เผยแพร่ |
---|
พลันที่สถานการณ์ว่าด้วย”ปริญญ์”ระเบิดขึ้น สถานการณ์ว่าด้วย”แตงโม”ก็ค่อยจางหายจากไป
“สน.ลุมพินี” กลายเป็นจุดร่วมเหนือกว่า”สน.นนทบุรี”
ยิ่งเมื่อหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายขยายตัวจาก”นักศึกษาราม”ไปสู่ผู้สมัครสก.”รวมไทยยูไนเต็ด” และมีการเปิดเบาะแสไปยังดาราและนักแสดงในแวดวงบันเทิง
ยิ่งทำให้นามของ”ปริญญ์” กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เริ่มจากสถานการณ์ที่อังกฤษในวัย 25 เรื่อยมาจนถึงภายในพรรคประชาธิปัตย์เอง
สีสันอัน”ปริญญ์”ได้ก่อขึ้นโดยมีจุดเริ่มจาก”ซาโตชิ”จึงเข้ากับ บรรยากาศแห่ง”คริปโตเคอเรนซี่” อันถือได้ว่าเป็นการใช้เทคโนโลยี ในยุค”ดิจิทัล”เข้าแสวงหาผลประโยชน์ทาง”เพศ”อย่างกลมกลืน
ความแหลมคมเป็นอย่างมาก คือ สถานการณ์ได้กลายเป็นบท
เรียนทาง”เพศศึกษา”ได้อย่างโลดโผนและเป็นพื้นที่ในการปราบคนดังในแวดวงทางการเมืองได้อย่างชะงัดยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็น”เต้ พระรามเจ็ด” ไม่ว่าจะเป็น”ป๋าวัน บางบอน”
ยิ่งเมื่อ”ทนายตั้ม ษิทรา”ออกมาเปิดประเด็นในวันแรกโดยระบุเพียงนำร่องด้วย”รองหัวหน้าพรรค” ยิ่งทำให้คนซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค และ คนซึ่งเป็นเซเล็บถอนหายใจอย่างโล่งอก
มิได้ถอนหายใจอย่างธรรมดา หากแต่ยังปล่อย”ลวดลายลีลา”ออกมาผ่านพื้นที่”ออนไลน์”
ท่วงทำนองไม่แตกต่างไปจากนักการเมืองบางคนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นสส.ในกรรมาธิการพัฒนาสตรี
นั่นก็คือ ตั้งข้อสงสัยต่อหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย นั่นก็คือ มองว่า เป็นการเล่นเกมทางการเมือง เพื่อทำลายนักการเมือง ทำลายพรรค
โดยมองข้ามชะตากรรมของ”หญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย”
อย่าได้แปลกใจหากว่าคล้อยหลังปฏิกิริยาเช่นนั้นจากนักการเมืองชาย จากนักการเมืองหญิง ทั้งภายในพรรคประชาธิปัตย์และภายนอกพรรคประชาธิปัตย์
สถานการณ์”ทัวร์ลง”จะกระหน่ำตามเหมือน”มรสุมโลหิต”
สะท้อนให้เห็นการปะทะในทางความคิดในยุค”อะนาล็อก”กับในยุค”ดิจิทัล”อย่างเด่นชัด
มองข้ามทัศนะใหม่ต่อ”สตรี” ทัศนะใหม่ต่อความหลากหลาย