คดีแตงโมอลหม่าน แม่หันซบมงคลกิตติ์ ฟ้องนัว-ปมขู่กระทืบ ‘กระติก’ แจงหยดเลือด/อาชญา ข่าวสด

แจงคราบเลือด

อาชญา ข่าวสด

 

คดีแตงโมอลหม่าน

แม่หันซบมงคลกิตติ์

ฟ้องนัว-ปมขู่กระทืบ

‘กระติก’ แจงหยดเลือด

 

กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ไปแล้ว สำหรับกรณีแตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวที่เสียชีวิตหลังจากการตกเรือสปีดโบ๊ตระหว่างล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

แม้ผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสรุปออกมาว่าเป็นการจมน้ำเสียชีวิต แต่เกิดจากความประมาทของคนบนเรือ

แต่ในอีกด้านหนึ่งของสังคมก็มีความพยายามที่จะยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นคดีฆาตกรรม

ถึงขั้นเป็นตุเป็นตะว่าเป็นการลวงขึ้นเรือ ใช้มีดกรีดขาจนเลือดไหลหมดตัว แถมบางกรณียังอ้างว่าเป็นการลงมือสังหารบนบก ก่อนนำศพไปทิ้งในแม่น้ำ

ระบุมีหลักฐานชัดเจน แม้ไม่มีใครเคยได้เห็น

มีการเปิดตัวพยานผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกา ที่ได้รับมือถือของแตงโมไปตรวจสอบ สุดท้ายก็คือบังแจ๊ค ที่ถูกแบล็กลิสต์ห้ามเข้าไทย

ที่สำคัญก็คือตัวคุณแม่ของแตงโม ที่เคยเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ ก็เปลี่ยนข้างระบุว่าน่าจะเป็นฆาตกรรม

วงทนายที่เคยร่วมทำคดีก็แตก กลายเป็นการเผชิญหน้า ส.ส.ที่เข้ามาดูคดีให้ใหม่ โทรศัพท์ขู่กระทืบทนายคนเก่า

ชุลมุนพัลวันไปไกลกว่าจุดเริ่มต้นมากแล้วจริงๆ

แม่เชื่อฆาตกรรม

คดี ‘โม’ อลเวง-เปลี่ยนทนายวุ่น

จากกรณีที่เพจปริศนา ใช้ชื่ออ้างเป็นแตงโม โพสต์ภาพและคลิปอ้างอิงว่าถูกฆาตกรรม และจี้ให้คนบนเรือออกมาพูดความจริง จนนำไปสู่การตั้งคำถามว่าสรุปแล้วโทรศัพท์ของแตงโมวันเกิดเหตุอยู่ที่ใดกันแน่

และคลี่คลายออกมาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม เมื่อนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความเปิดสำนักงานแถลงว่า โทรศัพท์เครื่องดังกล่าว ที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม ระบุว่าอยู่กับทนายนั้น แท้จริงแล้วแม่ได้ส่งพัสดุไปให้ “บังแจ๊ค” หรือนายซาคาเนีย ราชา ไฮเดอร์ ชาวปากีสถาน ที่ผลักดันออกจากประเทศไทย ในข้อหาโอเวอร์สเตย์

แต่ยืนยันไม่ทราบเรื่องการโอนเงินเข้าบัญชีคนใกล้ชิดแตงโม 2-3 แสนบาทว่าจะเกี่ยวพันหรือไม่ นำมาซึ่งการเปลี่ยนตัวทนายในคดี

ต่อมาวันที่ 27 พฤษภาคม นางภนิดาก็เปิดตัวทีมกฎหมายชุดใหม่ โดยใช้สถานที่อาคารรัฐสภาแถลงต่อสื่อมวลชน

ซึ่งทีมกฎหมายในคดีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ แห่งพรรคไทยศิวิไลย์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม

โดยนายมงคลกิตติ์ระบุว่า นางภนิดามาขอร้องให้ตนช่วยเหลือคดีการเสียชีวิตของแตงโม จึงตั้งทีมขึ้นมารับผิดชอบ โดยตนและนายอัจฉริยะจะเป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ใช้ทีมกฎหมายจากพรรคไทยศิวิไลย์ดูแลทั้งหมด คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2 ปีครึ่งหลังจากนี้คดีถึงจะสิ้นสุด ก็จะดูแลแม่แตงโมทั้งหมด ยืนยันเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียหาย จะให้คดีนี้เป็นตัวอย่างการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

