เมื่อจะพลิกคดีแตงโมเป็นฆาตกรรม/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

เมื่อจะพลิกคดีแตงโมเป็นฆาตกรรม

 

คดีดาราสาวแตงโม ยังคงมีประเด็นแปลกๆ แหวกแนว ปรากฏออกมาไม่สิ้นสุด ตราบใดที่สำนวนคดีหลักที่พนักงานสอบสวนตำรวจส่งให้อัยการตรวจสอบกลั่นกรองนั้น ยังไม่ถึงขั้นตอนสำคัญ

นั่นคือขั้นตอนการสรุปในชั้นอัยการ จะมีความเห็นส่งฟ้องผู้ต้องหา โดยยึดแนวทางตามที่ตำรวจนำเสนอหรือไม่

ถ้าหากอัยการสรุปสั่งฟ้อง ในข้อหากระทำโดยประมาท จนเป็นเหตุให้แตงโมเสียชีวิต ซึ่งไม่ใช่การฆาตกรรม

ถ้าอัยการสรุปอย่างเป็นทางการเช่นนี้ ก็คงทำให้คดีมีความชัดเจนอย่างมากขึ้น

ชัดเจนว่า ที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานนำเสนอนั้น อัยการตรวจสอบกลั่นกรองแล้ว โดยอาจจะมีให้สอบสวนเพิ่มในบางประเด็นเพื่อให้รอบคอบรัดกุมขึ้น แต่ถ้าไม่พลิกไปจากแนวเดิมของตำรวจ

จะเป็นคำตอบในระดับหนึ่งว่า ที่ตำรวจสรุปคดีมา ที่รวบรวมพยานหลักฐานมานั้น อัยการดูแล้วเห็นว่ามีน้ำหนักเชื่อถือได้

ไม่ใช่คดีที่ทำสำนวนมั่วๆ เพียงเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาจากหนักเป็นเบา ดังที่โดนโจมตีกล่าวหา

อัยการเป็นอีกหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องตรวจสอบสำนวนคดีที่ตำรวจนำเสนอขึ้นมา ถ้าหากสำนวนคดีมีพิรุธ มีการบิดเบนเพื่อช่วยเหลือคนกระทำผิด ย่อมปรากฏร่องรอยความเละเทะมากมาย เช่น พยานหลักฐานไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐานไม่มีความน่าเชื่อถือ

ถ้าเป็นเช่นนี้อัยการต้องมีความเห็นไปอีกอย่าง หรือสั่งสำนวนตรงข้ามกับตำรวจ

คดีโด่งดังระดับการเสียชีวิตของดาราสาว คนเฝ้ามองกันทั้งเมืองขนาดนี้ ถ้าตำรวจทำคดีชุ่ยจริง อัยการคงไม่ขอร่วมรับผิดชอบ ไม่เออออห่อหมกไปด้วยแน่ๆ

เดิมทีอัยการจังหวัดนนทบุรีเจ้าของสำนวน ได้นัดหมายผู้ต้องหาในวันที่ 27 พฤษภาคม เพื่อเตรียมส่งฟ้องต่อศาล แต่เนื่องจากสำนวนคดีที่อัยการจังหวัดพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วนั้น ต้องนำเสนออัยการภาคพิจารณาอีกชั้น จึงต้องเลื่อนออกไปเป็นปลายเดือนมิถุนายน

แต่ท่าทีของอัยการจังหวัดค่อนข้างชัดว่า ได้สรุปคดีเรียบร้อยแล้ว มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องทั้งหมด ในฐานความผิดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้แตงโมถึงแก่ความตาย

ยืนยันรูปคดีเป็นไปตามที่ตำรวจนำเสนอมานั่นเอง!

 

มีความพยายามจากกลุ่มคนที่ยืนยันว่า การเสียชีวิตของแตงโม เป็นการฆาตกรรม ประกาศจะยื่นฟ้องศาลเองในข้อหาฆาตกรรม โดยมีแม่ของแตงโมเป็นโจทก์ด้วยตัวเอง

หากตัดสินใจยื่นฟ้องตรงต่อศาลเอง ก็คงจะต้องมีการนำเสนอพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ เพื่อให้ศาลพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่

ที่น่าสนใจติดตามคือ การยืนยันว่าแตงโมถูกฆ่า ไม่ได้ตกน้ำตายเอง ซึ่งหักล้างกับสำนวนคดีที่ตำรวจนำเสนอ และมีแนวโน้มอัยการจะเห็นพ้องสั่งฟ้องในข้อหาเดียวกันนั้น

กลุ่มคณะที่ผลักดันคดีฆาตกรรมนี้ ทำไปตามความเชื่อ ความสงสัย โดยมีพยานหลักฐานรองรับแค่ไหน คงต้องรอพิสูจน์กันต่อไป หากมีการยื่นฟ้องข้อหาฆาตกรรมต่อศาลจริง

แต่ในส่วนสำนวนและพยานหลักฐานของตำรวจนั้น บัดนี้เข้าสู่ขั้นตอนกลั่นกรองตรวจสอบชั้นแรกไปแล้ว ซึ่งอัยการมีท่าทีจะสั่งฟ้องตามข้อหาเดียวกันกับตำรวจ

ทั้งนี้ ตามรูปคดีของตำรวจที่อยู่ในมืออัยการขณะนี้ อ้างอิงหลักฐานการตรวจจีพีเอส ที่เห็นเส้นทางเรือลำนั้นตลอดทั้งคืน ไม่พบว่าเรือจะไปจอดส่งแตงโมขึ้นฝั่งอย่างผิดปกติตรงไหน เชื่อว่าแตงโมอยู่ในเรือจนตกน้ำเสียชีวิต

สภาพศพของแตงโมพิสูจน์โดยแพทย์นิติเวช ไม่มีการทุบตีทำร้าย ศีรษะ ร่างกาย ฟัน เป็นปกติ ไม่มีการบีบคอ สภาพบนเรือตรวจทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีร่องรอยคราบเลือดแน่ๆ ขณะที่เสื้อผ้าแตงโมอยู่ในลักษณะเรียบร้อยทุกชิ้น ไม่มีการฉุดกระชากฉีกขาด มีหลุดหายเพียงผ้าพันเอวชิ้นเดียว

นอกจากนั้นขณะนำศพขึ้นมาจากน้ำใหม่ๆ ได้บันทึกภาพเห็นว่า สภาพบอดี้สูท ไม่เรียบร้อยบริเวณเป้า ตรงกับที่แซนให้การว่า แตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ พร้อมกับอธิบายท่าทางและวิธีปัสสาวะ

ตามร่างกายส่วนบนของแตงโม ไม่มีบาดแผลใดๆ พบบาดแผลอยู่ในท่อนขาทั้งหมด โดยเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นในจังหวะที่พลัดตกจากเรือ ถ้าหากจะเข่นฆ่ากัน บาดแผลควรจะปรากฏอยู่ท่อนบนร่างกายมากกว่า

ในสำนวนของตำรวจ ยังระบุถึงการตรวจสอบมือถือของทั้ง 5 คนบนเรือ ซึ่งตำรวจได้ไปสอบปากคำ บรรดาเจ้าของหมายเลขที่ติดต่อกันกับคนบนเรือทั้งหมด ไม่พบว่าจะมีการนัดหมายใครในลักษณะผิดปกติ ไม่มีการรับงานบริการใดๆ อย่างที่ร่ำลือกัน

สำคัญจากการตรวจสอบพบนาทีที่แตงโมตกจากเรือนั้น ยังพบอีกว่า จากนั้นในช่วงประมาณ 15 นาทีนับจากนาทีที่แตงโมตกเรือ โทรศัพท์มือถือของคนบนเรือทั้ง 5 ได้โทร.ออกอย่างถี่ยิบ แต่ละคนโทร.ออกไปคนละหลายเบอร์ รวมแล้วหลายสิบเบอร์

ตำรวจได้สอบปากคำเจ้าของสายปลายทางทั้งหมด ได้ให้การว่า ได้รับโทรศัพท์จากคนบนเรือ ในอาการตกใจ พร้อมกับบอกเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือ และควรจะทำอย่างไร

จากการประมวลคำให้การของบรรดาผู้ที่ได้รับโทรศัพท์จากคนบนเรือ พบว่าทั้งหมดเล่าเหตุการณ์แบบสดๆ ร้อนๆ ปนตื่นตระหนก

ขณะนั้นเป็นเพียงไม่กี่นาทีหลังเกิดเหตุ ซึ่งคนบนเรือยังไม่ได้ตั้งหลัก ยังไม่ได้หารือวางแผนรับมือกับคดี จึงมีน้ำหนักว่า เป็นการเล่าเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น

บทสนทนาทางโทรศัพท์ช่วง 15 นาทีหลังเกิดเหตุใหม่ๆ แถมเป็นการคุยกับคนหลายสิบราย จึงเป็นคำบอกเล่าเหตุการณ์ที่มีน้ำหนักและน่าจะเป็นจริงที่สุด

เป็นพยานหลักฐานส่วนหนึ่งที่สอดคล้องกับอีกหลายๆ พยานหลักฐาน จึงทำให้ตำรวจสรุปว่า เป็นการกระทำโดยประมาทของคนบนเรือเป็นเหตุให้แตงโมเสียชีวิต ไม่ใช่ฆาตกรรม!

 

ถัดจากนี้ เมื่ออัยการสรุปผลการตรวจสอบสำนวน และหากมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในข้อหาที่สอดคล้องกันกับสำนวนของตำรวจ

เท่ากับตำรวจสอบผ่านชั้นแรก

ชั้นต่อไป เมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาในศาล คราวนี้จะมีการเปิดพยานหลักฐานทั้งหมดขึ้นมาพิสูจน์ในศาล

เมื่อถึงขั้นตอนพิพากษา จะเป็นการยืนยันอย่างถึงที่สุดว่า ตำรวจทำคดีนี้แบบปกปิดงุบงิบ หรือทำไปตามข้อเท็จจริง โดยมีพยานหลักฐานอันหนักแน่นรองรับ

ถ้าย้อนกลับไปมองคดีดังๆ ที่การทำงานของตำรวจถูกวิจารณ์ว่า รับสินบน บิดเบือนช่วยเหลือคนผิด แต่ลงเอยก็พิสูจน์ความจริงได้ ในชั้นอัยการ และในชั้นศาล

เช่น คดีนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ยิงตัวตาย แต่คนในสังคมก็ไม่เชื่อการสรุปของตำรวจ โดยเชื่อว่าถูกฆ่า เนื่องจากเป็นตระกูลอาถรรพ์ มีการโหมกระแสฆาตกรรม นำทีมโดยหมอคนดังที่ชอบเป็นนักสืบ ผลักดันจนกองปราบฯ พลิกคดี จับกุมนายนพดล ธรรมวัฒนะ น้องชาย เป็นจำเลยฆ่าพี่ชาย

สุดท้ายสู้คดี 3 ศาล ไม่มีพยานหลักฐานที่ชี้ได้ว่าเป็นการฆาตกรรม นายนพดลเสียเวลาเสียเงินทองพิสูจน์ตัวเองอยู่หลายปี ลงเอยคดีนี้ก็ต้องกลับไปสู่บทสรุปแรกของตำรวจที่ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

เพราะหากเป็นการฆ่าโดยจัดฉากว่ายิงตัวเองตาย เมื่อไม่มีการวางยาสลบ ก็ต้องใช้ชายฉกรรจ์หลายคนมาจับล็อกตัว แล้วเอาปืนมาจ่อ พร้อมกับลั่นไก เช่นนี้แล้ว รอยเลือดที่ไหลตามร่างกายผู้ตายต้องไม่ครบถ้วน รวมทั้งต้องมีร่องรอยชายฉกรรจ์ปรากฏในห้องที่เกิดเหตุ

ความเชื่อที่ว่าจัดฉากฆ่าจึงเป็นการคิดไปเอง โดยไม่มีพยานหลักฐานรองรับ และพิสูจน์ชัดในศาล

หรือคดีนายเอกยุทธ์ อัญชันบุตร ซึ่งตำรวจจับคนขับรถกับเพื่อน เป็นการฆ่าเพราะประสงค์ต่อทรัพย์ แต่มีการโหมกระแสฆ่าโดยใบสั่งการเมือง ลงมือโดยทีมสังหารมืออาชีพ กล่าวหาตำรวจจับแพะ บิดเบือนคดี

ทั้งที่ผู้ต้องหาที่ตำรวจจับ พาไปขุดศพที่เอาไปฝังบนเขา พาไปที่ซ่อนเงิน ได้ครบถ้วน ทั้งผู้ต้องหารับสารภาพทั้งชั้นตำรวจและในศาล ไม่เคยโวยว่าเป็นแพะ จนคดีจบครบ 3 ศาลไปแล้ว

รวมทั้งคดีฆ่านักท่องเที่ยวเกาะเต่า ที่โซเชียลขุดคุ้ยจับผิดตำรวจ เหมือนกับคดีแตงโมนี่แหละ ลงเอยศาลลงโทษ 2 จำเลย โดยพบว่าพยานหลักฐานของตำรวจชัดเจน ไม่ใช่การจับแพะ ตัดสินประหารทั้ง 3 ศาล

จน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ถึงกับยกคดีเกาะเต่ามาเปรียบเทียบว่า สุดท้ายคดีแตงโมจะจบเหมือนคดีเกาะเต่านั่นเอง!