อ่านใจปูตินผ่านคนวงใน/กาแฟดำ สุทธิชัย หยุ่น

สุทธิชัย หยุ่น

กาแฟดำ

สุทธิชัย หยุ่น

 

อ่านใจปูตินผ่านคนวงใน

 

ใครต้องการจะเข้าใจว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียมีวิธีคิดและวิเคราะห์สถานการณ์รัสเซียกับโลกอย่างไรต้องคอยเงี่ยหูฟังสองคนนี้

โดยเฉพาะหากจะหาคำตอบว่าปูตินจะปิดเกมสงครามยูเครนนี้อย่างไร

คนแรกคือโฆษกส่วนตัว Dmitry Pescov ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นปากเสียงสะท้อนแนวทางของปูตินทุกเรื่อง

อีกคนหนึ่งคือ Sergey Karaganov ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์การเมืองรัสเซียที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีบอริส เยลต์ซิน และต่อมาถึงปูตินด้วย

ปูตินกับโฆษกส่วนตัว Dmitry Pescov

ผมติดตามความเห็นและแนวทางวิเคราะห์ของทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดมาตลอด

Pescov ย้ำเสมอว่ารัสเซียไม่ได้ต้องการทำ “สงคราม” กับยูเครนหรือ NATO แต่ต้องการจะปกป้องตนเองด้วย “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ยูเครนคุกคามคนยูเครนที่มีเชื้อสายรัสเซียในภูมิภาค Donbas

และยืนยันว่า NATO มีเจตนาร้าย ต้องการจะกดดันรัสเซียให้กลายเป็นประเทศที่อ่อนแอเพื่อจะได้ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรกับโลกตะวันตกอีกในวันนี้และวันข้างหน้า

แต่แนววิเคราะห์ของ Karaganov ที่ให้สัมภาษณ์สื่ออิตาลี Corriere Della Sera เมื่อเร็วๆ นี้น่าสนใจสำหรับผมมาก

เพราะเหมือนได้อ่านใจของปูตินและเข้าใจว่าผู้นำรัสเซียคนนี้กำลังต้องการจะทำอะไรกับโลกตะวันตกและกับรัสเซียในช่วงสงครามและหลังสงคราม

เขายอมรับตรงๆ ว่าขณะนี้รัสเซียกำลังทำสงครามกับตะวันตก

และตอกย้ำว่า “ระเบียบความมั่นคงของยุโรป” ทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ “ผิดกฎหมาย”

อันหมายความว่ารัสเซียมีสิทธิที่จะไม่ยอมรับโครงสร้างแห่งความมั่นคงของยุโรปวันนี้

เมื่อไม่ยอมรับแล้วก็มีสิทธิที่จะละเมิดกฎกติกาที่ฝ่ายตะวันตกเขียนขึ้นมา

Karaganov แสดงจุดยืนอย่างนี้ได้เพราะเขาใกล้ชิดกับปูตินและรัฐมนตรีต่างประเทศ Sergey Lavrov

เขาคือเจ้าของข้อเสนอล่าสุดเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษารัสเซียใน “ต่างประเทศที่อยู่ใกล้บ้านเรา” หรือ “near abroad”

ซึ่งก็คือประเทศเพื่อนบ้านที่มีคนเชื้อสายรัสเซียไปพำนักอยู่

หากรัสเซียเห็นว่าพวกเขาถูกรังแกหรือหากมีเสียงเรียกร้องให้ช่วยเหลือจากคนเหล่านี้ มอสโกก็จะถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องปกป้องรักษา

แม้จะต้องใช้กำลังอย่างที่เกิดในภูมิภาค Donbas ทางตะวันออกของยูเครน

หรือที่เห็นเป็นตัวอย่างชัดเจนคือแหลม Crimea ที่ปูตินสั่งให้ผนวกกลับมาเป็นของรัสเซียเมื่อปี 2014

และกำลังกระทำการแบบเดียวกันใน Donbas ของยูเครน

เขาจึงเรียกแนวคิดอย่างนี้ว่าเป็น “หลักคำสอน” หรือ “ลัทธิปูติน”

ปูตินกับที่ปรึกษา Sergey Karaganov

สถานภาพของ Karaganov น่าสนใจในบริบทของสงครามยูเครนวันนี้

เขาเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ “คลังสมอง” หรือ Think Tank ที่เรียกว่า “สภานโยบายการต่างประเทศและการป้องกันประเทศ”

และเมื่อปี 2019 เขาเป็นคนแรกในแวดวงใกล้กับปูตินในรัสเซียที่ออกมาแสดงความเห็นต่อสาธารณชนด้วยข้อเสนอให้มีการ “การบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ”

ปูตินแถลงเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ (วันส่งทหารรัสเซียเข้ายูเครนรอบนี้) ว่าการที่ยูเครนมีแผนจะเข้าเป็นสมาชิก NATO ทำให้รัสเซียมีสิทธิที่จะเข้าแทรกแซงทางทหารในยูเครนเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

ทั้งๆ ที่ยูเครนอ้างว่าไม่เคยมีแผนที่จะสมัครเข้า NATO ก่อนหน้านั้น…และนายกฯ เยอรมนี Olaf Scholz ก็เคยประกาศว่าแผนยูเครนเข้า NATO เป็นเรื่องของอนาคตอันไกลโพ้น

 

นักข่าวของสื่ออิตาลีถาม Karaganov ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ รัสเซียมีเหตุผลอันใดที่จะรุกรานยูเครน

เขาตอบว่า

“เป็นเวลา 25 ปีแล้วที่หลายๆ คนรวมทั้งผมได้พูดเตือนเอาไว้แล้วว่าการขยายตัวของ NATO จะนำไปสู่สงคราม…

“ปูตินกล่าวหลายครั้งก่อนหน้านี้ ว่าหากยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO ก็จะไม่มียูเครนอีกต่อไป…”

เขาอ้างว่าเมื่อปี 2008 มีแผนจะผนวกยูเครนและจอร์เจียเข้าเป็น NATO ด้วยวิธีการทางลัด

แต่แผนนี้ถูกขัดขวางโดยความพยายามของเยอรมนีและฝรั่งเศสในขณะนั้น

แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ยูเครนก็เสมือนถูกรวมเข้าไปอยู่กับ NATO

เพราะมีการส่งอาวุธเข้าไปให้ยูเครนและกองกำลังของยูเครนก็ได้รับการฝึกโดย NATO ทำให้กองทัพแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน

“ขณะเดียวกัน เราก็เห็นกระแส Neo-Nazis เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ทหาร สังคม และชนชั้นปกครอง…”

เขาอ้างว่ายูเครนได้กลายเป็นเหมือนเยอรมนีในช่วงปี 1936-1937

“ดังนั้น สงครามจึงกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะพวกนี้ได้กลายเป็นหัวหอกของ NATO

“…เราต้องตัดสินใจด้วยความยากลำบากที่จะโจมตีก่อน…ก่อนที่ภัยคุกคามนั้นจะกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่หนักกว่าเดิม…”

 

สื่ออิตาลีแย้งว่าความจริงยูเครนไม่ได้กำลังจะกลายเป็นสมาชิกของ NATO อย่างน้อยก็หลายปี ไม่ใช่หรือ

Karaganov ย้ำประโยคที่ปูตินพูดบ่อยๆ ว่า

“เราได้ยินคำสัญญามากมายหลายอย่างจากผู้นำตะวันตกตลอด 30 ปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาโกหกเราหรือลืมคำสัญญาของพวกเขา ในตอนแรกนั้น เราได้รับแจ้งว่า NATO จะไม่ขยายตัวเพิ่มอีก…แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้”

คำถามต่อมาก็คือคิดได้อย่างไรว่าประเทศขนาดกลางที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่างยูเครนจะโจมตียักษ์ใหญ่ด้านนิวเคลียร์อย่างรัสเซียได้อย่างไร

และคิดได้อย่างไรว่ายูเครนเป็นประเทศนาซีในเมื่อมีประธานาธิบดีที่เป็นชาวยิว และได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงมากกว่า 70%?

ที่ปรึกษาปูตินคนนี้ตอบว่ายูเครนถูกสร้างขึ้นโดยสหรัฐและประเทศ NATO อื่นๆ เพื่อเป็นหัวหอกสำหรับการรุกรานหรืออย่างน้อยก็แรงกดดันทางทหาร เพื่อนำเครื่องจักรทางการทหารของ NATO เข้าใกล้ใจกลางรัสเซียมากขึ้น

“ตอนนี้เราเห็นแล้วว่ากองกำลังของพวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามได้ดีเพียงใด…”

“และพวกนาซีไม่เพียงแต่ฆ่าชาวยิวเท่านั้น ลัทธินาซีเป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจสูงสุดของประเทศหนึ่งเหนืออีกประเทศหนึ่ง ลัทธินาซีเป็นการด้อยค่าชาติอื่น ระบอบการปกครองและสังคมในยูเครนกำลังดำเนินไปเหมือนกับเยอรมนีในช่วงทศวรรษที่ 1930…”

 

คนข่าวถามต่อว่า : คุณบอกว่า NATO สัญญาว่าจะไม่ขยายไปทางตะวันออกและรัสเซียก็ถูกหลอก แต่สมาชิกของอดีตสนธิสัญญาวอร์ซอเองก็ได้ร้องเข้าร่วม NATO ด้วยไม่ใช่หรือ และรัสเซียได้ลงนามในสัญญาความสัมพันธ์รัสเซีย-นาโตในปี 1997 โดยยอมรับการขยายขนาดของนาโต นั่นย่อมไม่มีใครหลอกใครมิใช่หรือ

Karaganov ยอมรับว่า

“นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของนโยบายต่างประเทศของรัสเซียในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา…”

เขาบอกว่าเขาได้ต่อต้านข้อตกลงของปี 1997 เพราะมันทำให้การขยายตัวของ NATO ถูกต้องตามกฎหมาย

“แต่ที่เรายอมลงนามเพราะตอนนั้นเรายากจนเหลือเกิน…และเราก็ไว้ใจในภูมิปัญญาของพันธมิตรของเรา…”

เขาบอกว่าในช่วงเวลานั้นประธานาธิบดีเยลต์ซินอาจคิดว่ารัสเซียอาจจะ “หลบซ่อนจากเม็ดฝนไม่ให้เราเปียกได้”

แต่มันไม่เป็นผลอย่างที่เราคิด

เขาบอกว่า NATO ถูกตั้งขึ้นมาเป็นพันธมิตรในการป้องกัน “แต่เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายและรัสเซียอ่อนแอ ผมตกใจมากที่เห็นภาพที่เซอร์เบียถูกข่มขืนในปี 1999

“หลังจากนั้น เราก็มีสงครามที่โหดร้ายอย่างที่สุดในประเทศอิรักที่สมาชิกนาโตส่วนใหญ่ก่อขึ้น จากนั้นเราก็มีการรุกรานที่ชัดเจนอีกครั้งในลิเบีย…ทั้งหมดเป็นฝีมือของ NATO…”

Karaganov สรุปเสียงดังฟังชัดว่า “ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่เชื่อถือคำพูดอะไรทั้งสิ้น…”

ใต้ภาพ

1-ปูตินกับโฆษกส่วนตัว Dmitry Pescov

2-ปูตินกับที่ปรึกษา Sergey Karaganov