ขณะที่นางภนิดาอ่านแถลงการณ์ที่เตรียมมา เปิดใจว่าอึดอัดใจกับประเด็นการเสียชีวิตของแตงโม ทุกวันนี้ยังคิดถึงลูกทุกวัน ทุกเวลา ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทวงความยุติธรรมให้ลูกสาวคนเดียวที่รักสุดหัวใจ เข้าใจว่าลูกสาวอาจไม่ได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ อาจเป็นฆาตกรรมอำพราง จึงตัดสินใจดำเนินคดีต่อศาลด้วยตนเอง

พร้อมระบุเสียเวลาไปแล้ว 3 เดือนเต็ม ตอนนี้จะลุกมาสู้เพื่อความถูกต้อง ที่ผ่านมาก็สู้ แต่ไม่ได้บอกใคร มีหลักฐานเยอะแยะ เก็บหลักฐานเอง แต่ประชาชนคิดว่าแม่ไม่ทำอะไร ไม่ออกมาช่วยลูก ทุกวันนี้น้ำหนักลด 7 ก.ก. ไม่ได้หลับได้นอน หวังว่าสื่อมวลชนคงเข้าใจ และไม่เสนอข่าวบิดเบือน

พร้อมแสดงความปลาบปลื้มที่ได้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. เข้ามาช่วยเหลือคดี และยังระบุอีกว่า การได้พบกับนายมงคลกิตติ์ ถือเป็นเรื่องฟ้าเปิด และพร้อมทำทุกอย่างให้ความจริงปรากฏ

คงต้องรอดูว่าจะมีบทสรุปอย่างไร

แจงคราบเลือด

‘กระติก’ ท้าเปิดคลิปนาทีฆ่า

สําหรับความคืบหน้าในคดีหลัก หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการนนทบุรี และได้รับการตีกลับมาเพื่อให้สอบสวนเพิ่มเติมผู้ต้องหาทั้ง 6 ก่อนส่งสำนวนกลับไปให้อัยการพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่นั้น เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ก็มีข่าวลือว่าอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด

แต่ต่อมานายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ไม่เป็นความจริง สำนวนยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียดของอธิบดีอัยการภาค 1 เพราะต้องพิจารณาสำนวนอย่างรอบคอบ จึงไม่คิดว่าจะมีความสั่งฟ้องหรือไม่ในเร็วๆ นี้

อีกทั้งตามระเบียบของอัยการแล้วจะไม่มีข่าวหลุดว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องออกไปก่อนวันนัดฟังคำสั่งแน่นอน มิฉะนั้นอาจทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปก่อน ดังนั้น ย้ำว่าข่าวที่ออกไปว่าสั่งฟ้องแล้วไม่ใช่ข้อเท็จจริง

ขณะที่ทีมกฎหมายของแม่แตงโมก็ยืนยันเชื่อมั่นว่าเป็นคดีฆาตกรรมแน่นอน โดยนายอัจฉริยะระบุ มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นเรื่องฆาตกรรมอำพราง จะใช้โดรนดำสำรวจใต้น้ำหาอาวุธสังหาร เพื่อนำมาเป็นหลักฐาน จะขอพิสูจน์เรือใหม่ และฟ้องร้องบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมอำพรางแตงโม เชื่อว่าบาดแผลที่ขาขวาไม่ได้ถูกใบพัดเรือ แต่ถูกมีดกรีด แต่หลักฐานบางอย่างไม่สามารถเปิดให้คนทั้งประเทศดูได้

นอกจากนี้ ยังเปิดหลักฐานใหม่ ระบุว่ามีคราบเลือดตรงกับดีเอ็นเอแตงโม 2 จุด อยู่ที่เสื้อผ้าหนึ่งในผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหารายนี้เป็นคนที่พูดเก่งๆ หลักฐานตรงนี้มีการออกโดยหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่รู้ว่าตำรวจใส่ในสำนวน หรือส่งให้อัยการหรือไม่ โดยเรื่องนี้เป็นหนึ่งเรื่องที่จะยื่นให้อัยการตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นการฆาตกรรม

“ทราบว่าอัยการจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 ในวันที่ 23 มิถุนายน เรายังมีเวลารวบรวมพยานหลักฐานก่อนนั้น และจะฟ้องดำเนินคดีเองทั้งหมด”

เช่นเดียวกับนางภนิดาที่ระบุว่า ได้ดูหลักฐานจากมือถือแตงโม ที่บังแจ๊คกู้ออกมาแล้ว ยังเชื่อว่าแตงโมเสียชีวิตตั้งแต่อยู่บนบก!!

