“อรุณี” ชี้ 90 ปี ประชาธิปไตยไทย แม้เจออุปสรรคแต่ยังมีหวัง ลั่นปชช.มีอำนาจเปลี่ยนแปลงประเทศได้

วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ดร.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นในวาระครบรอบ 90 ปี การปฏิวัติสยามของผู้ก่อการในนามคณะราษฎรเพื่อโค่นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่กำลังเสื่อมถอยและเปลี่ยนสยามด้วยระบอบประชาธิปไตยเพื่อเปลี่ยนโฉมประเทศและประชาชนเข้มแข็งและก้าวหน้าว่า แต่ตลอดพัฒนาการเข้าสู่ปีที่ 90 กลับเจออุปสรรคจากการรัฐประหารและการปกครองของระบอบเผด็จการทหารที่ได้รับการสนับสนุนโดยเครือข่ายฝ่ายจารีตนิยมในการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงว่า

90 ปี ประชาธิปไตยไทยมีความหวัง ?

วันนี้เมื่อ 90 ปีที่แล้ว คือวันแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรผู้เป็นคนรุ่นใหม่แห่งยุคสมัยได้ใช้สติปัญญาและความกล้าหาญ เปลี่ยนผ่านประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ
.
การเดินทางที่ยาวนานของประชาธิปไตยในไทยได้เริ่มต้นขึ้น นับจากวันนั้น ถึง วันนี้ 90 ปีล่วงผ่าน การเดินทางเพื่อถึงเส้นชัย คือการทำให้เป็นประชาธิปไตยไทยเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ถึงไหนแล้ว ?
.
แต่ดูเหมือนอุปสรรคที่ขัดขวางการลงหลักปักฐานของประชาธิปไตยในไทย ตลอด 90 ปี คือ การทำรัฐประหาร ทุกครั้งของการทำรัฐหาร เหตุผลหลักที่ใช้เข้ามาปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลฝ่ายพลเรือน ความมั่นคงและความเรียบร้อย ไม่แปลกใจที่ประเทศไทยจะผ่านการทำรัฐประหารมากถึง 13 ครั้ง ซึ่งมากเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากโบลิเวีย ปารากวัย และเฮติ หรือเฉลี่ยแล้วประเทศไทยจะมีรัฐประหารทุกๆ 6.8 ปี
.
ประชาธิปไตยไทยผ่านการถูกฉีกรัฐธรรมนูญและร่างใหม่แล้วฉีกอีกรอบเพื่อร่างใหม่อีกครั้ง จนเรามีรัฐธรรมนูญมากถึง 20 ฉบับ ซึ่งมากเป็นอันดับ 4 เช่นกัน รองจากโดมินิกัน เวเนซุเอลา และเฮติ หรือเฉลี่ยแล้วประเทศไทยเปลี่ยนรัฐธรรมนูญทุกๆ 4 ปี
.
ถึงจุดนี้ หญิงมองว่าแล้วประชาธิปไตยไทยจะไปต่อได้อย่างไร ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยเต็มใบได้ไหม ?
.
หากมองย้อนกลับไปตลอด 90 ปี ที่ผ่านมาการเดินทางของประชาธิปไตยไทยแม้ว่าจะล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง ถูกอุปสรรคนานัปการขวางกั้น หรือถูกเผด็จการและฝ่ายจารีตคอยเป็นตัวถ่วงในแต่ละก้าว แต่ไม่อาจฉุดรั้งประชาธิปไตยในโลกสมัยใหม่ได้เลย การเข้าถึงเทคโนโลยี เข้าถึงข้อมูล ส่งต่อข้อมูล แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันของประชาชนในโลกออนไลน์ คือส่วนสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตย ประชาชนเข้าใจ รู้สึกถึงโครงสร้างทางสังคมที่ไม่ความเทียม การเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองเริ่มปรากฎให้เห็นเด่นชัดในหมู่คนรุ่นใหม่ ประวัติศาตร์ของประชาธิปไตยไทยได้ถูกศึกษาและทำความเข้าใจใหม่ กลายเป็นพลังที่ทรงพลานุภาพ ว่าทุกคนมีสิทธิและมีพลังในการเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ตัวอย่างที่สะท้อนคือการเลือกตั้ง ผู้ว่า กรุงเทพ ที่ผ่านมาคะแนนเสียงที่ถล่มทลาย 1.3 ล้านของ ผู้ว่ากทม.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การทำงาน รูปแบบการหาเสียง ในทุกๆมิติ คือภาพสะท้อนของการเมืองที่กำลังจะเป็นไปและประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน
.
อย่างไรก็ดี แม้เราจะมีความหวังมากขึ้นกับประชาธิปไตยที่เติบโตและเบ่งบาน แต่การเมืองระดับชาติยังมีอุปสรรคที่สำคัญ คือ ส.ว. ถึงแม้ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 60 จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเลือกตั้งบัตร 2 ใบ แต่อำนาจของ ส.ว. 250 ยังคงเป็นกลไลสำคัญในการสืบทอดอำนาจของเผด็จการซ่อนรูป
.
รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 “ดีไซต์มาเพื่อพวกเรา” จึงยังมีมนต์ขลังเมื่อมีเสียง ส.ว.250 ยกมือให้ แม้สภาพของรัฐบาลจะเหมือนซอมบี้เดินได้ แต่เหล่าพรรคร่วมรัฐบาลก็พร้อมเกาะเกี่ยวกันเพื่อไปต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเขื่อว่าพรรค ส.ว.250 คือผู้กำหนดชะตา
.
วิธีเดียวที่จะปัดเป่าเผด็จการให้สิ้น และแสดงพลังประชาธิปไตย คือ ประชาชนต้องแสดงพลังผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่ใช่เพียงการต่อสู้ทางอุดมการณ์เท่านั้น ปากท้อง เศรษฐกิจของประเทศ จะกลายเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนต้องตระหนักด้วย เพราะประเทศไทยกำลังถึงทางตัน “การเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ” ที่ประชาชนต้องเรียนรู้และเข้าใจ
.
เราต้องไม่ลืมว่า 90 ปีที่ผ่านมาเราต่อสู้กับอะไร? วันนี้กลุ่มอำนาจเก่าอนุรักษ์นิยม กำลังกลัวการเปลี่ยนผ่านและกลัวการสูญเสียอำนาจและเรียนรู้จะอยู่กับอำนาจให้นานที่สุดด้วยกลไกลของรัฐธรรมนูญ กฎหมายและรถถัง
.
หญิง ขอเป็นหนึ่งเสียงในฐานะประชาชนคนทั่วไปคนหนึ่ง ที่จะบอกกับพี่น้องประชาชนว่าเรามีอำนาจมากพอ ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ ถ้าการเลือกตั้งมาถึง โดยการเลือกพรรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย เลือกพรรคที่ยึดมั่นในประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อโค้นอำนาจเผด็จการ ทุกวันนี้เมื่อเราหันมองรอบตัว คุณภาพขีวิตเราดีขึ้นไหม? เพราะความจนไม่เคยปราณีใคร ถึงเงินจะสำคัญก็จริง **แต่เราต้องไม่ลืมว่าในวันเลือกตั้งเรากำลังเลือกอนาคตประเทศ และเราสามารถกำหนดอนาคตประเทศได้
.
90 ปีที่ประชาธิปไตยไทยเดินทางมาเริ่มมีความหวัง เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ลงรากฐาน เติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างมั่นคง หญิงต้องขอบคุณและเคารพด้วยใจ ในการต่อสู้ของคนทุกรุ่น ทั้งในประวิติศาสตร์-ปัจจุบัน ที่ต่อสู้มา เพราะมันทำให้เราๆตระหนักรู้ว่าอำนาจของประชาชนมีเสมอในการเลือกตั้ง ในการตรวจสอบ ในการเรียกร้องสิทธิต่างๆ ประชาธิปไทยเต็มใบไม่ใช่สิ่งที่ฝัน แต่กำลังจะกลายเป็นฝันที่เป็นจริง