สู่กระแสเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

สู่กระแสเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ

 

เพราะความคึกคักของผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งชัชชาติ สิทธิพันธุ์Ž ชนะแบบถล่มทลาย ทิ้งห่างผู้สมัครจากพรรคฝ่ายรัฐบาลอย่างขาดลอย ทั้งความที่ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ขยัน ติดดิน มากด้วยวิสัยทัศน์ ความรู้ความสามารถ

จึงทำให้เกิดกระแสร้อนแรงติดตามมา

อยากได้ผู้ว่าฯ เลือกตั้งในจังหวัดอื่นๆ ด้วย อยากให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ในทุกๆ จังหวัดทั่วประเทศ

ความที่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.หนนี้ เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชวนให้ติดตามตั้งแต่เริ่มเปิดรับสมัคร เนื่องจากมีบรรดาคนดังๆ ลงสนามกันคับคั่ง ทั้งในนามพรรค เช่น ประชาธิปัตย์ ก้าวไกล ไทยสร้างไทย

หรือที่ลงในนามอิสระ ทั้งฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่าย กปปส. ฝ่ายเสื้อเหลือง ขั้วหนุนรัฐบาล

ทำให้มีทั้งการหาเสียงในลักษณะชูวิสัยทัศน์ความสามารถของนักบริหารเมือง และหาเสียงในลักษณะขั้วทางการเมือง ยิ่งเพิ่มสีสันความร้อนแรงมากขึ้น

แต่ทั้งหมดนี้นายชัชชาติได้ประกาศตัวล่วงหน้ามาหลายปี ทั้งลงศึกษาปัญหา สัมผัสประชาชนในทุกซอกมุมมายาวนาน

กระนั้นก็ตาม บรรยากาศราว 2 เดือนที่ลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างจริงจัง ช่วยให้การเลือกตั้งท้องถิ่น กทม. มากด้วยประเด็นที่น่าสนใจ เรียกการติดตามจากคนทั่วประเทศได้ด้วยซ้ำ เพราะมีความเชื่อมโยงของการต่อสู้ทางการเมืองในระดับชาติ และระหว่างขั้วการเมืองอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกโรงของแกนนำรุ่นโบราณของ พธม. เพื่อสนับสนุนผู้สมัครบางราย การเคลื่อนไหวของแกนนำ กปปส. เพื่อระดมพลออกมาเลือกผู้สมัครที่เป็นแกนนำม็อบนกหวีด

แถมบนเวทีเสวนาและดีเบต ถกเถียงกันเรื่องแนวคิดของผู้สมัครผู้ว่าฯ ต่อการดูแลการชุมนุมทางการเมือง ไปจนถึงท่าทีต่อการรัฐประหาร

ที่สำคัญวันเลือกตั้ง ดันเลือกเอาวันที่ 22 พฤษภาคมอีกด้วย

ประเด็นการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ที่ฉุดให้ประเทศไทยสูญเสียประชาธิปไตย จึงยิ่งเข้ามามีส่วนต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยเฉพาะผู้ว่าฯ กทม.เอง ที่ต้องขาดหายไปจากการเลือกตั้งโดยประชาชนยาวนานถึง 9 ปี เนื่องจากการก่อรัฐประหารของ คสช.

เหล่านี้เองทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.หนนี้ มากด้วยความร้อนแรง ตลอดช่วงการหาเสียง แล้วยิ่งเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแบบแลนด์สไลด์ ทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะท่วมท้น ทั้งเก้าอี้ผู้ว่าฯ และเก้าอี้ ส.ก.

ไม่ว่าจะเป็นการชนะของนายชัชชาติ ที่ได้คะแนนเกินกว่า 1.3 ล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการได้ ส.ก. 20 ที่ ของพรรคเพื่อไทย 14 ที่ ของพรรคก้าวไกล 2 ที่ ของพรรคไทยสร้างไทย

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่าย กปปส. ฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง แพ้รูดทุกกระดาน

จึงทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่น กทม. ส่งผลสะเทือนไปถึงการเมืองใหญ่ และเกิดกระแสอยากเลือกตั้งผู้ว่าฯ ด้วยในทั่วประเทศ!

 

เสียงเรียกร้องต้องการให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกจังหวัด เป็นที่พูดถึงมายาวนานไม่น้อย แต่เป็นที่รู้กันว่า อำนาจนอกระบบประชาธิปไตย ที่ครอบงำสังคมไทยอยู่ ไม่ยินยอมให้มีการเลือกตั้งระดับนี้ในทั่วประเทศ เพราะผู้ว่าฯ ถือเป็นกลไกที่สำคัญของเครือข่ายขุนศึกขุนนาง ที่ยอมปล่อยไปไม่ได้

แต่ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หนนี้ ได้คนที่เป็นขวัญใจประชาชน เป็นที่ยอมรับนับถือกันมายาวนาน

จึงปลุกอารมณ์ความรู้สึกของคนในหลายๆ จังหวัด ทำไมไม่ได้สิทธิเลือกผู้ว่าฯ เองบ้าง จะได้เลือกคนที่เก่งและเข้าใจปัญหาในพื้นที่แท้จริง ไม่ใช่ได้คนของกระทรวงมหาดไทย ที่แต่งตั้งจากส่วนกลาง และแต่งตั้งโยกย้ายกันทุก 2-3 ปี

กระแสเรียกร้องเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ คงจะเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึงต่อไปไม่สิ้นสุด

ที่น่าตลก และยังจดจำกันไม่รู้ลืม อีกทั้งเพราะเชื่อมโยงถึงการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกด้วย

นั่นคือ การชุมนุมของ กปปส. จุดเริ่มต้นของขั้นตอนการรัฐประหารดังกล่าว

มีการสร้างข้อเรียกร้องในการเคลื่อนไหวให้ดูหรูหราหลายประเด็น เพื่อจูงใจชนชั้นกลางให้รู้สึกว่าดูดีในการเข้าร่วมม็อบ และให้รู้สึกสอดรับกับวาทกรรมต้องปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง

โดยชูประเด็นข้อเสนอ ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศด้วย!?!