ขณะที่กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ เพื่อนและผู้จัดการแตงโม ที่ตกเป็น 1 ผู้ต้องหา ก็ท้าให้นายอัจฉริยะ ที่บอกว่ามีหลักฐานชัดเจน ก็ให้เปิดเผยออกมา ไม่ต้องกลัวถูกฟ้อง เพราะถ้าผิดก็คือผิด ถ้าเห็นชัดว่าฆ่ากัน เอามีดกรีดกันจะสนใจเรื่องเวลาทำไม และย้ำว่าอย่าทำให้แฟนคลับผิดหวัง

พร้อมระบุว่า ดีเอ็นเอหรือเลือดที่พบนั้นมาจากเสื้อผ้าที่ตนใส่วันเกิดเหตุ เพราะเราใส่เสื้อผ้าร่วมกันอยู่แล้ว และเรื่องนี้ให้การตำรวจไว้เรียบร้อย

อีกทั้งมีการแฉว่ามีสายปริศนาจากสหรัฐ อ้างมีแก๊งจะตบทรัพย์คนบนเรือด้วย!!

ทนายเดชาแจ้งกองปราบ

‘เดชา’ แจ้งจับ ‘มงคลกิตติ์’ ขู่ตื้บ

ขณะที่นายเดชา ที่กลายเป็นอดีตทนาย ระบุว่า ได้รับข่าวลือว่าคดีแตงโม สุดท้ายจะไม่มีฟ้องตรงต่อศาลข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ทำได้เพียงขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการเท่านั้น ซึ่งก็เป็นคดีประมาท และว่า คณะสามช่าที่รวมตัวแถลงข่าวเป็นคดีฆาตกรรมนั้นเป็นแค่คนอยากดังมีพื้นที่สื่อ ไม่มีหลักฐานทั้งสิ้น เป็นเพียงการปั่นกระแสไปเรื่อย พอสื่อมวลชนขอดูหลักฐานก็อ้างเปิดไม่ได้เพราะจะถูกฟ้องร้อง ตอนนี้ถึงทางตันเป็นมวยล้มต้มคนดู

นายเดชากล่าวอีกว่า คดีฆาตกรรมต้องมีหลักฐานชัดเจน เช่น มีประจักษ์พยานเห็นว่ามีคนฆ่ากัน มีกล้องวงจรปิด และพยานเห็นอาวุธ ซึ่งหากไม่มีก็พลิกไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามาอาศัยกองเชียร์หรือความเห็นทางโซเชียล เพราะทุกวันนี้มีแต่ศพเท่านั้น

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา 77 วันที่เคยรับหน้าที่เป็นทนายความให้นางภนิดา ไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ว่าคดีนี้เป็นการกระทำโดยเจตนา ท้ายสุดหากพยายามทำให้คดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม คดีนี้จะเสียหาย แตงโมจะตายฟรีเพราะคดีถูกยกฟ้อง และแม่จะไม่ได้เงิน 200 ล้านบาท และอาจถูกฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จ, เบิกความเท็จ จึงอยากให้คิดดีๆ ไปปรึกษากับนักกฎหมายก่อน”

กลายเป็นประเด็นเลยเถิด เมื่อปรากฏคลิปเสียงของนายมงคลกิตติ์โทรศัพท์หานายเดชา เพื่อขอให้หยุดพาดพิงถึงคดี และแม่แตงโม รวมทั้งการพาดพิงถึงแก๊งตัวตลก และมีถ้อยคำอาทิ ถ้าเป็นคนอื่นคงส่งคนไปกระทืบแล้ว และจะใช้วิธีทางการเมืองเข้าจัดการ

จนเป็นเหตุให้นายเดชาเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ภูมิระพี สังข์ทอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. กรณีถูกนายมงคลกิตต์ข่มขู่ทำร้ายร่างกายหากไม่หยุดวิจารณ์คดีการเสียชีวิตของแตงโม ในความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพ มาตรา 309 และข้อหาทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว

และจะร้องเรียนต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับพฤติกรรม และจริยธรรมนักการเมือง

ส่วนนายมงคลกิตติ์ระบุว่าแค่ล้อเล่น ไม่หวั่นแม้จะต้องพ้น ส.ส. เพราะตำแหน่งอยู่ไม่นาน แต่ตำนานจะอยู่ตลอดไป

เป็นเรื่องชุลมุนชุลเกที่สืบเนื่องจากคดีแตงโม ซึ่งคงไม่จบลงง่ายๆ