เอสไอพีอาร์ไอ เตือนอาวุธนิวเคลียร์จะเพิ่มจำนวนขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเย็น

เอสไอพีอาร์ไอ เตือนอาวุธนิวเคลียร์จะเพิ่มจำนวนขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเย็น

 

สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสต็อกโฮล์ม (เอสไอพีอาร์ไอประเทศสวีเดน หน่วยงานคลังสมองด้านความขัดแย้งและยุทโธปกรณ์ ชั้นนำ ระบุเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนเตือนว่าอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลกจะเพิ่มจำนวนขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้หลังจากสงครามที่รัสเซียรุกรานยูเครนสร้างความตึงเครียดให้กับ 9 ชาติผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของโลก

เอสไอพีอาร์ไอ ระบุว่า แม้จำนวนหัวรบนิวเคลียร์จะลดลงเล็กน้อยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ถึงเดือนมกราคม 2022 จาก 13,080 เหลือ 12,705 ลูก แต่หากบรรดามหาอำนาจนิวเคลียร์ไม่ดำเนินการใดๆที่จำเป็น จำนวนหัวรบนิวคลียร์จะเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

ชาติผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์กำลังเพิ่มจำนวนและพัฒนาอาวุธของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น และส่วนใหญ่เริ่มใช้วาทกรรมเกี่ยวกับนิวเคลียร์มากขึ้น และบทบาทในเชิงยุทธศาสตร์ของอาวุธนิวเคลียร์ในกองทัพก็แหลมคมมากขึ้น” วิลเฟรด วานผู้อำนวยการโครงการอาวุธทำลายล้างสูงของ เอสไอพีอาร์ไอระบุ และว่า แนวโน้มดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้แนวโน้มดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นจาก วลาดิมีร์ ปูติน สั่งให้หน่วยต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ ของรัสเซียเฝ้าระวังสูงสุด หลังจากรัสเซีย นำกำลังบุกยูเครนได้เพียง 3 วันเท่านั้น นอกจากนี้รัสเซียยังเตือนด้วยว่าประเทศใดก็ตามที่ขวางทางรัสเซียจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์

แนวโน้มดังล่าวยิ่งน่ากังวลมากขึ้นเมื่อรัสเซียเป็นผู้ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ที่มากที่สุดในโลกที่ 5,977 หัวรบมากกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 550 หัวรบ ขณะที่จำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่สองชาติครอบครองรวมกันนั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง90 เปอร์เซ็นต์ของหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมดทั้่วโลก โดยในเวลานี้มีหัวรบนิวเคลียร์ถูกติดตั้งไปที่ขีปนาวุธและเครื่องบินรบแบบพร้อมใช้ราว 2,000 หัว โดยเกือบทั้งหมดเป็นของสหรัฐและรัสเซีย