โดยที่เป่านกหวีดปรบมือเชียร์ข้อเสนอนี้ ไม่ได้มองลงไปให้ลึกว่า กปปส.คือม็อบที่มีเป้าหมายชัดเจนในการนำสังคมไทยถอยไปสู่ยุคอนุรักษนิยมการเมือง และแน่นอนว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ขัดแย้งกับหลักของฝ่ายขุนศึกขุนนางอย่างที่สุด

แล้วผลการต่อสู้ของ กปปส. ก็นำมาซึ่งการปฏิเสธเลือกตั้ง ขัดขวางการเลือกตั้ง จนกลายเป็นการรัฐประหาร ได้รัฐบาลทหาร 5 ปี ได้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ได้ผู้นำรัฐประหารเป็นนายกฯ ต่อมาจนถึงวันนี้

**หลังจากบรรลุเป้าหมาย ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และประชาธิปไตย จากนั้นมา สิ่งที่พูดกันหรูหราในเวที กปปส. หลายต่อหลายประเด็นก็เงียบหายไป ไม่เคลื่อนไหวผลักดันอะไรอีกเลย**

ปฏิรูปการเมืองก็ไม่มี แถมการเมืองในยุคอำนาจ คสช. ที่มาจากการเป่านกหวีด ถอยหลังน้ำเน่าอย่างสุดๆ

สำคัญคือ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ไม่เห็นมีผู้นำ กปปส.เอามาพูดถึงอีก หลังจากเสร็จสมในเป้าหมายนำการเมืองไทยถอยหลังย้อนยุคเรียบร้อยแล้ว!

 

ชัยชนะของผู้ว่าฯ ชัชชาติ และ 20 ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย 14 ส.ก.ของพรรคก้าวไกล ในขณะที่ผู้สมัครของ กปปส. ของกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลือง ของคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แพ้อย่างราบคาบ ไปจนถึงการได้ ส.ก.เพียง 2 ที่นั่งของพลังประชารัฐ

ทำให้ผลการเลือกตั้งดังกล่าว เชื่อว่าสะท้อนถึงการเมืองใหญ่อย่างชัดเจน

ทั้งยังมองว่า สะท้อนถึงกรณีการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 อีกด้วย

เพราะเป็นการเลือกตั้งในรอบ 9 ปี ซึ่งห่างหายไปเพราะผลพวงรัฐประหาร ทำให้คน กทม.ได้ผู้ว่าฯ จากการแต่งตั้งของ คสช.มาบริหารอยู่ถึง 5 ปีกว่าๆ

การเลือกชัชชาติอย่างถล่มทลายนั้น ไม่เพียงเพราะเห็นในคุณสมบัติอันเหมาะสมกับการเป็นผู้บริหารเมือง กทม. แต่น่าจะยังมองไปถึงความสามารถที่เคยเป็นรัฐมนตรีคมนาคมในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์อันประจักษ์กันมาแล้ว

ทั้งเป็นรัฐบาลที่โดนโค่นล้มโดยการชุมนุมของม็อบนกหวีดและการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

โดยนายชัชชาติ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกทหารควบคุมตัวหลังรัฐประหาร โดนคลุมหัว ถูกปืนจี้ เข้าค่ายด้วย

แม้ว่าการลงสมัครผู้ว่าฯ จะเลือกลงในนามอิสระ ไม่ขอสังกัดพรรคเพื่อไทย เพื่อต้องการทำงานบริหารเมืองแบบนักบริหารจริงๆ ไม่มีภาพการเมืองมาเกี่ยวข้อง

แม้ไม่ถือว่าจะเป็นคนของพรรคเพื่อไทย แต่ก็มองกันว่า เป็นคนในฝ่ายประชาธิปไตย ยืนตรงข้ามกับรัฐบาลนี้ อีกทั้งเมื่อมองผลการเลือกตั้ง ส.ก. ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้เข้ามาจำนวนมาก

ภาพรวมของการเลือกท้องถิ่น กทม.ที่ผลออกมาดังกล่าว จึงเป็นภาพการเมืองใหญ่อย่างปฏิเสธไม่ได้ เป็นการปลุกความคึกคักของคนรักประชาธิปไตย และกระแสฝ่ายประชาธิปไตยทั่วประเทศ

จนเริ่มเกิดข้อเรียกร้อง ขอเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศด้วย

ทำเอาฝ่ายอนุรักษนิยมการเมืองถึงกับออกอาการ จนเกิดข้อกล่าวหา การเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด คือการสร้างรัฐอิสระ แยกดินแดนอะไรไปโน่น!?!