเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนแทน รวมถึงช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เพื่อลดต้นทุนการผลิตเป็นขั้นบันได เพื่อให้ขีดความสามารถในการผลิตสินค้าส่งออกมายังตลาดได้ เพราะต้นทุนลดลง

นอกจากนี้ ดิฉันสนับสนุนมาตรการประหยัดพลังงานของรัฐบาล แต่ต้องมีนโยบายที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่การให้ประชาชนหันใช้เตาอังโล่มหาเศรษฐี แทนการใช้เตาแก๊ส ซึ่งมาตรการประหยัดพลังงาน รัฐบาลต้องทำเป็นตัวอย่าง โดยเริ่มจากทำเนียบรัฐบาล หน่วยงานกระทรวง และสภา ด้วยการตั้งตัวชี้วัด KPI ลดการใช้ไฟฟ้าลดลง อาทิลดอุณหภูมิแอร์ที่ 25 องศา และไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อสูทไปทำงาน อาจจะเป็นเสื้อแขนสั้นแบบสุภาพแทน เพื่อเป็นตัวอย่างแคมเปญรณรงค์อย่างจริงจังทั่วประเทศ”คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว