ธุรกิจพอดีคำ : “กระดาษ และ ดวงจันทร์”

ผมเป็นเด็กเรียนดีครับ

จำได้ว่า วิชาที่ชอบมากคือ วิชาเลข

ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บวก ลบ คูณ หาร ไม่เคยจะเป็นปัญหา

เพื่อนๆ มักจะคอยให้สอนอยู่เสมอ

จำได้ว่า เรียน บวก ลบ คูณ หาร มาเรื่อยๆ จนกระทั่ง “มัธยมต้น” ก็มาพบกับ “ของใหม่”

อาจารย์ถามว่า “รู้มั้ย ต้องเอากระดาษกี่แผ่นมาวางซ้อนกัน ถึงจะหนาเท่าระยะทางจากโลกไปดวงจันทร์”

ผมจำได้ว่า ตอบไม่ได้หรอกครับ

รู้ว่า มันก็คงนับไม่ถ้วน ก็กระดาษมันบางนิดเดียวเอง

ระยะทางจากโลกไปดวงจันทร์ ก็คงจะหลายแสนกิโลเมตร

อาจจะเป็นล้านด้วยซ้ำ

ของแบบนี้ หารยาวนิดหน่อย ก็พอจะได้คำตอบครับ

จำได้ว่า อาจารย์ถามต่อ

“แล้วถ้าอาจารย์ให้กระดาษเธอแค่แผ่นเดียวล่ะ เธอจะทำให้มันหนาเท่าระยะทางจากโลกไปดวงจันทร์ได้มั้ย”

ผมทำงานอยู่บริษัท “พลังงาน” ครับ

เวลาพูดถึงพลังงาน ทุกท่านอาจจะนึกถึงน้ำมัน ไฟฟ้า อะไรประมาณนี้ที่ทุกท่านใช้กันทุกวัน

น้ำมัน เอาไว้เติมรถ

ไฟฟ้า ก็ใช้ภายในบ้าน ที่ทำงาน

ลองนึกดูเล่นๆ นะครับว่า ถ้าวันหนึ่ง น้ำมันที่ปั๊มน้ำมันหมด ไม่มีให้เติม ไฟฟ้าที่บ้าน ที่ทำงาน ดับสนิท ไปสักวัน

จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเรา

เปิดคอมพิวเตอร์ไม่ได้ เดินทางไม่ได้ โทรศัพท์ก็แบตหมด โทร.ไม่ได้

ก็ไม่ต้องทำงานทำการกัน

เรื่องของ “พลังงาน” เป็นเรื่องที่เรา “มี” จนเป็นเรื่องปกติครับ

ถามว่า “พลังงาน” มาจากไหน

ตอบเร็วๆ น้ำมันดิบ เรานำเข้ามาเกือบทั้งหมดครับ

งบประมาณประเทศนี่แหละ

ส่วนไฟฟ้า เกินครึ่ง เราผลิตจาก “ก๊าซธรรมชาติ” ที่เราเอาขึ้นมาได้จากผืนดินใต้ทะเลลึก ในอ่าวไทยบ้านเรานี่เอง

ซึ่ง “พลังงาน” ทั้งสองอย่างนี้ เราเรียกมันว่า “พลังงานที่ใช้แล้วหมดไป (Non-Renewable Energy)” ใช้ไปแล้ว เรียกกลับคืนมาไม่ได้ มีแต่ต้องหามาเพิ่มเติม

ถ้าเราไม่ช่วยกันประหยัดพลังงาน “รายจ่าย” ของประเทศก็จะเพิ่มมากขึ้นครับ

อะแฮ่มๆ พานอกเรื่องออกไปไกล สงสัยจะอินกับงานไปหน่อย ขออภัยครับ

เข้าเรื่องๆ

พลังงานที่มีการพูดถึงกันมาdในยุคนี้ มาจาก “แสงอาทิตย์” ครับ

หรือที่เราเรียกกันคุ้นปากว่า “โซลาร์”

ติดบนหลังคาก็ได้ ทำเป็นฟาร์มใหญ่ๆ เลยก็ดี

ที่จริงแล้ว พลังงาน “โซลาร์” นั้น มีการพูดถึงมากมานานแล้วครับ

ก็เพราะแรกสุดเลย คือมัน “สะอาด” และเป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ไม่ต้องมีการเผาไหม้ใดๆ ให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ไปทำลาย “โอโซน” ให้โลกมันร้อน

แถมใช้ได้ไม่มีวันหมดเสียด้วย หรืออย่างน้อยก็จนกว่า “พระอาทิตย์” จะมอดดับไป

แต่ที่น่าสนใจที่ทำให้ “โซลาร์” มีการพูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน เป็นเรื่องของ “ราคา” ที่ถูกลง จนเทียบเท่าพลังงานจากแหล่งพลังงานปัจจุบันเช่น ก๊าซธรรมชาติ

ส่งผลให้มีคน “ติดตั้ง” เจ้าแผงโซลาร์นี้กันอย่างแพร่หลาย

แพร่หลายขนาดไหนน่ะหรือครับ

ก็ขนาดที่ “ผู้เชี่ยวชาญ” ระดับโลก ยังนึกไม่ถึง

International Energy Agency หรือ IEA ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลพลังงานระดับโลกนั้น “หน้าแตก” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งนะครับ แต่เป็น “สิบ” ครั้ง กับการพยากรณ์ที่ “ผิดพลาด”

IEA จะพยากรณ์การติดตั้งแผงโซลาร์ในอนาคตทุกปี แล้วก็ต้อง “ทำใหม่” ทุกปี เพราะคาดการณ์ผิด “น้อยไป” กว่าความเป็นจริงเสมอ

เป็นแบบนี้ทุกปี ตั้งแต่ปี 2002

เวลาพวก “ผู้เชี่ยวชาญ” เขาพยากรณ์อะไรสักอย่าง เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากครับ ประมาณคร่าวๆ ว่าตัวเลขจะโตขึ้นสักปีละกี่เปอร์เซ็นต์ ไปข้างหน้า ซึ่งผลของมันก็คือ การพยากรณ์จะเป็น “เส้นตรง” เสมอ

โตปีละ 5% ไปเรื่อยๆ ก็ลากเส้นตรงต่อไปในอนาคต ง่ายๆ แค่นี้

หากแต่ว่า “การเติบโต” ของโซลาร์นั้น ไม่ใช่ “เส้นตรง” แต่เป็น “ทวีคูณ หรือ เอ็กซ์โปแนนเชียล (Exponential)”

เอาแนวคิดในการทำ “พยากรณ์” แบบเส้นตรงหรือที่เรียกว่า “Linear Thinking” มาใช้ จึงผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นี่แหละ เขาถึงว่า ใครที่ไปเชื่อ “ผู้เชี่ยวชาญ” หรือ “ที่ปรึกษา” อย่างหัวปักหัวปำ

ก็อาจจะทำให้พลาด “โอกาส” ในการทำธุรกิจหลายๆ อย่างได้ง่ายๆ

หลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ยิน “กฎของมัวร์ (Moore”s Law)” ของ กอร์ดอน มัวร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอินเทล (Intel)

เขาสังเกตว่า ขนาดของหน่วยประมวลผลนั้น จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ปีละ “2 เท่า” นั้นหมายถึง คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประมวลผล เร็วขึ้นได้ปีละ “2 เท่า”

ในเชิงคณิตศาสตร์ นี่คือการเติบโตแบบ “เอ็กซ์โปแนนเชียล (Exponential) หรือ 2x”

การเติบโตของ “ระบบประมวลผล” ที่เร็วขึ้นแบบ “ทวีคูณ” นี้ ส่งผลต่อ “เทคโนโลยี” ต่างๆ ทางด้านดิจิตอล เติบโตเร็วอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ถ้าเราอยากจะหยั่งรู้อนาคตได้บ้าง เราจะต้องมีสิ่งหนึ่งที่เขาเรียกกันว่า “ความคิดแบบทวีคูณ (Exponential Thinking)”

เทคโนโลยีจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด

บริษัทเกิดใหม่ (Start-Up) ที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ก็จะสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ส่งผลให้โลกใบนี้เติบโต เปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด

นักพยากรณ์ หรือผู้บริหารที่ยังคิดอะไรบนการเติบโตปีละ “ไม่กี่เปอร์เซ็นต์”

ชอบลากเส้นต่อจุดอดีตมาถึงปัจจุบัน และลากต่อเป็น “เส้นตรง” ไปสู่อนาคต

ใช้การทำงานช้าๆ ใน “อดีต” มาตัดสินโลก “อนาคต” ที่เปลี่ยนแปลงอย่างทวีคูณ อย่างไร้ซึ่งวิสัยทัศน์

ก็จะต้อง “พ่ายแพ้” ในเกมธุรกิจ อย่างไม่ต้องสงสัย

คิดออกรึยังครับ กระดาษหนึ่งแผ่น จะทำให้มันหนาไปถึงดวงจันทร์ได้อย่างไร

ถ้าคุณทำได้ ลองพับกระดาษของคุณไปเรื่อยๆ สัก 50 ทบ สิครับ

ตัวเลขน้อยๆ อย่างความหนาของกระดาษ ไม่ถึง “มิลลิเมตร”

ลองถ้าคูณ 2 ยกกำลัง 50 แล้วละก็

“ดวงจันทร์” ก็ไปถึงครับ

นี่แหละ การเติบโตแบบ “เอ๊กซ์โปเนนเชียล”